02

1706 คำ
ความเย็นจากสภาพอากาศช่วงกลางปีส่งผลให้มือบางกดเลื่อนกระจกรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นลงแล้วยื่นใบหน้าสวยออกไปรับลมและสายฝนที่ปรอยลงมาระหว่างทางกลับบ้านเกิด เรียกได้ว่าใช้เงินเดือนก้อนสุดท้ายที่มีในการเดินทาง ก่อนจะจ้างรถบริการให้เข้ามาส่งในหมู่บ้านที่ไม่ได้มาเหยียบอีกเลยตั้งแต่ตัดสินใจไปอาศัยอยู่เมืองใหญ่ ที่ผ่านมามันสะดวกสบายมากก็จริง ทว่าก็ต้องแลกมาด้วยความเร่งรีบในการใช้ชีวิตจนเด็กที่เติบโตในต่างจังหวัดลืมกลิ่นดินกลิ่นฝนที่ชื่นชอบสมัยเด็กไปแล้ว แต่ก็เป็นบัวหอมเองนั่นแหละที่อยากจะหนีความลำบากเช่นนี้ไป “เพิ่งเรียนจบแล้วกลับบ้านมาเหรอหนู” “อ่า ไม่เชิงค่ะคุณลุง” “ก็ว่าช่วงนี้ที่ขนส่งเห็นเด็ก ๆ มันหอบหิ้วของกันให้วุ่น แล้วกลับมาจะทำอะไร ที่บ้านเรามันไม่ได้มีการมีงานเหมือนเมืองใหญ่ให้ทำ จะไม่ลำบากเอาเหรอลูก” นั่นเป็นเรื่องน่าเศร้าที่บัวหอมประเมินเอาไว้ในหัวคร่าว ๆ แล้ว รวมถึงที่ได้กลับมาบ้านเกิดแบบไม่ถูกลูกสาวเจ้าของบริษัทจับติดคุกหัวโตไปก่อนก็นับว่าเป็นบุญมากโข เนื่องด้วยรุ่นพี่ในแผนกช่วยขอละเว้นเอาไว้ให้ อย่างไรเด็กจบใหม่เรียนดีที่กำลังมีไฟในการทำงานแบบเธอนั้นต้องมาพบเจอเรื่องบัดซบเช่นนี้ เข้าทำงานได้เพียงไม่กี่เดือน โดนกล่าวหาว่าให้ท่าเจ้านายเพื่อที่จะใช้เต้าไต่ในภายภาคหน้าไม่พอ หนำซ้ำยังถูกมองว่าอยากเป็นบ้านเล็กของชายตัณหากลับจนตัวสั่น ทั้งที่ก็ปฏิเสธไปแล้วว่าเรื่องทุกอย่างไม่ใช่ความจริง บัวหอมต่างหากที่เป็นเหยื่อโดนกระทำในที่ลับตา ความจริงเธอถูกผู้ชายคนนั้นลวนลามอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่เริ่มทำงาน ต้องอดทนกับเรื่องเลวทรามแบบนี้มาตลอด เพื่อหวังว่ามันจะดีขึ้น เจ้าตัวเป็นคนไม่สุงสิงกับใคร ทั้งยังพูดน้อยหากไม่ใช่เรื่องงานก็แทบจะนับคำได้ ผิดกับหน้าตาหวานละมุนอันโดดเด่นที่มักจะดึงดูดเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกันเข้าหาอยู่เสมอ ไม่คิดว่าวันหนึ่งมันจะกลายเป็นภัยร้ายให้ตัวเองแบบนี้ ตอนเรียนยังพอปฏิเสธพวกที่เข้าหาเพื่อหวังผลได้ เนื่องจากเรียนเสร็จก็สามารถกลับห้องไปอ่านหนังสืออยู่กับตัวเองเงียบ ๆ ได้ แต่มันไม่ใช่กับสังคมการทำงาน พอต้องอยู่กับผู้ชายคนนั้นเป็นการส่วนตัวแบบเลี่ยงไม่ได้มันยิ่งทำให้เธอนึกหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา และการที่เธอโดนเรียกให้ไปพบอยู่บ่อยครั้งคงจะเป็นที่จับสังเกตของพนักงานคนอื่น ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นคนของภรรยาชายมักมาก ไม่แปลกที่หล่อนจะมาทันเห็นฉากนั้นเข้าพอดี แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นต้องโดนเรียกไปคุยก่อนจะได้ลาออกแบบไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อพนักงานตัวเล็ก ๆ จบใหม่อย่างเธอที่ไม่ได้มีใครหนุนหลัง แล้วจะเอาอะไรไปสู้กับพวกเส็งเคร็งพรรค์นั้น การร้องไห้ด้วยความโมโหสุดจะทนแล้วหอบหิ้วเอากระเป๋ากลับบ้านเกิดมาเลยเป็นสิ่งที่หญิงสาวตัดสินใจทำ มันก็น่าสมเพชอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ไม่ได้จะยอมแพ้กับการต้องดิ้นรนใช้ชีวิตต่อ แค่ต้องการพักเหนื่อยจากสิ่งที่เจอมาก็เพียงเท่านั้น “คิดหนักเหมือนกันค่ะ แต่ยังไงก็ว่าจะกลับมาตั้งหลักก่อน” “ดีแล้วลูก ถึงแล้ว หลังนี้ใช่ไหม แต่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ ชีวิตคงจะไม่ลำบากขนาดนั้นหรอก” ใครบอก มันตรงกันข้ามเลยทุกอย่าง ที่ได้กลับมาแบบนี้ก็ประจวบเหมาะกับคนที่บ้านใหญ่ต่อสายเรียกตัวเธอให้กลับมาแบบงง ๆ พอดี เคยบอกไปหรือยังว่ามารดาบัวหอมนั้นเสียชีวิตหลังจากที่ลูกสาวคนเดียวเพิ่งเกิดมาได้ไม่ได้ ปกติบิดาที่พลาดนอนกับมารดาเธอก็ไม่ได้คิดจะรักใคร่ลูกที่มาจากภรรยาเล็กอยู่แล้ว แม้ว่าจะโชคดีที่ได้เกิดมาในตระกูลบ้านข้าราชการหลังใหญ่โต แต่ความจริงใครจะรู้ว่าด้านในนั้นมันเน่าเฟะขนาดไหน ก็ที่บัวหอมต้องพยายามพาตัวเองไปให้ไกลจากที่นี่ส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะความประสาทแดกของคนในบ้านด้วย ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไปไหนไม่รอด ต้องกลับมาในที่ซึ่งไม่ได้มีความทรงจำดี ๆ อะไรให้นึกย้อนคิดถึงเลย คงจะมีแค่รูปมารดาเพียงใบเดียวที่แม่บ้านคนเก่านำมาให้ดูต่างหน้าก่อนหล่อนจะลาออกกลับไปอยู่บ้านเกิด “ทุกวันนี้แค่ตาเห็นอย่างเดียวเอามาตัดสินอะไรไม่ได้หรอกค่ะ นี่เงินนะคะ ไม่ต้องทอน เพราะคุณลุงอุตส่าห์ยอมขับนอกเส้นทางออกมาขนาดนี้” เรียวเท้าก้าวลงจากรถยนต์แล้วผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะต้องชะงักไปเมื่อได้สบตากับภรรยาผู้เป็นใหญ่ในบ้าน ซึ่งอุตส่าห์เลี้ยงดูบัวหอมมาอย่างทุกข์ยากลำบาก เข้าใจไม่ผิด ก็เพราะเธอเป็นลูกภรรยาเล็ก เรียกได้ว่าต้องอดมื้อกินมื้อมาตั้งแต่เด็กจนโต ตอนแรกก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น มาตาสว่างก็ตอนโตขึ้นมาหน่อย บัวหอมที่หัวเร็วได้บิดามาอยู่แล้วจึงพยายามตั้งใจเล่าเรียนแล้วใช้เกรดเรียนดีแลกกับผู้เป็นพ่อขอไปเรียนต่อในเมืองหลวงตอนมัธยมปลายและต่อปริญญาตรีที่นั่นเลย กระทั่งตอนนี้มันผ่านมากี่ปีแล้วนะ หญิงสาวที่ละสายตาจากภรรยาอีกคนของพ่อซึ่งยืนมองตนเองลงมาจากชั้นสองเพื่อจะเดินเข้าบ้านต้องนิ่งงันไปอีกรอบ ยามผู้เป็นน้องสาวต่างมารดานั้นมายืนขวางหน้าเอาไว้ก่อน “ใครให้ลูกเมียน้อยชั้นต่ำเข้าบ้าน” “แม่นค่ะคุณหนู สะเหล่อ” (ใช่ค่ะคุณหนู สะเหล่อ) “กลิ่น พาทอไหมกลับเข้าบ้านไปก่อน” “ค่ะ คุณนาย” บัวหอมที่ตาขวางกลับคุณหนูของบ้านพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออก มาถึงไม่กี่นาทีก็ทำเอาประสาทเริ่มเสียแล้ว คิดอยู่เหมือนกันว่าทำอย่างไรถึงจะสามารถตัดคนพวกนี้ออกไปจากชีวิตได้ เพราะมีคำว่าบุญคุณค้ำคออยู่เรื่อยมา “เรียกกลับมาเองแท้ ๆ ยังไม่ทันจะได้เข้าบ้านก็ไล่แล้ว?” “อย่าใส่ใจน้องเลย” “น้อง?” บัวหอมอยากจะระเบิดหัวเราะออกมาตรงนั้น แต่ยังไงหล่อนก็เป็นคนเลี้ยงดูตนเองมา จึงทำได้มากสุดคือแค่นยิ้มให้แม่เลี้ยง “ฉันจะไม่อ้อมค้อมก็แล้วกัน ที่โทรเรียกกลับมาเพราะคุณพ่อของพวกเธอป่วยจนอาการทรุดต้องเข้าโรงพยาบาล” “คืออะไรคะ” “ฉันเองก็เพิ่งมาทราบได้ไม่นานว่าเขานำที่ดินไปจำนองกับพวกคนใหญ่คนโตในจังหวัดอยู่หลายที่ แถมยังมีเงินอีกจำนวนไม่น้อยที่หยิบยืมมาจากคนพวกนั้น แต่ที่ผ่านมามีอะไรขายเพื่อใช้หนี้ได้ฉันก็พยายามตัดใจขายออกไป จนตอนนี้เหลือแค่ไม่กี่เจ้าแล้ว แต่ก็นั่นแหละ แค่เงินเดือนข้าราชการมันไม่พอจะใช้จ่ายอะไรหรอก ถ้าไม่มีให้เขาภายในเดือนนี้ ที่ดินทั้งหมดรวมถึงบ้านเราก็จะไม่มีแม้แต่จะซุกหัวนอน” “แม่ใหญ่จะบอกอะไรบัวคะ” “สิบเพชรพรรณรายณ์ หรือที่คนในจังหวัดเรียกเขาว่าเสี่ยเพชร เขาต้องการคนอุ้มท้องบุตรให้” “หมายความว่ายังไง...” “เธอก็รู้ว่าน้องมีคนรักอยู่แล้ว เธอทำเพื่อที่บ้านเราได้ไหมบัว คิดซะว่ามันเป็นบุญคุณที่จะต้องทดแทน พ่อเธอไปหยิบยืมเงินเขามาใช้ในหลาย ๆ เรื่อง รวมถึงส่งเธอเรียนด้วย แค่นี้เธอจะทำเพื่อครอบครัวไม่ได้เลยหรือไง” แค่นี้อะไร? นั่นเป็นสิ่งที่บัวหอมทบทวนกับตนเองอยู่ภายในใจ อีกทั้งสมองมันก็ขาวโพลนไปหมด แค่เรื่องที่เจอมาจากเมืองหลวงมันยังไม่พออีกหรือ ชีวิตจะตลกร้ายไปถึงเมื่อไหร่ ทว่าปากก็ดูเหมือนจะไปเร็วมากกว่าความคิด “ที่พวกคุณเลี้ยงหนูมา ถ้ามันจะชดใช้ในครั้งนี้ได้หมดเลยหนูก็ไม่ติดค่ะ” เพราะที่ผ่านมามันมีแต่ความทรมาน แค่เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มจอมปลอมของแม่เลี้ยง บัวหอมก็ชวนอยากจะอาเจียนแล้ว “ได้สิ จากนี้ไปเราจะไม่มีบุญคุณต่อกัน ฉันจะบอกด้วยว่าแม่เธอที่ตายไปแล้วถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวเอาไว้ที่ไหน” สิ้นประโยคของหล่อน ดวงตาสั่นไหวก็เบิกกว้าง ก่อนน้ำตาที่กลั้นเอาไว้จะไหลรินลงมาเงียบ ๆ ทันที มือขาวซึ่งถือกระเป๋าอยู่ก็บีบเข้าหากันแน่นด้วยความจุกในอกไปหมด น่าแปลกที่เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับมารดาเลยสักอย่าง แต่กลับรู้สึกรักผู้ให้กำเนิดมากจริง ๆ รวมถึงแค่เห็นรูปใบเดียวที่ติดตัวเอาไว้ตลอดก็มีแรงใจในการใช้ชีวิตต่อแต่ละวันแล้ว เช่นนั้นมารดาที่เสียไปก็คงจะจิตมีห่วงกับบัวหอมมากจริง ๆ ฉะนั้นหากได้เจอกันสักครั้งแล้วบอกกล่าวมารดาว่าไม่ต้องห่วงบัวหอมแล้วก็คงจะดีมาก ๆ “ได้ค่ะ หนูยอมทุกอย่าง ขอแค่พวกคุณปล่อยหนูกับแม่ไปสักที” TBC. ไปลูก เดี๋ยวแม่พาหนีจากคนพวกนี้ไปกราบอกเสี่ยเองค่ะ (ฝากกดหัวใจ กับคอมเมนต์กันด้วยนะคะ ๆ รออ่านอยู่ฮะ จะได้มีแรงปั่น E-Book ต่อ 🥺)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม