“ข้าจะเป็นท้องฟ้าที่คอยโอบกอดเจ้าเอาไว้ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่หนแห่งใด ชาติภพใด ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ ยอดรักของข้า….”
กริ่งงงงงงงงงง
เสียงกริ่งลากยาวดังก้องไปทั่วบริเวณโรงเรียนแห่งหนึ่งบ่งบอกว่าตอนนี้ได้เวลาเลิกเรียนแล้ว.. เด็กสาวที่กำลังนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ยังคงจ้องมองหนังสือนิยายรักในมือ พร้อมน้ำตาคลออาบดวงตาทั้งสองข้าง นิ้วเรียวสวยยกขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังซึมไหล จิตวิญญาณตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับบทนิยายในหนังสือ เธอบรรจงอ่านตัวอักษรทุกบรรทัดด้วยหัวใจที่รักในการอ่าน ยิ่งเป็นหนังสือนิยายที่ตัวเองชื่นชอบ ยิ่งทำให้ถลำตัวเข้าไปในบทบาทของตัวละคร
‘ชีวิตรักทำไมมันรันทดแบบนี้นะ' เด็กสาวรำพันกับตัวเอง ก่อนสองมือจะปิดหนังสือนิยายลงแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋าเป้สะพายหลัง บทพูดในนิยายมันยังคงดังขึ้นและวนเวียนอยู่ในหัว ‘ไม่ว่าเจ้าจะอยู่หนแห่งใด ชาติภพใด ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ ยอดรักของข้า….’
“ระวัง!!”
ฟิว… ปั๊ก!!!
เสียงลูกบอลลอยมาแต่ไกล เด็กสาวที่กำลังก้มหน้าเก็บหนังสือใส่กระเป๋า เงยหน้าขึ้นมามอง ตุบ!! ศีรษะของเธอโอนเอียงไปตามแรงกระแทกของลูกบอลที่ลอยออกมาจากสนามฟุตบอล
“ฉิบหาย!! ลูกตาลแกเป็นอะไรไหม” เสียงเรียกของเด็กสาวอีกคนดังขึ้น สายไหมรีบสาวเท้ายาวเพียงไม่กี่ก้าว เธอก็สามารถประชิดตัวเพื่อนสนิท ที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ เพราะกำลังได้รับความเจ็บปวดจากลูกบอลเจ้าปัญหา
“เจ็บมากอะ แก..” เธอเอามือลูบที่หน้าผากที่ตอนนี้มันขึ้นสีแดงจนน่ากลัว ผิวสีขาวเนียนยิ่งทำให้รอยช้ำชัดเจนมากยิ่งขึ้น ดวงตากลมโตกำลังคลอไปด้วยน้ำตา
“โห แดงมากเลยอ่ะ ฉันว่าไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ หาน้ำแข็งมาประคบก่อนที่มันจะบวมไปมากกว่านี้” สายไหมพยุงร่างของลูกตาลลุกขึ้น สายตาของเธอสาดส่องมองหาตัวต้นเหตุที่ก่อเรื่อง จนเพื่อนรักของตัวเองได้รับบาดเจ็บ “พอเกิดเรื่องเงียบหายไปเลยนะ อย่าให้ฉันรู้นะว่าใครเป็นคนทำ” เสียงบ่นของสายไหมดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ลูกตาล เป็นอะไรมากไหม” ต้นน้ำวิ่งหอบหายใจเหนื่อย ขึ้นมาบนอัฒจันทร์ เขาสวมเสื้อนักเรียนสีขาวใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ “เราขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ เจ็บมากไหมให้เราดูหน่อย” นักเรียนชายเอ่ยถามอาการของเพื่อนร่วมชั้น ก่อนที่สายตาจะจ้องมองไปที่หน้าผากของลูกตาล ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้าง เมื่อเห็นรอยช้ำที่ตัวเองสร้างให้กับเธอ
“ถอยไปให้ห่างเลย ฉันเบื่อนายจริงๆ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เห็นไหมลูกตาลต้องมาเจ็บตัวเพราะนายคนเดียวเลย” สายไหมเอ็ดเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่สนิทกันมากนัก
“เราขอโทษนะลูกตาล ต้นไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ็บเลยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ ไปกันเถอะไหม หน้าผากเราบวมขึ้นมาแล้ว” เธอตอบกลับต้นน้ำเพียงเท่านั้น ก่อนหันมาเร่งสายไหมให้รีบเดินออกไปจากที่ตรงนี้ เด็กสาวรู้สึกขายหน้าไม่น้อย กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สองเท้ารีบเร่งเดินโดยไม่ยอมหันกลับมามองข้างหลัง
“จับเอาไว้ เดี๋ยวฉันไปซื้อยามาให้ แล้วค่อยกลับหอพักแล้วกัน”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันแวะไปซื้อเอง พี่นัทจะมารับแล้ว”
“เอาแบบนั้นหรอ หน้าผากสวยๆ ของแกคงไม่เป็นอะไรนะ ฉันว่าให้พี่นัทพาไปหาหมอหน่อยก็ดีนะ มันบวมแดงขนาดนี้ พรุ่งนี้คงได้ช้ำหนักแน่ๆ” น้ำเสียงปนความห่วงใย สายตาจับจ้องใบหน้าของอีกฝ่าย คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าเป็นปมของสายไหม ทำให้เพื่อนรักพยักหน้ารับในทันที
“อืม แล้วแกกลับยังไงไปกับเราไหมเดี๋ยวให้พี่นัทแวะไปส่ง”
“ไม่ละ ฉันต้องแวะที่หนึ่งก่อนเข้าบ้าน เอาไว้เจอกันวันอาทิตย์นะ”
เด็กสาวทั้งสองคน เดินขนาบข้างมาที่หน้าโรงเรียนก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ลูกตาลยังคงแนบถุงผ้าที่บรรจุน้ำแข็งเอาไว้ภายใน กับหน้าผากที่บวมช้ำ สายตาก็คอยสอดส่องหารถของพี่ชาย
“ลูกตาล” เสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลัง เธอหันไปมองด้วยความสงสัย
“มีอะไรกับเราเหรอ”
“กลับยังไงให้เราเดินไปส่งที่หอไหม” ต้นน้ำที่เดินตามออกมาอาสาพาเธอกลับหอพัก แววตาของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจผู้หญิงตรงหน้ามากเพียงใด แต่หารู้ไม่ว่าความรู้สึกของเขาที่ส่งผ่านมาทางสายตา ทำให้ลูกตาลเกิดความอึดอัดใจ
“ไม่เป็นไร วันนี้เรากลับบ้าน ไม่ได้กลับหอนะ พี่ชายมารับแล้ว ไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อนลูกตาล…”
เธอไม่รอให้ต้นน้ำกล่าวประโยคจบ สองขาเล็กรีบก้าวออกเดินตรงไปยังรถยนต์สีดำที่พึ่งขับเข้ามาจอดเทียบข้างฟุตบาท ทั้งรีบเปิดประตูรถนำพาตัวเองขึ้นมานั่งข้างคนขับ
“ไปโดนอะไรมา” โดนัทจ้องมองหน้าผากของน้องสาว พินิจพิจารณาอย่างละเอียด ใบหน้าหล่อเหลาสองคิ้วดกดำขมวดเข้าหากันดวงตากลมโตที่เหมือนดวงพระอาทิตย์ที่มีแสงสาดส่องออกมาเริ่มหรี่ลงเพราะความสงสัย
“ฟะ...ฟุตบอลค่ะ” เด็กสาวตอบด้วยเสียงตะกุกตะกัก เพราะความเกรงกลัวพี่ชายจะดุให้ตนเอง
“ไหนดูหน่อยสิ ทำไมมันช้ำแบบนี้ ต้องไปหาหมอแล้ว ปล่อยเอาไว้แบบนี้คงได้นอนร้องไห้ทั้งคืนแน่ๆ” มือที่ดึงถุงน้ำแข็งออกจากหน้าผากผลักกลับเอาไปไว้ที่เดิม ก่อนที่เขาจะเดินเครื่องยนต์รีบเร่งไปยังคลินิกหมอที่อยู่ใกล้ที่สุด
ลูกตาลจ้องมองใบหน้าของพี่ชายด้วยความหลงใหลได้ปลื้ม เธอชื่นชมในความหล่อเหลาที่มองกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ ในใจก็รู้สึกอดภูมิใจจนนับครั้งไม่ถ้วนว่าช่างมีบุญวาสนาได้มีพี่ชายและพี่สาวหน้าตาดีเกินคนอื่นเขา
“เลิกจ้องได้แล้ว เป็นห่วงหน้าผากตัวเองก่อน ระวังจะเสียงโฉม ไปทำยังไงให้ลูกบอลอัดหน้ามาแบบนี้ ซุ่มซ่ามไม่เปลี่ยนเลยนะ” เสียงบ่นของพี่ชายดังขึ้น สายตาของเขายังคงจ้องมองไปที่ถนนเบื้องหน้า อย่างมีสมาธิ ใบหน้าสวยที่เปื้อนรอยยิ้มเมื่อครู่หุบกลับไปทันที เหลือเพียงสีหน้าที่หม่นหมอง
โดนัทเหลือบสายตามองมาทางน้องสาวที่เงียบไป ในใจของเขาก็ไม่ได้อยากดุด่าว่าให้ แต่เพราะความเป็นห่วงและความร้อนใจ ยิ่งด้วยตอนนี้พ่อกับแม่ออกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศหลายเดือน ถ้ารู้ว่าเขาดูแลน้องสาวเพียงคนเดียวไม่ได้ ท่านทั้งสองคงได้เทศนาเขาไปหลายวันเป็นแน่
“พี่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก แผลแค่นี้เอง” เธอส่งยิ้มเจือจางมาให้โดนัท ที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่หลังพวงมาลัย ก่อนที่เสียงตีไฟเลี้ยวของรถยนต์จะดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าถึงที่หมายแล้ว
“ลงไปก่อน เดี๋ยวพี่หาที่จอดรถจะตามไป ดูรถด้วยเข้าใจไหม” โดนัทพูดขึ้น ใบหน้าสวยพยักขึ้นลงเล็กน้อย ก่อนที่จะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถแล้วก้าวขาเดินลงไป