ร้านเสริมความงามชั้นนำในย่านเศรษฐกิจ
“เฮียไม่บอกคุณลุงล่ะคะ ว่านีมกับเฮียไม่ได้คิดอะไรเกินเลยต่อกันมากไปกว่าคำว่าพี่น้อง แต่งกันไปมันก็ไม่เข้าท่าหรอก” นีรญา จิระโภคินัย นั่งบ่นให้กับปลายสายเมื่อรู้ว่าทางผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายซึ่งก็คือคุณพ่อคุณแม่ของเธอและคุณพ่อคุณแม่ของพี่รติหรือชื่อเล่นที่เธอรู้จักดีคือ เฮียหยาง ลูกชายคนโตในตระกูลมั่งคั่ง หนุ่มลูกครึ่งไทย-จีนผู้ควบคุมการส่งออกรังนกราคาแพงซึ่งเป็นธุรกิจหลักของครอบครัว เฮียหยางมีน้องชายหนึ่งคนชื่อว่าเฮียหย่งและมีน้องสาวอีกหนึ่งคนคือหยก ซึ่งหยกนั้นหรือก็คือเพื่อนสนิทที่ช่วยกันดูแลร้านอาหารจีนที่ทั้งสองครอบครัวต่างมีหุ้นในร้านนี้ฝ่ายละครึ่งและร้านอาหารนี้เองคือจุดเริ่มต้นของคำว่า ‘เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน’ ในสมัยอดีตคุณลุงซือยี่เทาผู้เป็นคุณพ่อของเฮียหยางตัดสินใจเดินทางลัดฟ้าจากเมืองจีนมาทำการค้าขายและได้รู้จักกับพ่อของเธอ ทั้งสองมีร่วมกันเปิดร้านอาหารจีนจนเป็นที่เลื่องชื่อ ก่อนพวกท่านจะพบรักกับสองสาวสวยที่เป็นเพื่อนสนิทกันในวันที่พวกท่านทั้งสองได้พากันเข้ามาสมัครงาน บทสรุปของความรักในครั้งนั้นคือการแต่งงานและครองคู่กันมาจนถึงวันนี้ แน่นอนว่าตั้งแต่ลูกๆ ของทั้งสองครอบครัวได้ลืมตาออกมาดูโลกก็พบว่าต่างฝ่ายต่างไปมาหาสู่กันมาเนิ่นนาน ด้วยความสัมพันธ์อันรักใคร่กลมเกลียวนี้ นีรญาผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลจิระโภคินัยจึงถูกหมายตาให้ไปเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลฉัตรภากรตั้งแต่แรกเกิด!
รติหรือหยาง ได้แต่ส่ายหัวใส่โทรศัพท์เพราะไม่เห็นว่ามันจะสำคัญอะไรกับเรื่องที่เขาและนีรญาจะไม่รักใคร่ชอบพอกัน…ไม่รัก มันคนละเรื่องกับอยู่ร่วมกันไม่ได้ ในเมื่อทั้งบ้านเขาและบ้านนีรญาเป็นบ้านที่ทำธุรกิจร่วมกันมาตั้งแต่แรก แม้ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างจะแยกกันไปจัดตั้งบริษัทกันคนละที่ แต่ร้านอาหารที่ร่วมกันก่อตั้งเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อนนั้นก็ยังคงอยู่ “เฮียไม่ติดอะไร” มือแกร่งเซ็นเอกสารการส่งออกของรังนกมูลค่ามหาศาลโดยที่ในหูยังคงได้ยินเสียงบ่นเบาๆ จากปลายสาย นีรญาหรือนีมที่เขารู้จัก เป็นผู้หญิงที่รักสวยรักงาม ไม่สนใจใคร หลักๆ คือติดของแบรนด์เนมชนิดที่ว่า…เมื่อมีคอเลกชันแบรนด์ดังของเธอเข้ามาใหม่ เธอก็ยอมจ่ายโดยที่ไม่เกี่ยงราคาซึ่งเขาคิดว่ามันคงเป็นความเคยชินและความเอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องได้ตามประสาลูกคนรวย “นีมจะคิดมากไปทำไม เราไม่ได้จะแต่งกันวันนี้พรุ่งนี้” รติส่งเอกสารอนุมัติไปให้ผู้ช่วยคนสนิทก่อนจะไล่อีกฝ่ายออกไปด้านนอก หนุ่มลูกครึ่งไทย-จีนวัยสามสิบสองปี ยกมือขึ้นเสยผมพลางเอนร่างไปกับพนักพิง เขามองท้องฟ้าผ่านหน้าต่างของตึกสี่ชั้นที่ตัวเองเป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหาร พลันคิดถึงกิจการส่งออกรังนกเป็นไปได้ด้วยดีซึ่งแน่นอนว่าตัวเขาที่เป็นถึงลูกชายคนโตจะต้องยืนหยัดเพื่อรับช่วงต่อกิจการที่พ่อของเขาเป็นผู้ริเริ่มเพียงคนเดียว บ่อยครั้งที่ตัวเขาต้องออกไปสำรวจถ้ำหลายแห่งเพื่อสำรวจรังนกคุณภาพดี บ่อยครั้งที่ต้องเข้าร่วมประมูลสัมปทานเพื่อให้ได้มายังแหล่งเพาะพันธุ์นกนางแอ่นชั้นดีและบ่อยครั้งที่ต้องเสี่ยงกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นั้นๆ ในบางครั้งอันตราย บางครั้งเสี่ยงตายคละเคล้ากันไป ซึ่งนั่นคือเหตุผลหลักที่เขายังไม่มีภรรยา…แม้จะรู้ว่าเตี่ยของเขาเคยเกริ่นถึงเรื่องนี้มาแล้วหลายครั้งตั้งแต่นีรญาเรียนจบ! ‘การแต่งงานตามความเหมาะสมและเห็นด้วยของทั้งสองครอบครัวมันคงจะง่ายกว่านี้หากเขากับนีมรักกันแบบคนรัก!’
“นีมอยากจะบ้า” ตากลมสวยมองช่างทำเล็บที่บรรจงแต่งแต้มสีสันบนเล็บของเธอพร้อมกับหลับตาพริ้ม การแต่งงานที่ไร้การหมั้นหมายอาจจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานหลังจากที่เธอกับเฮียหยางพยายามบอกปัดกันไปหลายครั้ง คิดแล้วก็รู้สึกเครียดที่ครอบครัวของเธอดันมีแค่เธอกับพี่นากร ซึ่งเป็นผู้ชาย ถ้าหากพี่นากรหรือพี่นามของเธอเป็นผู้หญิง อีกฝ่ายคงได้แต่งงานกับเฮียหยางไปนานแล้ว ‘น่าโมโห!!’ “นีมจะหนีไปไกลๆ รออีกห้าปีค่อยกลับมาดีไหมคะ” พูดอย่างไม่ใส่ใจและรู้ตัวดีว่ามันทำได้ยาก แต่เธอก็แค่บ่น
“หึ นั่นควรเป็นเฮียพูดมากกว่า สาวเอาแต่ใจขี้วีนแบบนีม ผู้ชายคนไหนได้ไป คงปวดหัวตาย” ‘ในสายตาเขา นีรญาเป็นแบบนั้นจริงๆ’ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรือข้ออ้างที่ดีที่จะทำให้พ่อกับแม่เลิกเกลี้ยกล่อมให้เขาและอีกฝ่ายแต่งงานกัน ในความคิดของเขา ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะธุรกิจและความสนิทสนมจนกันมานานจนอยากได้ไปเป็นเครือญาติ!
นีรญาเม้มปากอย่างนึกโกรธ “เฮียก็พูดเกินไปแล้วค่ะ”
ในขณะที่ทั้งสองสายยังไม่ทันได้ตัดสัญญาณสื่อสาร กลับมีเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นมาจากด้านนอก พร้อมกับเสียงกรีดร้อง เสียงผู้คนโวยวาย เสียงกระจกแตกและเสียงอะไรบางอย่างดัง ตูม!!! เพล้ง!!
รติอ้าปากค้างพลางก้มมองโทรศัพท์ที่มีเสียงโวยวายแทรกออกมา เขาตะโกนดังลั่น “นีม นีม!!” ก่อนที่เรื่องเลวร้ายในหัวสมองจะผ่านเข้ามาเป็นฉากๆ สองขาแกร่งลุกขึ้นจากที่นั่ง ในมือถือโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเองเอาไว้แน่น “ไอ้ชงเอารถออก!!” หัวใจหนุ่มเต้นแรงกับเสียงเหตุการณ์เมื่อครู่ เขารู้ว่าปลายสายถูกตัดไปแล้ว และไม่รู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นยังไงอีก แม้หัวใจจะกระตุกแต่เขายังใช้สติที่มีกดต่อสายไปหาทุกคนในครอบครัวพร้อมกับบอกจุดหมาย ‘ย่านการค้าไชน่าเฮง…ย่านที่ครอบครัวเขาเป็นเจ้าของพื้นที่ให้เช่ามากกว่าสองร้อยไร่’
สถานที่เกิดเหตุ
ทันทีที่รติเดินลงจากรถ เขาได้พบกับน้องชายของเขานั่นก็คืออาหย่งหรือชื่อไทยคือรชวินกำลังเดินประกบเปลพยาบาลซึ่งผู้หญิงที่นอนอยู่บนนั้นจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่นีรญา “หย่ง เกิดอะไรขึ้น” เขาเดินเข้าไปประชิตพร้อมกับเดินตามไปจนถึงรถพยาบาลและมองการทำงานของเจ้าหน้าที่
“ดูเหมือนว่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งออกมาจากซอยแล้วถูกรถมอเตอร์ไซค์ชนกระเด็นน่ะเฮีย ทั้งรถทั้งน้องผู้หญิงนั่นปลิวมาตรงร้านที่อานีมนั่งทำเล็บอยู่” รชวินหนุ่มหล่อลูกครึ่งไทยจีนวัยยี่สิบเจ็ดปีบอกกับพี่ชายด้วยใบหน้าเคร่งเครียด