bc

เอื้องไอยคชสาร

book_age18+
83
ติดตาม
2.0K
อ่าน
แนวดาร์ก
love-triangle
reincarnation/transmigration
จบสุข
เดินทางข้ามเวลา
ใช้กำลัง
คู่ต่างขั้ว
โอกาสครั้งที่สอง
ดราม่า
โศกนาฏกรรม
หวาน
ชายจีบหญิง
เบาสมอง
ตึงเครียด
สาสมใจ
สยองขวัญ
เทพนิยาย
โลกอื่น
ปิ๊งรักวัยเด็ก
ความลับ
พลังวิเศษ
การเกิดใหม่
addiction
like
intro-logo
คำนิยม

ดวงจิตเอื้องไอยเรศตามตำนานกล่าวขาน คือบุปผาศักดิ์สิทธิ์แห่งทวยเทพ จุติขึ้น ณ คุ้มโขลงกาฬวกหัตถี แรกพบประสบพักตร์ก่อให้เกิดความบาดหมางระหว่างคชสารสองเผ่าพันธุ์ ตามมาด้วยโศกนาฏกรรมเศร้าสลดอันเป็นที่มาของคำสาปแช่ง!

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
สู่เหย้าคชสาร
สู่เหย้าคชสาร ๑ ผืนแผ่นดินเร้นลับเชิงเขาหิมาลายาหรือเทือกเขาหิมาลัย สถานที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ด้านภูมิศาสตร์เทือกเขาแห่งนี้ประกอบไปด้วยแนวเขาขนานกันหลายลูก เป็นเทือกเขาที่มีความสูงชัน ทว่าสถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของผู้มากบารมี ซ่อนเร้นจากตาเนื้อของเหล่ามนุษย์ เชิงเขาหิมาลายามีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นาม ‘ปาฤกชาตกัลปพฤกษ์’ คอยหล่อเลี้ยงตาน้ำซึ่งเป็นแหล่งกระจายน้ำไปตามแม่น้ำสายสำคัญหลายแห่ง เชิงเขาแห่งนี้ห้อมล้อมด้วยผืนป่า ๖ ป่า ภูเขา ๕ ลูก แต่ละลูกเป็นดั่งภูเขาทอง ภูเขาแก้ว ภูเขาไม้หอม ส่องแสงระยิบระยับ อีกทั้งยังมีแม่น้ำใหญ่ ๗ สายมาบรรจบ พงไพรดิบชื้นแลอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ถูกปกครองโดย นางช้างพังไอยรากมลา จากตระกูล ‘กาฬวกหัตถี’ ช้างสีนิลเงาวับทั่วทั้งตัวผู้ครองดวงใจท่านเอราวัณ คชสารเผือกพาหนะของท้าวสักเทวราช หนึ่งในสิบตระกูลคชสารมากบารมี ภายหลังให้กำเนิดบุตรชายรูปงามนาม ‘คชคณ’ (คะ-ชะ-คน) จึงส่งมอบตำแหน่งนี้ให้แก่บุตรชายเพียงคนเดียว คชคณ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนโซ่ทองคล้องใจท่านเอราวัณและนางไอยรากมลา เติบโตมาท่ามกลางความรักของบิดามารดา ความรู้ ความสามารถ คาถาอาคม ผู้เป็นบิดาถ่ายทอดให้แก่เขาหมดสิ้น ทว่าความแพรวพราวขี้เล่นเช่นหมาหยอกไก่ ดูท่าจะได้มาจากฝั่งนางไอยรากมลาเช่นกัน แม้ลำตัวจะไม่ได้เผือกผ่องเหมือนท่านเอราวัณ ทว่าเขาก็ถือเป็นช้างตรงตามคชลักษณ์เหนือผู้ใดในใต้หล้า ยามโกรธาสามารถแผ่ขยายเศียรได้ถึงสามเศียร ผิวกายละเอียดสีนิลผุดผ่องเป็นที่หมายตาของนางไอยรามากหน้าหลายตา “คชคณ...เอื้องไอยเรศของแม่ที่ไปเก็บมาได้จากในป่างามหรือไม่ ดูสิ...งามโดดเด่นเหนือบุปผาต้นใดที่แม่ปลูกเอาไว้เสียอีก กลิ่นหอมนวลเย็นชวนให้แม่ปิตินัก แต่ไม่ว่าจะรดน้ำเท่าใดดูเหมือนดวงจิตเอื้องไอยเรศไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นเสียที นี่ก็เกือบขวบปีแล้วหนา” นางไอยรากมลา ในร่างหญิงสาววัยกลางคนสวมอาภรณ์สีขาวนวลตัดกับสีผิวคมเข้มของนาง ดวงตาเรียวจ้องมองพวงดอกเอื้องไอยเรศห้อยลงมาอวดโฉมงดงาม ดอกบางสีม่วงอ่อนไล่สีขาวละออ ดอกย่อยเรียงแน่นเป็นระเบียบคล้ายพวงมาลัย ด้วยขนบธรรมเนียมความเชื่อของคชสารในเทือกเขาหิมาลัย เชื่อว่าหากผู้ใดนำต้นเอื้องไอยเรศมาดูแลเป็นอย่างดี ดวงจิตบริสุทธิ์ของดอกเอื้องไอยเรศจะบังเกิดปาฏิหารย์มอบนางผู้เก่งกาจในการร่ายรำเป็นของกำนัลแก่ผู้ดูแล คชคณผู้ไม่เข้าใจว่าท่านแม่ของเขาจะอยากได้นางรำจากดอกเอื้องไอยเรศไปทำไม เพราะทุกวันนี้ข้ารับใช้นางกำนัลที่ท่านพ่อส่งลงมาให้ก็แทบเต็มตำหนัก จนเขาจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร “ท่านแม่บางทีนางอาจจะไม่ชอบน้ำค้างในยามเช้าที่ท่านแม่นำมารินรดนางก็เป็นได้ ไม่ลองใช้น้ำจัณฑ์ที่ท่านแม่โปรดเสวยรินรดนางดูละขอรับ” คชคณเย้าแหย่มารดา หลังจากนางลงจากตำแหน่งมอบภาระงานทั้งหมดให้แก่เขา ก็ดูเหมือนนางจะมีความสุขที่ได้ดื่มด่ำน้ำจัณฑ์จากทั่วสารทิศ เอนกายมองบุปผานานาพรรณภายในสวนหลังตำหนัก “จริงสิ...ทำไมแม่ถึงคิดไม่ได้กันนะ” นางจิ๊ปาก มืออวบคว้าโถบรรจุน้ำจัณฑ์รินรดต้นเอื้องไอยเรศสีม่วงอ่อน คชคณผู้เย้าแหย่ถึงกับปรามไม่ทันกันเลยทีเดียว “ท่านแม่ลูกหยอกเล่นขอรับ เอาน้ำจัณฑ์รดนางเกิดนางเฉาตายขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะขอรับ” คชคณถอนหายใจเฮือกใหญ่ นัยเนตรสีนิลเบนมองมารดาที่กำลังทำหน้าเหวอยกมือป้องปาก สีหน้าตื่นตระหนกดีใจสุดขีด ผู้เป็นแม่กระตุกท่อนแขนแกร่งลูกชายให้มองปาฏิหารย์เต็มสองตา ช่อเอื้องไอยเรศหลุดร่วงหล่นลงพื้นทีละกลีบดอก เหล่าผีเสื้อหลากสีโบยบินราวกับต้องการออกมาต้อนรับผู้จุติใหม่ที่ถือกำเนิด รัศมีบารมีส่องแสงประกายระยิบระยับยามกระทบแสงแดดรำไร ในช่วงที่กลีบดอกสุดท้ายร่วงหล่นเผยหญิงสาวร่างอรชรในท่วงท่าหมอบกราบ อาภรณ์สีม่วงอ่อนขับผิวสว่างไสว ดวงหน้ากลมไข่ได้รูป ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ขนตาหนาลอนเป็นแพ รับกับจมูกรั้น ริมฝีปากกระจับอิ่ม ผมยาวสลวยถึงกลางหลัง มีเครื่องประดับจอนหูเอื้องไอยเรศสวมประดับเหนือใบหู ‘งดงามยิ่ง!’ คชสารหนุ่มตะลึงงันในความงามของดวงจิตบุปผาของนาง ลอบเชยชมนางภายในใจ เป็นครั้งแรกที่พญาคชสารเสียอาการ “น้ำจัณฑ์ของแม่นางมีกลิ่นหอมและรสดีเคลือบคอยิ่งนัก ข้าขอบใจ...” เสียงหวานใสกังวาลเงยหน้าเอ่ยกับหญิงสาววัยกลางคน ผู้ปลุกดวงจิตนางให้ตื่นขึ้นจากดอกเอื้องไอยเรศ “ตายแล้ว ข้าปลุกดวงจิตไอยเรศขึ้นมาได้จริง ๆ สาธุบุญของข้าคงใช้หมดแล้ว งาม งามแท้เล่า ในเทือกเขาหิมาลัยคงไม่มีผู้ใดเทียมทัดเจ้าได้อีก เจ้าเอื้องไอยเรศของข้า คชสารตระกูลฉัททันต์ที่ว่างามยังต้องชิดซ้าย” นางไอยรากมลารีบถลาคว้าท่อนแขนเรียวเล็กคู่นั้นให้ยืนหยัดขึ้นประจันหน้า มืออวบเชยคางมนยลสิริโฉมความงามอันลือเลื่องมาช้านาน “......” หญิงสาวแย้มสรวลเบาบาง “เจ้ายังไม่มีชื่อใช่ไหม?” นางไอยรากมลาเอ่ยถามเสียงสั่น ก่อนหญิงสาวแรกแย้มตรงหน้าจะส่ายศรีษระเล็กน้อย หญิงสาววัยกลางคนจึงครุ่นคิดชื่องามนามไพเราะที่เหมาะสมแก่นางผู้นี้ “ช่อเอื้อง...ช่อเอื้องเป็นอย่างไรคล้ายดอกเอื้องไอยเรศดีหนา” หญิงสาววัยกลางคนผิวเข้มเอ่ยบอกด้วยท่าทางใจดี “ข้าชอบ ขอบคุณแม่นางที่ประทานชื่อแก่ข้า” “เรียกเราว่าแม่ทูลหัวเถิดหนาช่อเอื้องผู้ใด ณ ที่แห่งนี้ก็เรียกเราเช่นนั้น...” นางไอยรากมลาลูบศรีษระอย่างเอ็นดู ด้วยความที่มีลูกชายเดียวมาตลอดพอได้สัมผัสเจ้าช่อเอื้องน้อยก็พลอยทำให้นางมีความสุขขึ้นมาทันตาเห็น “แม่ทูลหัว ช่อเอื้องฝากตัวด้วยนะเจ้าคะ” ฝ่ามือเรียวพนมมือเป็นดอกบัวตูมกราบแนบอกหญิงสาววัยกลางคน กิริยามารยาทอ่อนหวานประทับจิตประทับใจแก่ผู้พบเห็น ชายหนุ่มลอบยิ้มมุมปากยามพึงใจ “นี่คชคณลูกชายหนึ่งเดียวของแม่ ไหว้พี่เค้าสิลูก” “ข้าฝากตัวด้วยท่านคชคณ...” ช่อเอื้องยกมือไหว้ชายหนุ่มด้านข้างด้วยท่าทีนอบน้อม ก่อนนางจะเบนมองโดยรอบพลางสูดกลิ่นอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด “เจ้าชอบน้ำจัณฑ์เหมือนกันหรือช่อเอื้อง ดูท่าแม่คงจะมีเพื่อนดื่มด่ำร่ำสุราแล้วสิ เจ้านะเจ้าแม่อุตส่าห์กรองน้ำค้างยามเช้าให้ทุกวันดันไม่ชอบ มาชอบน้ำจัณฑ์ก้นขวดที่แม่มอบให้” นางไอยรากมลาประคองร่างอรชรผู้จุติใหม่เดินตรงไปทางสวน สถานที่ดื่มด่ำร่ำสุราของนาง ทิ้งบุตรชายไว้ทางข้างหลัง สนอกสนใจเจ้าช่อเอื้องออกนอกหน้า “ได้ใหม่แล้วลืมเก่าเลยนะขอรับท่านแม่” คชคณส่ายหน้าเอือมระอา อีกไม่นานเขาก็คงจะถูกเฉดหัวทิ้งเเล้วสินะ คชคณลอบยิ้มก่อนจะหันกลับไปสะสางงานของตน ทว่าเดินออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็เหลียวหลังกลับมามอง เจ้าของร่างสะโอดสะองที่เดินขนาบข้างมารดาตน แม่ทูลหัวอดีตผู้ปกครองของเหล่าคชสารในเทือกเขาหิมาลัยนั่งจับเข่าพูดคุยสนทนากับช่อเอื้องเกือบครึ่งค่อนวัน จึงได้สังเกตุอุปนิสัยของนางมาบ้าง นางเป็นหญิงสาวที่ไม่อ่อนหวานในทีเดียว นางดูเด็ดเดี่ยว เฉียบขาด พูดตรงไปตรงมาแต่มีวาทศิลป์ในการพูด เป็นผู้รับฟังที่ดีโดยไม่ออกความคิดเห็นในแง่ร้ายต่อผู้ใด นางเป็นคนอะไรก็ได้ง่าย ๆ ไม่หวือหวา ขณะเดียวกันกลับดูเย้ายวนชวนเสน่ห์ไร้การปั้นแต่งเสริมสร้าง ทำให้นางไอยรากมลาชื่นชอบนางเป็นอย่างมาก ให้นางมาคอยเป็นเพื่อนสนทนาในทุก ๆ วัน อีกทั้งยังมอบหมายให้นางเป็นหัวหน้านางรำ คอยฝึกฝนนางกำนัลทั้งหลายร่ายรำ ที่พักของนางเป็นเรือนไม้ทำจากไม้กฤษณะค่าของมันเทียบเท่าทองคำในพุทธกาล และเป็นหนึ่งในของหอมธรรมชาติสี่อย่างที่เรียกว่า จตุรชาติสุคนธ์ กลิ่นของมันหอมชวนดมคล้ายกลิ่นจันทน์หิมาลัย ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับ เสื้อผ้าอาภรณ์ผืนใหม่ได้มาจากความเมตตาการุณของแม่ทูลหัวทั้งสิ้น ภายหลังนางจึงได้ล่วงรู้ว่าเชิงเขาหิมาลัยอันอุดมสมบูรณ์นี้เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของคชสารสิบตระกูลมากบารมี สองในสิบนอกเหนือตระกูลของแม่ทูลหัวที่บารมีแก่กล้าคงไม้พ้นตระกูลฉัททันต์ คชสารผิวกายขาวบริสุทธิ์ดุจสีเงินยวง และตระกูลอุโบสถหัตถีกูล คชสารผิวกายเหลือบทอง สูงใหญ่สง่างาม ส่วนตระกูลกาฬวกหัตถี แม้ต้นตระกูลอาจจะไม่ได้มีฤทธิ์มาก ทว่าในช่วงที่แม่ทูลหัวเป็นผู้นำ นางเก่งกล้ามากบารมีสามารถให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่านเอราวัณได้ ทำให้คชคณที่กำเนิดมาพิเศษกว่าคชสารใดในใต้หล้า สามารถแผ่ขยายเศียรได้ถึงสามเศียร ผิวกายรวมถึงงาเคลือดำสนิท ดุดัน แข็งแกร่งและใจกล้ายิ่งนัก “พี่ช่อเอื้องได้เจอท่านคชคณหรือยังจ๊ะ...” แก้วเกล้า ช้างพังตนน้อยวัยสิบขวบในร่างเด็กสาวที่แม่ทูลหัวมอบให้เป็นนางกำนัลเท้าคางนั่งบนโต๊ะไม้ถามนาง “เจอแล้วทำไมหรือแก้วเกล้า...” ช่อเอื้องกำลังจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้เข้าที่เป็นระเบียบเรียบร้อยถามกลับ ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “ก็ข้าได้ยินพี่นางกำนัลเขาเล่าว่าหน้าตาหล่อเหลามากน่ะสิจ๊ะแต่ติดที่เจ้าชู้ชอบหยอกเย้าไอยราตระกูลอื่นเป็นประจำ จนป่านนี้พี่นางกำนัลก็มองไม่ออกว่าท่านคชคณชอบพอไอยราจากตระกูลใดกันแน่” แก้วเกล้าตอบหน้าตาใสซื่อตามที่ได้ยินมา “เพียงนั้นเชียวหรือ...” นางแย้มสรวลเล็กน้อย “ใช่น่ะสิพี่ช่อเอื้อง สวย ๆ อย่างพี่ช่อเอื้องคงไม่แคล้วโดนหยอกเย้าให้ติดกับเป็นแน่ ระวังจะน้ำตาเช็ดหัวเข่านะพี่” แก้วเกล้าผู้ไม่ประสีประสา หวั่นเกรงว่าเจ้านายตนจะตกหลุมพรางความองอาจของท่านผู้นำก็ชิงตักเตือนไว้ก่อน “เจ้าเด็กคนนี้นี่ ข้ายังไม่ทันพูดคุยกระไรส่วนตัวกับท่านคชคณสักคำ อีกอย่างถ้าเขาจะชอบพอหรือตบแต่งก็ต้องเป็นไอยราจากหนึ่งในสิบตระกูลอยู่แล้วไม่ใช่หรือ จะเกี่ยวกระไรกับข้าที่เป็นเพียงนางรำ” “ข้าก็แค่อยากเตือนพี่ไม่ให้ชอกช้ำเช่นเหล่านางไอยรากำนัลที่โดนเขี่ยทิ้ง” “เจ้าวางใจได้ ข้ามิใช่แม่หญิงเช่นนั้นดอก ชีวิตนี้ข้าขออุทิศให้แก่การร่ำสุราใต้เงาแสงจันทร์และร่ายรำอย่างมีความสุขก็เพียงพอ” ช่อเอื้องยิ้มจนตาหยี ความรักกระไรนางไม่สนใจ รสขมปนหวานฉาบคอของน้ำจัณฑ์ต่างหากที่มีผลต่อนาง “พี่ช่อเอื้องเป็นนารีขี้เมาหรือ...” “จะว่าเช่นนั้นก็ได้” ช่อเอื้องขยิบตาส่งให้แก้วเกล้า ด้วยความชมชอบที่คล้ายกันแม่ทูลหัวจึงส่งน้ำจัณฑ์จากทั่วทุกสารทิศมาวางเรียงรายเต็มตู้ ช่อเอื้องยื่นใบหน้าหวานสูดดอมดมกลิ่นหอมหวานทีละโถ ก่อนจะเลือกโถกลางจัดการเปิดฝากระดกดื่ม รสสัมผัสจากการหมักรำข้าวนุ่มนวลราวกับปุยนุ่น ดื่มง่ายแต่เมาเร็ว ลิ้นเล็กเลียวนรอบริมฝีปากกระจับเก็บทุกหยาดหยดไม่ให้เสียของ ฝ่ามือนุ่มดีดนิ้วดังเป๊าะหนึ่งครั้งพลันเครื่องดนตรีอันไพเราะเสนาะหูเริ่มบรรเลงเพลงขับขาน ช่อเอื้องเอนกายลงบนแคร่ไม้กฤษณะ รับฟังท้วงทำนองอันไพเราะพลางดื่มด่ำน้ำจัณฑ์ตั้งแต่หัวค่ำ เจ้าแก้วเกล้าช้างพังตัวน้อยเดินไปหยิบโถน้ำจัณฑ์ โถแล้วโถเล่าให้ผู้เป็นนาย คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวรูปโฉมงดงามจะชื่นชอบน้ำจัณฑ์ปานนี้ ฤทธิ์น้ำจัณฑ์ส่งผลให้เจ้าของเรือนร่างเย้ายวนร้อนผ่าวได้ที่ ร่างอรชรยันกายลุกขึ้นมาร่ายรำด้วยลีลาอ่อนช้อยวิจิตรตระการตาใต้แสงจันทรา ท่วงท่าลีลาชวนให้ผู้พบเห็นหลงใหล เสียงเครื่องดนตรีบรรเลงเป็นทำนองผสานการร่ายรำเป็นจังหวะเดียวกัน ท่าทีนวยนาดกรีดกรายทั้งเชื่องช้าและนุ่มนวล ยามฝีเท้าขยับย่างก้าวเสมือนนางเหยียบย่ำลงบนกลีบดอกบัว ทั้งระมัดระวังและคงท่าทางราวกับนางฟ้านางสวรรค์ เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าสองฝ่ามือจะกลับมาบรรจบ “พี่ช่อเอื้องรำสวยจัง...” แก้วเกล้าเอ่ยชมอย่างจริงใจ “อยากรำเป็นไหมข้าจะสอน ขอแค่เจ้ามีวิชาความรู้ผู้ชายก็ไม่จำเป็นดอกหนาแก้วเกล้า” ช่อเอื้องบีบจมูกรั้นของแก้วเกล้าอย่างหมั่นเขี้ยวเด็กน้อยช่างพูดช่างเจรจา “อยากจ๊ะอยาก ข้าอยากร่ายรำเหมือนพี่ ยามพี่ร่ายรำใบหน้าอิ่มสุขนัก” แก้วเกล้ายิ้มกว้าง หลังรู้ว่าพี่ช่อเอื้องจะเป็นครูสอนร่ายรำให้แก่นาง จากท่วงท่าเมื่อครู่ประจักษ์สู่สายตาก็ทำให้นางรับรู้ได้ว่าพี่ช่อเอื้องน่ะของจริง “วันพรุ่งนี้เจ้าติดตามไปกับข้า ในยามที่ข้าสอนเหล่านางกำนัลเจ้าก็จักได้รับการฝึกฝนด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้ข้าเหนียวตัวอยากอาบน้ำแล้ว เจ้าพาข้าไปอาบน้ำหน่อยสิน้องพี่” ช่อเอื้องย่อกายอ้อนแก้วเกล้าให้พาไปอาบน้ำเสียงหวาน ใบหน้าแดงก่ำร้อนผ่าวราวกับลูกตำลึงสุกงอม “จ๊ะพี่ช่อเอื้อง...” สระน้ำขนาดใหญ่สีมรกตทอดยาวแตกแขนงไหลลงสู่แม่น้ำสายหลักหลายสาย ชายฝั่งทั้งสองด้านขนาบข้างด้วยพงไพรดิบชื้น เบื้องล่างมีฝูงมัจฉาหลากสีว่ายวนไปเวียนมา พลางกระโดดอยลิ่วสัมผัสละอองอากาศเหนือผิวน้ำกันอย่างสนุกสนาน แสงจันทราสีเหลืองทองคอยให้ความสว่างไสว แก้วเกล้านั่งคอยผู้เป็นนายบริเวณโขดหินใหญ่ มองช่อเอื้องที่สวมเพียงผ้าถุงคาดอกก้าวเรียวเท้าลงสู่ธาราเย็นเยียบ “น้ำเย็นมั้ยพี่ช่อเอื้อง...” แก้วเกล้าป้องปากตะโกนถามหญิงสาว “ข้าไม่บอกหากเจ้าใคร่รู้ก็ลงมาเล่นกับข้าสิแก้วเกล้า” ช่อเอื้องเดินมาถึงกลางสระความลึกมิดศรีษระ ทว่านางเอนกายลอยตัวเหนือผิวน้ำ แหวกว่ายอยู่กับฝูงมัจฉาอย่างสนุกสนาน น้ำในสระกระเพื่อมเป็นระลอกตามเรือนกายขาวผ่องขยับเคลื่อนไหว “ไม่เอาด้วยหรอก ข้าอาบมาแล้วตอนกลางวัน” “อาบแล้วก็อาบอีกได้นี่ มาอาบกับข้ามา เจ้าปลาพวกนี้มันรุมตอดข้า ฮะ..ฮะ..ฮ่า ช่วยข้าด้วยแก้วเกล้า” ช่อเอื้องหัวเราะจนน้ำตาเล็ดด้วยความจั๊กจี๋ มือเรียวพยายามดันมัจฉาฝูงนั้นออกห่างกาย แก้วเกล้าที่กำลังนั่งอยู่บนโขดหินรีบชะเง้อมอง ทำท่าลังเลชั่วครู่ จึงจะกระโดดลงน้ำกลายเป็นช้างพังสีนิลสนิทเสมอตัว ร่างใหญ่เดินฝ่ากระแสน้ำเย็นเยียบ สะบัดศรีษระใหญ่ไปมา ใช้งวงฟาดลงบนผืนพื้นผิวน้ำจนหยาดน้ำสีมรกตแตกกระเซ็น มัจฉาฝูงนั้นหนีตายแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง ช่อเอื้องที่ถูกรุมเมื่อครู่ถึงกับกลั้นยิ้มให้กับความน่ารักใสซื่อของเจ้าไอยราน้อยผู้นี้ “ไอยราน้อยของพี่...” ช่อเอื้องลูบไล้แก้มเต็ม “พี่อาบเสร็จหรือยังเรากลับกันเถอะ ถ้ามืดไปกว่านี้เราจะมองไม่เห็นทางแถวนี้พวกคชสีห์อยู่มาก ไม่ค่อยถูกกับคชสารอย่างข้า” แก้วเกล้าอธิบาย คชสีห์พวกนี้เป็นสายพันธุ์ผสมระหว่างราชสีห์กับช้างโดยมีกายเป็นสิงห์และมีหัวเป็นช้าง มีพละกำลังเทียบเท่าราชสีห์และคชสาร พวกมันจะชอบมาหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับเหล่าคชสารเป็นประจำ เพราะอยากวัดว่าผู้ใดมีพละกำลังแลบารมีเหนือกัน ไม่แคล้วต้องโดนท่านคชคณมากำราบอยู่หลายรอบ “ข้าไม่รู้โทษทีกลับกันเลยก็ได้ ขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบากใจแก้วเกล้าน้อย” ได้ยินดังนั้นช่อเอื้องจึงรีบว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง เมื่อเดินขึ้นมาบนบกแล้วจึงปะทะสายตาคู่นั้นของใครบางคน ผ้าถุงคาดอกผืนบางแนบลำตัวเผยทรวดทรงองค์เอว ทรวงอกอิ่มล้นมือคู่งามยอดอกเต่งชูชันจากกระแสน้ำเย็นเยียบ ช่อเอื้องรีบยกมือปิดหน้าอกคู่นั้นของนางให้รอดพ้นจากสายตาแพรวพราวของคนตรงหน้า “ขะ...ข้าไม่ได้ตั้งใจมองนะช่อเอื้อง ข้าตั้งใจจะมาอาบน้ำ” คชสารหนุ่มรีบแก้ตัว เขารีบเบนหน้าหนีแก้มสากเข้มร้อนผ่าวโดยไม่ได้ตั้งใจ “ข้าไม่ถือดอกอย่าได้ใส่ใจเรื่องนี้ งั้นข้าขอตัวลาเจ้าค่ะ” ช่อเอื้องรีบเดินหนีไปทางแก้วเกล้าที่กำลังยืนรออยู่ “เดี๋ยวสิให้ข้าไปส่งเจ้าดีกว่า ทางมันมืดแถมอันตรายอีกต่างหาก” คชคณยื่นน้ำใจให้นาง “ข้ามากันเองได้ก็กลับกันเองได้ ไม่ขอรบกวนท่านจะดีกว่า ข้านุ่งน้อยห่มน้อย มันไม่งามเจ้าค่ะ ขอบคุณสำหรับน้ำใจไมตรีที่ท่านหยิบยื่นให้ข้า” ช่อเอื้องยิ้มแทนคำขอบคุณ เสียงหวานของนางชวนเคลิ้มแต่ก็แฝงความเย็นชาอยู่ไม่น้อย งวงน้อยของแก้วเกล้ายื่นมารับนางให้ปีนป่ายขึ้นไปนั่งหันข้างอยู่บนลำคอ ช้างพังตัวน้อยเดินมุ่งตรงกลับที่พัก ท่ามกลางสายตางุนงวยของพญาคชสารใหญ่ เขามองตามนางจนสุดสายตาจนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออกว่าเหตุใดนางจึงเย็นชาใส่เขาถึงเพียงนี้ “ผิดจากที่ข้าเตือนพี่หรือไม่...” “เขาอาจจะแค่อัธยาศัยดีก็เป็นได้ เจ้าอย่าได้มองเขาในแง่ร้ายนักเลย ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นบริวารอยู่ภายใต้การปกครองของท่านคชคณ หากผู้ใดมาได้ยินเข้าไม่กลัวโทษทัณฑ์หรือแก้วเกล้า” ช่อเอื้องโน้มตัวมาทางด้านหน้า สองเรียวแขนโอบกอดศรีษระใหญ่ผิวสากของแก้วเกล้า นางหลับตาพริ้มอยู่บนลำตัวช้างพังตัวน้อย “ก็จริงของพี่ช่อเอื้อง แต่เล็กจนใหญ่ข้าทนเห็นนางไอยรากำนัลเหล่านั้นฟูมฟายเพราะถูกท่านคชคณทอดทิ้ง ก็เลยอดกลั้นไว้ในใจมาโดยตลอด” “เขาไม่รักก็คือไม่รัก เราไปบังคับฝืนใจใครไม่ได้ดอก จะหาเหตุผลไปไย ร้องไห้ฟูมฟายแล้วผู้ชายจะกลับมาหรือ นางกำนัลเหล่านั้นอาจจะมีเหตุผลของนาง เขาก็อาจจะมีเหตุผลของเขาก็เป็นได้” “เหตุผลของคนเจ้าชู้จะมีกระไรนอกจากเบื่อหน่ายน่ะพี่ช่อเอื้อง” แก้วเกล้าบ่นพึมพำตามประสา “เป็นเด็กเป็นเล็กหัดทำตัวให้สมวัยเถอะเจ้าแก้วเกล้า เรื่องของผู้ใหญ่ก็ปล่อยเค้าจัดการกันเอง” ช่อเอื้องเอ็ดแก้วเกล้าที่พูดจาไม่มีหูรูด พูดกับนางได้อยู่ดอกแต่หากผู้ใดมาได้ยินเข้า คงไม่เป็นการดีต่อนางเป็นแน่ “จ้าพี่ช่อเอื้อง”

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

บำเรอรักขัดดอก

read
2.8K
bc

เมียแต่งที่คุณไม่เคยต้องการ

read
20.8K
bc

ยั่วรัก หม้ายสาวสายแซ่บ

read
22.6K
bc

พลาดรักนายคาสโนว่า

read
23.2K
bc

Secret Love ซ่อนรักคุณหมอมาเฟีย

read
1.4K
bc

พี่สามีอย่ารังแกข้า

read
5.4K
bc

แอบเสียวจนได้ผัว (NC20+)

read
60.1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook