ตอนที่.34 รักสามเส้า

2597 คำ
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1 ตอนที่.34 รักสามเส้า โดย:srikarin2489 บุษกรเดินเข้ามาในฟิตเนสของโรงพยาบาล สายตาสอดส่ายมองหาเพื่อนทั้งสอง เห็นกำลังวิ่งออกกำลังกายอยู่บนลู่วิ่งไฟฟ้า นอกจากอินทิรากับตุลยาแล้ว ยังมีบุคลากรของโรงพยาบาลมาออกกำลังกายอยู่หลายคน ทั้งห้องพักและฟิตเนสเป็นสวัสดิการของทางโรงพยาบาลมีให้แก่บุคลากร มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สมกับเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ฟิตเนสอยู่ในอาคารที่พักของบุคลากรของโรงพยาบาล “เธอสองคนมาอยู่ในฟิตเนสนี่เอง” บุษกรยังอยู่ในชุดสครับสีน้ำตาล เดินเข้าไปหาเพื่อนทั้งสอง อินทิรากลับมาไว้ผมยาวตามเดิม ส่วนตุลยายังไว้ผมสั้นเหมือนตอนเป็นหมออินเทิร์น ชื่นชอบในความสะดวกไม่ต้องดูแลมาก “เลิกงานแล้วถ้าไม่เห็น เป็นต้องมาอยู่ในนี้” “ทำงานมาทั้งวัน อยากผ่อนคลายออกกำลังกายบ้าง แกมาตามหาพวกเราทำไม” ตุลยากำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งไฟฟ้า เอี้ยวคอมาถาม “แกนัดฉันเองนะไอ้ตุล ลืมแล้วเหรอ” บุษกรร้องถามเสียงแข็งตาวาวไม่พอใจ “นัด...นัดอะไรวะอิน” ตุลยาทำเป็นหันไปถามเพื่อน ที่วิ่งอยู่บนลู่วิ่งถัดไปแต่แววตายิ้มเจ้าเล่ห์แกมสนุก “ไอ้ตุล...นัดเองลืมเองเหรอ” ตุลยาหัวเราะเมื่อถูกเพื่อนร้องว่าอย่างโมโห พร้อมทุบมือลงที่หลังแต่ไม่แรง “รอบนี้ถึงคิวแกแล้ว ต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉันกับอิน พอถึงคิวตัวเองทำเป็นลืมเลยนะ” บุษกรทำหน้าตึงร้องว่า โดยที่ไม่รู้ว่าถูกเพื่อนแกล้งอำเล่น “ไอ้บุษมันดุฉิบหายว่ะอิน ดุเหมือนแมวเลย” “นินทาอะไรฉัน” บุษกรแว้ดเสียงใส่ เมื่อเห็นตุลยาหันไปพูดกับอินทิรา พอได้ยินกันสองคน ถึงจะจับใจความไม่ได้ว่าพูดอะไร แต่รับรู้ได้ว่าพาดพิงถึงตัวเองแน่นอน “สองคนนี้ยังไงนะ กัดกันเก่งตั้งแต่ม.1จนเดี๋ยวนี้” อินทิราบ่นว่าเหมือนจะรำคาญแต่ไม่จริงจัง เป็นความเคยชินที่มีเพื่อนทั้งสองอยู่ด้วย คอยกัดคอยแซะกันตลอด “ไอ้ตุล...ถ้าฉันรู้ว่าแกจะกัดฉันเก่งแบบนี้ ตอนม.1ฉันจะไม่ช่วยแก ปล่อยให้ไอ้พวกนั้นรุมแกล้งแก จนร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับชุมพรไปเลย” “สายไปแล้วจ้ะคุณหมอบุษ ฉันจะตามติดแกกับอินแบบนี้ตลอดไป ไม่ต้องมีลูกมีผัวสักคน” “ไอ้บ้า” ตุลยาหัวเราะเสียงดังชอบใจ ยิ่งยั่วให้บุษกรโมโหได้ยิ่งสนุก “พอ ๆ ๆ ...” อินทิราปิดลู่วิ่งไฟฟ้าแล้วเข้ามาห้าม “แกจะพาฉันกับบุษไปกินที่ไหนวันนี้” “ให้บุษมันเลือกเอาเอง” ตุลยาทำหน้าพยักพเยิดไปทางบุษกร “ฉันแค่เจ้ามือจ่าย แกกับบุษเลือกตามสบาย ขออย่างเดียวไม่เอาอาหารญี่ปุ่นนะโว้ย ฉันไม่ชอบอาหารญี่ปุ่น” บุษกรขึงตาดุใส่เมื่อเพื่อนหันมาบอกดักไว้ก่อน เพราะบุษกรชอบอาหารญี่ปุ่นมาก “ไปกินสตรีทฟู้ดส์มั้ย อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเรา มีของกินอร่อย ๆ เยอะแยะ” “นั่นแหละยอดเยี่ยมมาก” ตุลยายกหัวแม่มือให้กับข้อเสนอของบุษกร แล้วเดินออกไปกับอินทิรา “รอฉันด้วยสิ” บุษกรร้องบอกแล้ววิ่งตาม เข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างเพื่อนทั้งสอง สอดมือเกาะแขนอินทิราไว้ “ตอนเราเรียนแพทย์ ไปไหนมาไหนด้วยกันสามคนตลอด จนอาจารย์เรียกพวกเราว่าไอ้แฝดสาม แต่ฉันว่าเราสามคนน่าจะเป็นสามคนผัวเมียมากกว่า” “อะไรของแกตุล สามคนผัวเมีย ใครผัวใครเมีย” อินทิราหันมาถามยิ้ม ๆ “แกกับบุษเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาล แต่ฉันมาทีหลังยกให้แกเป็นผัวหลวง ฉันเป็นผัวน้อยว่าไงจ๊ะเมียจ๋า” บุษกรแยกเขี้ยวให้เมื่อเพื่อนยื่นหน้ามาถามยิ้มยั่วโมโห “เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ม.1 ยิ่งตอนเรียนแพทย์แทบแกะกันไม่ออก ทำทุกอย่างด้วยกันหมด ยกเว้นเรื่องเซ็กส์” “ไอ้บ้าตุล...ใครจะมีเซ็กส์กับแก” บุษกรแว้ดเสียงใส่พร้อมเหวี่ยงมือไปทุบ จนตุลยาต้องวิ่งหลบพัลวัน “โอ๊ย...โอ๊ย...เจ็บนะโว้ย” ร้องว่าปนหัวเราะเมื่อถูกเพื่อนไล่ทุบด้วยความโมโห “กับผัวหลวงเอาอกเอาใจสารพัด คอยดูแลเทคแคร์ทุกอย่าง พูดจาหวานเพราะรื่นหู ผัวน้อยอย่างฉันเอาไว้ซ้อมมือเล่น เอะอะทุบเอะอะตี แกนี่มันสองมาตรฐานชัด ๆ ” “แกมันปากเสีย คิดเรื่องเซ็กส์กับฉันเหรอ” “ใครบอก ไม่เคยคิดแม้แต่น้อย ทำไม่เป็นโว้ยและไม่คิดอยากจะทำด้วย แค่บอกว่าเราไม่ทำเรื่องนี้ด้วยกันเท่านั้นเอง” ตุลยาบอกพลางลูบแขนของตัวเองถูกเพื่อนทุบไปหลายครั้งจนเริ่มเจ็บ “เลิกทะเลาะกันได้เมื่อไหร่ รีบตามฉันมานะ ฉันจะไปสั่งของอร่อยกับเบียร์เย็น ๆ ไว้รอ” อินทิราบอกแล้วผละไป ทำให้เพื่อนทั้งสองรีบวิ่งตามหลังและไล่ทุบกันไปด้วย ร้านอาหารประเภทสตรีทฟูดส์ ตั้งเรียงรายเต็มสองฝั่งถนนจำนวนหลายสิบร้าน อินทิราพร้อมเพื่อนทั้งสองชอบมาหาของกินประจำ เพราะมีอาหารมากมาย หลากหลายให้เลือกตามใจชอบ เป็นหมอโรงพยาบาลเอกชนมีเวลาทำงานแน่นอน ไม่ต้องขึ้นเวรลากเวรยาวเหมือนตอนเป็นหมออินเทิร์น ทำให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น็็นH ทั้งสามมาบ่อยทั้งมากินเองถึงที่ และสั่งไปกินที่โรงพยาบาล ต่างแยกย้ายไปหาซื้อของกินตามต้องการ กลับมารวมตัวกันอีกครั้งพร้อมของกินเต็มโต๊ะ “กระตุ้นต่อมอยากอาหารก่อน” ตุลยาหยิบกระป๋องเบียร์แจกจ่ายให้เพื่อน “เอ้าชน...เราสามคนผัวเมียจงเจริญ” ตุลยายกกระป๋องเบียร์ขึ้นชูแล้วพูด บุษกรเริ่มแรกยิ้ม แต่พอได้ยินประโยคท้ายถึงกับแยกเขี้ยวให้เพื่อน แล้วยกกระป๋องเบียร์ขึ้นชนด้วย “ตุลมันคงชอบอาหารอีสานจริง ๆ ” อินทิรามองดูอาหารตรงหน้าเพื่อน นอกจากปลาหมึกสดย่างนอกนั้นเป็นเมนูอาหารอีสานล้วน ๆ “ตอนเป็นหมออินเทิร์นอยู่อีสาน ถูกใจมันเลยล่ะ เวลามันกินเมนูอีสาน ใครจะคิดว่าจริงๆ แล้วมันเป็นคนใต้” ตุลยายิ้มกับคำว่าของบุษกร “แกรู้มั้ยบุษ อาหารอีสานมันแซ่บเรียกน้ำย่อยได้ดี ลองชิมเนื้อย่างจิ้มแจ่วนี่ดูสิ อร่อยมากเลยตามด้วยข้าวเหนียว” เพื่อนทั้งสองถึงกับยิ้มเมื่อเห็นตุลยาส่งข้าวเหนียวคำโตเข้าปาก หลังจากส่งเนื้อย่างเข้าไปแล้ว เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยดูฟินมีความสุข “ตำปูปลาร้านี่แซ่บเผ็ดสะใจ ฉันรู้ว่าแกสองคนไม่กินด้วย เลยบอกให้เขาตำเผ็ด ๆ เลย” ตักส้มตำทานแล้วทำเสียงซี๊ดซ๊าดถูกใจ จนเพื่อนพากันหัวเราะ “มันคงเป็นคนใต้แต่ตัวนะบุษ แต่ลิ้นมันเป็นคนอีสาน” บุษกรยิ้มพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อน “ฉันกับไอ้ตาลชอบอาหารอีสานเหมือนกันเลยนะ เวลาไปกินอาหารอีสานด้วยกันแซ่บมาก ไอ้ตาลมันคือคู่หูกินของแซ่บของฉัน” ตุลยาอร่อยอยู่กับเมนูอีสานเป็นหลัก ปั้นข้าวเหนียวคล่องไม่มีติดมือเลย เพื่อนทั้งสองทานของที่ตัวเองซื้อมาของบุษกรเป็นประเภทยำ ผลไม้ สลัดโรลรวมทั้งโรตีของชอบ ส่วนอินทิราชื่นชอบเมนูเส้นอย่างบะหมี่หมูแดง กับขนมหวานแบบไทย ๆ อีกสองสามอย่าง “ตอนเป็นหมออินเทิร์นอยู่อีสาน คิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว ขึ้นเวรทีลากยาวสามสิบกว่าชั่วโมง เราสามคนถึงได้มีอาการวูบหลับอยู่บ่อย ๆ ใครจะคิดว่าอินมันจะมีดวงเวรเยิน วันไหนขึ้นเวรแผนกอีอาร์เจ้าหน้าที่ร่วมเวรหนาว ๆ ร้อน ๆ ไปตาม ๆกัน” อินทิราได้แต่ยิ้มกับคำพูดของเพื่อน เพราะเหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว “มันอยู่เวรอีอาร์ทีไร เจอแต่เคสใหญ่ ๆ โกลาหลแทบทุกครั้ง ไม่ต้องกินไก่ทอดเคเอฟซีก็เรียกเคสได้ตลอด” “คนอื่นขึ้นเวรวอร์ดยังได้นอนนะ แต่ฉันแค่ได้งีบนิดหน่อยก็โอเคแล้ว พี่พยาบาลยังบอกเลยว่า ปกติเวลาหมอคนอื่นอยู่เวรวอร์ด คนไข้ไม่ค่อยเป็นอะไร แต่พอหมออินขึ้นเวรเท่านั้นล่ะยุ่งทั้งคืน เดี๋ยวคนไข้เตียงนั้นเตียงนี้มีอาการทรุด คนไข้ใหม่แอดมิทเข้ามาก็บ่อย ฉันมันดวงเวรเยินจริง ๆ อย่างแกว่า” อินทิราส่ายหน้าบ่นว่าตัวเอง “ตอนอยู่เวรอีอาร์ฉันรับเคสคนถูกยิงหลายครั้ง ทั้งช่วยได้และช่วยไม่ได้ บางคนฉันพยายามช่วยอยู่เสียชีวิตคามือฉันก็มี แต่มีเคสหนึ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกแย่มาก เรียกว่าความรู้สึกดิ่งเลย” อินทิราถอนใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น “เป็นเคสอุบัติเหตุรถชน มอเตอร์ไซค์ชนประสานงากันคนเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาล หนึ่งในผู้บาดเจ็บเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี ตอนมาถึงเขาเสียชีวิตระหว่างทางแล้ว พ่อแม่ตามมาถึงอ้อนวอนขอให้ฉันช่วย คนเป็นแม่ถึงกับก้มกราบฉัน ขอให้ฉันช่วยลูกเขา เพราะเป็นลูกเพียงคนเดียว แต่ลูกเขาหยุดหายใจไปนานแล้ว จับชีพจรไม่เจอ ฉันตัดสินใจปั๊มร่างที่ไม่มีชีพจร ทั้งที่รู้ว่าปั๊มยังไงก็ไม่ขึ้น แต่ฉันทำเพื่อรักษาจิตใจของพ่อแม่เขาที่จะอยู่ต่อไป ทำเพื่อให้พ่อแม่เขาเห็นว่าเราพยายามเต็มที่แล้ว เคสนี้ทำให้ฉันเศร้าใจมาก จนต้องโทรไปหาแม่กลางดึก ให้แม่ปลอบใจ” “แกเจอเคสหนักกว่าฉันกับบุษ เจอดราม่าจากสตาฟจอมว้าก เขารู้ว่าแกเป็นลูกหมอจ้องจะเล่นงานแกเรื่อย” “ตอนเราลาออกแล้ว ฉันไปลาเขาก่อนกลับกรุงเทพฯ เขาพูดจาดีอยู่นะ เขายังอวยพรให้ฉันโชคดี จากลากันด้วยความรู้สึกที่ดีไม่มีอะไรติดค้าง” “ขึ้นเวรยังไม่ได้นอนทั้งคืน เช้ามาต้องมาราวน์วอร์ดต่อคนไข้เยอะจนล้น ราวน์เคสไม่ทันเล่าเคสไม่รู้เรื่องถูกสตาฟว่าเอาอีก คนไข้หลายสิบเตียงมันมึนๆเบลอ ๆ กันได้ แถมหมออินเทิร์นอย่างเรา ต้องเวียนไปตามวอร์ดต่าง ๆ บางทีกำลังง่วงมองหน้าคนไข้แล้วเบลอ ต้องตั้งสติถามตัวเองว่า ตอนนี้ตรูอยู่วอร์ดอะไรวะ” ทั้งสามหัวเราะสนุก เพราะเหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว “แกเป็นเหมือนกันหรือตุล ฉันต้องบอกตัวเองบ่อยว่าตอนนี้อยู่วอร์ดอะไร” “ประจำ ยิ่งอดนอนมากยิ่งเบลอง่าย บางทียังถูกพี่พยาบาลแซวเลย คุณหมอตอนนี้อยู่วอร์ดสูไม่ใช่ศัลย์” “พี่พยาบาลส่วนมากน่ารัก วันไหนฉันลากเวรยาวไปราวน์วอร์ดแล้วมีอาการเบลอ ได้พี่พยาบาลคอยกระซิบบอก” อินทิราเล่าเจือยิ้มเมื่อนึกถึงตัวเองตอนเป็นหมออินเทิร์น ได้พยาบาลคอยช่วยหลายครั้ง “ใช่ พี่พยาบาลน่ารักทุกวอร์ด อย่างที่พี่รหัสฉันบอกเลย” “ตอนนี้ชีวิตเราผ่านช่วงหฤโหดมาแล้ว เอ้าชน” อินทิรากับบุษกรยิ้มแจ่มใสยกกระป๋องเบียร์ขึ้นชนกับเพื่อน “อินมันโปรยเสน่ห์ไว้เยอะ พยาบาลสาว ๆ ชอบมันมาก พอหมออินขึ้นเวรวอร์ดจะคึกคักเป็นพิเศษ มีอาหารการกินเผื่อตลอด” “มีเวลาโปรยเมื่อไหร่ล่ะ งานหนักแทบโงหัวไม่ขึ้นนาน ๆ ได้หยุดที คิดว่าจะไปหาของอร่อย ๆ กินฮีลใจตัวเอง สรุปนอนสลบอยู่บนเตียงนั่นแหละ นอนเหมือนชีวิตนี้จะไม่ได้นอนอีก” “ตอนอยู่รพช.เดือนกว่า สบายขึ้นมานิดนึง อินมันกลายเป็นหมอขวัญใจสาวมัธยม มีเด็กมัธยมมานั่งดักรอดูทุกวัน โดนเสน่ห์หมออินตกไปตาม ๆกัน อย่าว่าแต่เด็กนักเรียนเลย ทั้งครูสาวพยาบาลสาว ๆ โดนเสน่ห์มันตกทั้งนั้น ไม่ป่วยแต่อยากป่วยจะได้มาเจอหมออินรูปหล่อ” อินทิราได้แต่ยิ้มขำ เพราะเป็นอย่างที่ตุลยาพูดทุกอย่าง ทั้งสามคุยกันเรื่องตอนเป็นหมออินเทิร์นอยู่ต่างจังหวัด สารพัดเหตุการณ์ที่ต้องเจอ ชนิดที่เรียกว่าหนึ่งวันพันเหตุการณ์ ตอนเผชิญอยู่ไม่สนุกเลย แต่เมื่อทุกอย่างผ่านไปแล้วกลายเป็นอดีตให้ได้เล่าถึง สนุกสนานบางทีหัวเราะกันตัวโยกน้ำหูน้ำตาไหล เรื่องราวทุกอย่างมันผ่านไปแล้วเหลือไว้เป็นเพียงความทรงจำเท่านั้น ระหว่างดื่มกินพูดคุยกันสนุกสนาน อินทิราไม่เห็นณิชมนกับปาลิดาเดินผ่านหลังไป ปาลิดาไม่สังเกตเห็นอินทิราเช่นกันเพราะคนเยอะพลุกพล่าน จังหวะที่ทั้งสองเดินผ่านหลังตุลยาเข้ามากอดไหล่คุยอะไรอยู่ข้างหูอินทิราไม่ได้สนใจสิ่งอื่น สองสาวมัวแต่ชี้ชวนกันดูอาหารตามร้านต่างๆ “ฉันจะขับรถไปส่งแกที่โรงพยาบาล ให้แกกลับไปเอารถแล้วค่อยไปส่งบุษ แกจะให้ฉันไปส่งมั้ยบุษ หรืออยากไปซ้อนท้ายบิ๊กไบค์อินกลับ” “ไปสิ” บุษกรบอกเสียงแข็ง ใจจริงอยากไปกับอินทิรา แต่เพื่อนไม่เอ่ยปากชวนเลยไม่กล้า หลังจากอิ่มกันแล้วเตรียมตัวจะกลับ ทั้งสามพากันเดินออกมาจากร้านที่นั่งทานอาหาร เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวพลันได้ยินเสียงดังเอะอะร้องโหวกเหวกจากคนแถวนั้น จนต้องหยุดเดินหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น “รถชนคน” เสียงคนตะโกนบอกกัน “เกิดอะไรขึ้น” อินทิราหยุดเดินหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสอง “เสียงคนร้องบอกว่ามีรถชนคน” พอตุลยาพูดจบ ด้วยสัญชาตญาณของแพทย์ ทำให้ทั้งสามรีบตรงไปยังจุดที่เห็นคนเสียงดังเอะอะ มีกลุ่มคนจำนวนหลายคนเข้าไปรุมล้อมดูอะไรอยู่ “เกิดอะไรขึ้น” อินทิราร้องถามกลุ่มคนที่ยืนมุงดูอะไรอยู่ เสียงพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันดังอื้ออึงไปหมด “รถชนคน” เสียงร้องบอกไม่รู้เป็นเสียงใครเพราะมันดูเอะอะวุ่นวาย เสียงพูดกันดังไปหมดจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง “ขอทางหน่อยค่ะ ขอทางหน่อยเราเป็นหมอ ขอดูคนเจ็บหน่อย” อินทิราร้องบอก พยายามแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนที่ยืนมุงดูอยู่ ยังไม่เห็นคนเจ็บว่าเป็นยังไง ผู้คนที่ยืนมุงอยู่พยายามเบี่ยงร่างออก หลีกทางให้เมื่อรู้ว่าทั้งสามเป็นหมอ ภาพที่เห็นร่างหญิงสาวคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นถนน โดยมีหญิงสาวอีกคนนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ด้วยความเป็นห่วง พยายามร้องเรียกคนที่นอนแน่นิ่ง “เป็นอะไรมากมั้ยคะ” อินทิราร้องถาม ทำให้ร่างนั่งคุกเข่าอยู่เอี้ยวตัวมาหา “พี่อิน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม