ไป๋ฉางอวี้ สาวน้อยวัยยี่สิบต้นๆ ที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยไปไม่นาน ชีวิตเบื้องหน้าที่ดูเหมือนจะสดใสน่าอิจฉาแต่ความเป็นจริงแล้วนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น
ครอบครัวที่แตกร้าวเพราะบิดาผู้มากตัณหานำพาเอาผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้ามาในบ้าน การทะเลาะกันครั้งสุดท้ายนำพาความสูญเสียที่ไม่มีวันกลับมาให้ครอบครัวของเธอ
ไป๋ฉางอวี้แม้จะแสดงออกว่าไม่สนใจว่าบิดาจะพาหญิงสาวเหล่านั้นเข้ามาในบ้านมากมายเพียงใดแต่ภายในใจกลับรู้สึกเกลียดชังพวกเขาเป็นอย่างมาก
เธอรังเกียจทุกครั้งที่ต้องก้าวขาเข้ามาในบ้านหลังนี้แต่เพราะความมีอยู่ของเธอถึงทำให้ผู้เป็นพ่อไม่อาจยึดทุกสิ่งไปจากเธอได้ทั้งหมดนั่นเอง
“คุณหนูจะไปไหนหรือคะ”
“ไปข้างนอกกับเพื่อนน่ะคะไม่ต้องรอเปิดประตูนะคืนนี้ฉันคงไม่กลับ”
“แต่ว่าคุณหนู”
“นะคะป้าให้ฉันออกไปผ่อนคลายบ้างบ้านหลังนี้มันทำให้ฉันอึดอัดจะแย่”
สตรีสูงวัยที่คอยดูแลเธอและพี่ชายของเธอมาตั้งแต่ยังเล็กๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ ไป๋ฉางอวี้รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ แต่เพราะไม่อยากอยู่ดูบิดาพาหญิงสาวเข้ามาในบ้านคืนนี้จึงยืนกรานที่จะออกข้างนอกให้ได้
‘ขอไปนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศให้ผ่อนคลายกว่านี้จะดีกว่า’
“ถ้าอึดอัดขนาดนั้นทำไมแกไม่ออกไปอยู่ข้างนอกซะเลยล่ะ จะเทียวไปเทียวมาทำไมให้เปลืองเงินค่าน้ำมันฉัน”
“แหมๆ คุณพ่อคนดีของฉางอวี้ถ้าหนูย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้มีหวังพวกเหลือบไรได้ย้ายมาอยู่ถาวรเอาน่ะสิคะ อยู่เป็นก้างขวางคอแบบนี้ล่ะสนุกจะตายไป”
“อีกอย่างเงินเดือนของหนูก็เป็นพ่อที่ระงับไว้ไม่ใช่หรือคะหรือว่าจำไม่ได้แล้ว เงินที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็เป็นเงินของหนูทั้งนั้น หรือว่าคุณพ่อคนดีจะไล่หนูออกจากบ้านให้เป็นขี้ปากของสังคมว่าติดผู้หญิงจนลืมลูกเหรอ”
“นังเด็กบ้านี่ไปไกลๆ เลยนะ แล้วถ้าจะเที่ยวดึกขนาดนั้นแกก็ไม่ต้องกลับมาให้ฉันรำคานเสียงท่อรถบ้าๆ นั่นอีก”
“ไปนะคะป๋า”
ไป๋ฉางอวี้ไม่สนใจคำด่าทอของผู้เป็นบิดาเธอเชิดหน้าเดินด้วยความมั่นใจบนรองเท้าส้นสูงที่ดังกึกก้องไปตามจังหวะการเดินของเจ้าหล่อน ไปจนถึงรถหรูคู่ใจที่ผู้เป็นมารดาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อสี่ปีที่แล้วก่อนเธอจะเข้ามหาวิทยาลัย
เธอหันกลับมาโบกมือลาไป๋เฮ่อเทียน บิดาบังเกิดเกล้าด้วยความมาดมั่นก่อนจะย้ายร่างอรชรเข้าไปในรถคันนั้น กระจกที่ทึบหนาไปด้วยฟิล์มสีดำที่คนภายนอกไม่มีทางได้เห็นคนที่นั่งอยู่ภายในนั้น
ริมฝีปากสีแดงสดที่เคยเผยยิ้มสดใสกลับค่อยๆ หุบลง ดวงตาหงส์เรียวงามที่แต่งแต้มไปด้วยสีสันสวยงามเวลานี้กลับนองไปด้วยหยาดน้ำตา
เธอไม่คิดไม่ฝันว่าบิดาที่เคยรักครอบครัวจะกลายเป็นคนแบบนี้เป็นคนที่ทำให้แม่และพี่ชายที่เธอรักสุดหัวใจกลับต้องตายจากไปเพราะความมักมากของเขา หากว่ายังมีชีวิตอยู่เธอจะพรากทุกความสุขในชีวิตของเขาและจะไม่มีวันยอมให้เขาได้อยู่สุขสบายอย่างแน่นอน
ไป๋ฉางอวี้ขับรถออกจากคฤหาสน์ตระกูลไป๋ตรงดิ่งเข้าไปในเมืองด้วยความรวดเร็วโดยไม่ทันได้สังเกตถึงความผิดปกติใดๆ เลย
เมื่อรถหรูขับผ่านออกไปหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินออกมาจากมุมมืด เรียวปากบางเผยอยิ้มออกมาจ้องมองไปยังรถคันนั้นจนลับสายตา
บนถนนหลวงสายหลักของใจกลางเมืองปักกิ่งรถที่แล่นอยู่บนถนนแต่ละคันนั้นไม่มีทีท่าที่จะชะลอความเร็วลงเลยสักเพียงนิด เสี้ยววินาทีนั้นมีเด็กชายคนหนึ่งวิ่งออกมาจากข้างทางเพื่อข้ามไปยังถนนอีกฝั่งด้วยความรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว
“ปริ๊นนนนนนน!”
ไป่ฉางอวี้ตกใจแทบสิ้นสติเธอบีบแตรเสียงดังลั่นก่อนจะรีบเหยียบเบรคด้วยความรวดเร็ว ขณะที่เท้าเรียวสวยนั้นแตะไปที่เบรกนั้นเธอก็รับรู้ได้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เบรกรถยนต์ไม่ทำงาน! เป็นไปได้อย่างไรกัน เมื่อเช้าเธอก็เพิ่งจะให้คนรถตรวจสภาพรถแล้วนี่นา
‘พระเจ้า!’
ไป๋ฉางอวี้พยายามประคองสติเอาไว้แล้วหักหลบเด็กชายคนนั้นจนรถหรูของเธอชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางอย่างจังจนสติของเธอนั้นหลุดลอยไปกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ทันที
ดวงตาเรียวสวยคู่นั้นค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง ความเหนื่อยล้าที่พยายามประคองมาจนถึงทุกวันนี้ทำให้เธออยากลืมทุกอย่างให้หมดสิ้น
ความทรงจำครั้งสุดท้ายก่อนจะลางเลือนไปคือภาพครอบครัวที่อบอุ่นทุกคนที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันต่างก็ยิ้มให้แก่กัน ความอบอุ่นที่เธอไม่มีวันได้สัมผัสมันอีกแล้ว
‘แม่คะหนูคิดถึงแม่เหลือเกิน พี่คะตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนกันมารับฉันไปอยู่ด้วยคนสิ’
ลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่เริ่มแผ่วเบาลงทีละนิดก่อนจะปรากฎภาพของชายคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามาประคองร่างกายของเธอขึ้นมาโอบไว้ หูของเธอเวลานี้อื้ออึ้งไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกเลย ร่างเล็กใช้แรงเฮือกสุดท้ายอธิษฐานสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
“พ่อคะหนูเหนื่อยมากแล้วกับความมากตัณหาของพ่อตอนนี้หนูขอปล่อยวางไม่ว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นขอให้ทุกภพทุกชาติไม่ขอเกิดมาเกี่ยวข้องกันอีก ขอให้จดจำกันไม่ได้ขอให้ทุกๆ กรรมที่เหลืออยู่ของเรานั้นจบลงที่ชาตินี้ด้วยเถอะ”
สิ้นคำบอกกล่าวไป๋ฉางอวี้ก็ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ก่อนสติสุดท้ายจะดับวูบลงไปตลอดกาลไม่ทันได้ยินเสียงของใครบางคนที่ตะโกนร้องเรียกเธออีกเลย เสียงๆ นั้นร้องไห้คร่ำครวญจนคนรอบข้างอดที่จะสงสารไม่ได้แทบจะร้องไห้ไปกับเขา ไป๋เฮ่อเทียน บิดาผู้ไม่ได้เรื่องของเธอนั่นเอง