หลังจากที่จัดการกับตัวร้ายได้แล้ว ตันหยงก็ดื่มด่ำกับมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนอาหารที่โม่หนิงฮวานำมาก็ถูกป้าลั่วเก็บกวาดออกไปจนหมด
"ฟางหนิง"
"คะคุณนาย?"
"เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะ อีกเดี๋ยวฉันจะพาออกไปเดินเล่นข้างนอก ชุดของเธอฉันเตรียมไว้ให้แล้ว ขึ้นไปหยิบเอาในห้องของฉัน"
เสื้อผ้าที่ตันหยงเตรียมไว้ให้ฟางหนิงเป็นชุดเอี๊ยมยีนขายาว พร้อมกับถุงเท้าและรองเท้าผ้าใบอีก 1 คู่ ตันหยงคิดว่ามันเหมาะกับเด็กสาววันละอ่อนอย่างฟางหนิงไม่น้อย
"ฉันใส่ชุดของตัวเองดีกว่าค่ะคุณนาย"
"ไปเถอะน่า ชุดนั้นก็เป็นของเธอ ฉันซื้อมานานแล้วแต่ลืมเอาให้เธอ รีบไปรีบมาล่ะ"
"ค่ะคุณนาย"
ฟางหนิงรีบขึ้นไปหยิบชุดที่คุณนายของเธอบอก แล้วรีบลงไปเปลี่ยนชุดในห้องของตนเอง เป็นเวลาเดียวกับที่ตันหยงกินข้าวเช้าเสร็จเช่นกัน
"อาเคี้ยง ดูแลคุณนายให้ดีนะ อย่าให้เกิดเรื่องอะไรเด็ดขาด ฟางหนิงด้วยนะลูก อย่าปล่อยให้คุณนายไปไหนมาไหนคนเดียว"
ป้าลั่วกำชับคนขับรถวัยฉกรรจ์ที่ถูกฝึกมาอย่างดี แน่นอนว่าหลังจากที่รถของตันหยงเคลื่อนออกจากรั้วสกุลเจียง จะต้องมีคนคอยมาดูแลอยู่ห่าง ๆ อีกกลุ่มหนึ่ง
"ครับป้า/จ้ะแม่"
"เที่ยวให้สนุกนะคะคุณนาย"
"จ้ะป้า ฉันไปแล้วนะ ถ้าเจอของอร่อยจะซื้อมาฝาก"
รถยนต์คันโก้ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากบ้านสกุลเจียง แล้วมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าเซี่ยงไฮ้นัมเบอร์วัน ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหวงผู่
"ตรงไปที่ห้างเลยใช่ไหมครับคุณนาย"
"ยังก่อนอาเคี้ยง ฉันอยากนั่งรถเล่น ช่วยขับไปรอบ ๆ เมืองสักหนึ่งรอบก่อนนะ เรายังพอมีเวลา"
"ได้ครับ"
เมื่อได้รับคำสั่งแบบนั้น อาเคี้ยงก็เปลี่ยนเส้นทางใหม่ เขาขับพาคุณนายเจียงกับฟางหนิงไปตามเซี่ยงไฮ้ตอนกลาง ถนนทอดยาวไปทางทิศใต้และทิศตะวันตกจากจุดบรรจบของแม่น้ำซูโจวและแม่น้ำหวงผู่
"ว้าว ถนนหลายเส้นกับตึกรามบ้านช่องยังพอมีเค้าโครงให้เห็นบ้าง ได้เห็นกับตาตัวเองแบบนี้น่าอัศจรรย์จริง ๆ"
ตันหยงจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างของรถที่กำลังวิ่งไปตามถนน ถนนมีลักษณะเป็นตารางสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นส่วนใหญ่ ตลอดถนนจงซานตะวันออกเป็นขอบเขตพื้นที่สัมปทานของ อังกฤษ จวบจนจรดกับแม่น้ำหวงผู่ทางทิศตะวันออก
"อาเคี้ยง แถวนี้ใช่ไหมที่เคยเป็นเขตสัมปทานของอังกฤษ"
ตันหยงเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ ถึงร่างนี้จะเป็นคนในยุคสมัยนี้ แต่เธอก็ถูกประคบประหงมยิ่งกว่าไข่ในหิน พื้นที่สุ่มเสี่ยงเช่นนี้เธอไม่มีวันได้ย่างกรายแน่นอน
"ใช่ครับคุณนาย ถึงจะผ่านมา 30 ปีแล้ว แต่ทุกอย่างก็ไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของคนที่นี่"
อาเคี้ยงบอกเล่าทุกอย่างจากความรู้สึกของการเป็นคนในพื้นที่ ถึงช่วงที่อังกฤษกับฝรั่งเศสเข้ามาจะไม่มีการสูญเสียเท่าสงครามกับญี่ปุ่น แต่การอยู่โดยมีอิสรภาพย่อมดีกว่า
"มันผ่านไปแล้ว ต่อไปเซี่ยงไฮ้จะกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ใคร ๆ ก็อยากมา ไม่อย่างนั้นที่นี่จะได้เป็นเมืองแรกในการฟื้นฟูเศรษฐกิจเหรอ"
"ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณนายสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย"
"แน่สิ ยังไงสามีของฉันก็เป็นถึงประธานกลุ่มการค้า เรื่องพวกนี้ก็ต้องรู้ไว้บ้างถึงจะถูก"
ขณะที่ใบหน้าของคนงานทั้งสองเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ตันหยงกลับฉุกคิดถึงเรื่องการตายของพ่อและพี่ชายของร่างนี้ สวี่หลิวหยาง คือบิดาของเธอ โม่หลาง คือบิดาของโม่หนิงฮวา เจียงสือเทียน คือสามีของเธอ
ทั้งสามคนเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน แต่นานวันความละโมบก็ทำให้หนึ่งในนี้มีความคิดเป็นอื่น แต่พ่อของเธอก็ให้อภัยเพื่อนรักทุกครั้งที่ทำผิด กว่าจะรู้ตัวอีกทีตัวเองก็ถูกจัดจากให้เกิดอุบัติเหตุ จนเสียชีวิตคาที่เสียแล้ว
การแต่งงานของเธอเป็นคำขอสุดท้ายของบิดาที่มีต่อน้องชายร่วมสาบาน เพื่อให้เจียงสือเทียนช่วยดูแลธุรกิจของสกุลสวี่และดวงใจของสกุลสวี่ ซึ่งก็คือเธอ เดิมทีสกุลสวี่มีท่าเรือและอู่ต่อเรือเป็นของตนเอง และยังเป็นสมาชิกในกลุ่มการค้าของเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่คอยทำการขนส่งสินค้าไปยังเมืองต่าง ๆ
ส่วนเจียงสือเทียน ถึงจะอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม เขามีอายุเพียง 40 ปีเท่านั้นแต่กลับได้ขึ้นเป็นประธานกลุ่มการค้าของเมือง อีกทั้งยังมีเส้นสายเครือข่ายมากมายที่คอยเป็นหูเป็นตา ส่วนสกุลโม่ มีหุ้นส่วนในโรงงานผลิตสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภค
แต่ด้วยความโลภ เมื่อเล็งเห็นว่าบ้านเมืองอยู่ในช่วงที่ต้องการสินค้าต่าง ๆ โม่หลางจึงใช้ทุกวิธีเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า อย่างไรเสียสินค้าทุกอย่างก็อยู่ในกำมือของเขา หากทุกคนต้องการก็ต้องยอมจ่ายในราคาที่เขาตั้งขึ้น
ซึ่งมันก็ขัดกับวัตถุประสงค์ของกลุ่มการค้า ที่ต้องการให้กระจายสินค้าไปอย่างทั่วถึงในราคาที่ชาวบ้านจับต้องได้ พอสกุลสวี่ไม่ยินยอมขนส่งสินค้าให้ สกุลโม่ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อจัดการกับปัญหานี้ เดิมทีโม่หลางได้ให้ลูกชาย โม่ซีเฉิน เทียวตามก้อร่อก้อติกสวี่ตันหยงอยู่นานสองนาน แต่ก็ไม่เป็นผล
พอให้ลูกสาว โม่หนิงฮวา คอยให้ท่าและเข้าใกล้เจียงสือเทียนก็ไม่เป็นผลเช่นกัน สุดท้ายถึงได้จัดฉากฆาตกรรม สวี่หลิวหยางกับสวี่เฟยหวง พ่อและพี่ชายของสวี่ตันหยง เหลือไว้เพียงเด็กสาวหัวอ่อน ถึงตอนนั้นพวกเขาจะจูงจมูกสวี่ตันหยงยังไงก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
แต่ใครจะไปคิดว่าสกุลสวี่สูญเสียผู้นำไปได้ไม่นาน เจียงสือเทียนก็แต่งสวี่ตันหยงเข้าสกุลเจียงแล้วเป็นคนเข้าไปบริหารงานในท่าเรือเสียเอง เรื่องนี้ทำให้สามพ่อลูกสกุลโม่หัวเสียอยู่นานพอสมควร ก่อนที่จะให้โม่หนิงฮวาเข้าหาเจียงสือเทียนอีกครั้งผ่านทางสวี่ตันหยง
"ฉันสัญญาว่าจะลากตัวคนพวกนั้นมารับโทษให้ได้ คุณพ่อกับพี่ใหญ่ต้องไม่ตายฟรี"
แววตาของตันหยงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เธอย่อมรู้ว่าการมาที่นี่คงมีบางอย่างที่เธอต้องจัดการ อย่างน้อยก็เพื่อคนที่ตายไปอย่างไม่ยุติธรรม
"เข้าเขตจงซานลู่แล้วนะครับคุณนาย สุดถนนสายนี้ก็จะเป็นห้างสรรพสินค้า"
"เขตสัมปทานของฝรั่งเศสใช่ไหมอาเคี้ยง?"
"ใช่ครับ"
พอรถถึงเขตจงซานลู่ เดิมทีเป็นเขตสัมปทานของฝรั่งเศส จงซานตงลู่มีโรงแรมหลายแห่ง สำนักงานบริหารกลางของเซี่ยงไฮ้ และบ้านพักสำหรับลูกเรือต่างชาติ บนถนนสายหลักทางการค้าหนานจิงตงลู่ ซึ่งทอดยาวไปทางทิศตะวันตกจากถนนสายตะวันออก มีห้างสรรพสินค้าเซี่ยงไฮ้นัมเบอร์วัน ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ รวมถึงร้านอาหาร โรงแรม และอาคารสื่อสารกลาง
"งั้นก็จอดหน้าห้างสรรพสินค้า อาเคี้ยงรออยู่แถวนี้ก็ได้นะ ฉันกับฟางหนิงขอเวลาเดินเล่นสัก 2 ชั่วโมง ส่วนเงินนี่เอาไว้ซื้อของกินระหว่างที่รอพวกเรา อยากกินอะไรก็ซื้อได้เลย ไม่ต้องทอน"
ธนบัตร 10 หยวนถูกยื่นให้อาเคี้ยงเอาไว้ซื้ออาหาร หาเทียบเท่ากับค่าแรงในยุคนี้ก็ต้องทำงาน 3-4 วันกว่าจะได้มา
"มิกล้าครับคุณนาย ผมกินอิ่มมาแล้วครับ เดี๋ยวผมหาที่จอดรถเสร็จจะรีบตามเข้าไปช่วยถือของในห้างครับ"
"เอาไว้เถอะน่า เผื่อมีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษ"
พอรถจอดเทียบท่าที่หน้าห้างสรรพสินค้า ตันหยงกับฟางหนิงก็รีบลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในห้างใหญ่ทันที ส่วนอาเคี้ยงก็เคลื่อนรถออกไปเพียงเล็กน้อยก็มีคนมารับช่วงนำรถไปเก็บต่อ กลุ่มคนที่ทำหน้าที่ตามดูแลความปลอดภัยของตันหยงแบบลับ ๆ ก็ตามดูแลอยู่ห่าง ๆ
"ว้าว เสื้อผ้าร้านนี้เข้ากับเธอนะฟางหนิง ตามมาเร็วเข้าเดี๋ยวฉันจะเลือกให้เธอเอง ต่อไปนี้เธอต้องไปสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เธอสนใจไหม เรียนจบมาแล้วฉันจะให้เธอมาเป็นผู้ช่วยของฉัน"
สาวน้อยในวัย 18 ปี พอได้ยินแบบนั้นกลับส่ายหัวจ้าละหวั่น ต่างจากคนอื่นที่อยากร่ำเรียนจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับโอกาส
"ไม่เอาหรอกคุณนาย ฉันไม่อยากเรียน เห็นอย่างนี้ฉันก็อ่านออกเขียนได้นะจะบอกให้"
"ทำไมถึงไม่อยากเรียน?"
"ฉันสงสารแม่ ฉันอยากอยู่ช่วยงานแม่มากกว่า คุณนายก็รู้ว่านายท่านไม่ยอมให้ใครเขามาอยู่ในบ้านอีกนอกจากพวกเรา"
"เอาเถอะ ไม่อยากเรียนฉันก็ไม่บังคับ เอาเป็นว่าจากนี้ไปเธอก็มาเรียนรู้ทุกอย่างจากฉันก็แล้วกัน ส่วนเรื่องงานบ้าน ฉันจะของนายท่านให้หาคนมาช่วยป้าลั่วอีกแรง เธอจะได้หายห่วง"
"ขอบคุณค่ะคุณนาย"
พอได้ยินแบบนี้สาวน้อยกลับยิ้มแก้มปริ ตันหยงถึงกับส่ายหัวเบา ๆ เมื่อเสียรู้ให้เจ้าตัวแสบ ก่อนจะพาฟางหนิงเดินเข้าไปเลือกเสื้อผ้าโดยมีอาเคี้ยงคอยตามหิ้วข้าวของให้อีกแรง