หนี

1824 คำ
ณ บริษัทฟอกเกีย “เมื่อวานทำไมไม่มา” “เซียมีธุระนิดหน่อยค่ะ” “ธุระอะไร มันถึงสำคัญกว่าฉัน” “แล้วนี่เจ...เอ่อบอสจะให้เซียออกไปดูงานข้างนอกด้วยตอนกี่โมงคะ” “อีกสามสิบนาที เตรียมตัวรอ เดี๋ยวฉันออกมา” “ค่ะ” เมื่อหัวหน้าหนุ่มเดินออกไป ฉันก็ถอนหายใจโล่งทันที เจ้าชีวิตราวกับแม่ก็รุ่นพี่คนนี้แหละ สองชั่วโมงต่อมา... ทั้งสองหนุ่มสาวออกไปขายงานให้กับลูกค้ารายใหญ่ช่วงบ่ายสอง กว่าจะเสร็จก็เกือบเย็น เมื่อเสร็จเรื่องงาน ชายหนุ่มรุ่นพี่ก็อาสาขอมาส่งเธอยังที่พัก โดยเธอก็ไม่ได้ขัดอะไร เมื่อรถยนต์ SUV มาจอดเทียบด้านหน้าของคอนโดมิเนียม ลูเซียน่ากลับเร่งเร้าให้ชายหนุ่มรุ่นพี่ขับรถออกไปโดยเร็ว โดยที่คนขับก็ยอมขับออกไปแบบนั้นโดยที่ยังไม่ถาม “เมื่อกี้นี้ คุณลูเซียน่านี่ครับนาย” น้ำเสียงสบาย ๆ ของมือซ้ายพูดขึ้นพร้อมกับสายตาหันมองตามรถคันนั้นไป “มึงเห็นแล้วมึงยืนบื้ออยู่แบบนี้?” “เธอมากับผู้ชายครับ” ลุยจิเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเช่นกัน “แล้วยังไง...กูต้องไปตามเอาตัวมาเองไหม?” เขาสกัดกลั้นอารมณ์ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะตะคอกทั้งสองกลับอย่างโมโห “ก็ไปตามจับมาสิวะ กูล่ะเหนื่อยกับพวกมึงจริง ๆ” เธอเป็นของเขาแล้ว เขาจะไม่ยอมใช้เธอร่วมกับคนอื่นเด็ดขาด เขาไม่สนใจว่าจะได้เธอมาด้วยวิธีไหน ขอแค่ได้มา นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ เมื่อได้ยินคำสั่ง อัลโดก็รีบพาเหล่าบอดีการ์ดขับรถ ตามลูเซียน่าออกไป รถสปอร์ตหรูเหยียบเร่งความเร็วขับขึ้นไปจนแซงรถ SUV สีดำ จากนั้นอัลโดก็ขับขึ้นเทียบข้างก่อนจะปาดหน้าแล้วเบรกขวางไว้ “ว้ายยย!” ลูเซียน่ากรีดร้องอย่างตกใจเมื่อรถรุ่นพี่เหยียบเบรกกะทันหันจนรถปัดส่ายไปมา ก่อนจะจอดสนิทในระยะห้าสิบเมตรห่างจากรถสปอร์ตคันหน้าเพียงลมผ่านพัด หญิงสาวกำเข็มขัดนิรภัยแน่นเท้าเหยียดตรงราวกับเหยียบเบรกแทนรุ่นพี่ แล้วมองไปยังชายชุดสีเทาเข้มที่เธอจำเขาได้ขึ้นใจ “อย่าเปิดนะพี่เซ็น” “มีอะไรรึเปล่า เธอรู้จักเหรอ” ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ ชายหนุ่มหน้าหล่อก็เดินมาเคาะกระจกรถด้านคนขับ ลูเซียน่ามองหน้ารุ่นพี่แล้วส่ายหน้าเบา ๆ “หล่อมากเลยแก” “มันใช่เวลามั้ย” ลูเซียน่าหันไปดุคนข้าง ๆ “ผมมาดีครับ” เสียงจากด้านนอกเอ่ยขึ้นพร้อมกับเคาะกระจกอีกครั้ง แต่พอชายหนุ่มรุ่นพี่เหลือบสังเกตเห็นปืนก็รีบใส่เกียร์ R ถอยหลังก่อนจะเปลี่ยนเกียร์ D ขับพุ่งออกไปด้วยความเร็ว อัลโดกับลูกน้องอีกสองคนรีบวิ่งขึ้นรถแล้วขับตามออกไปทันที ขับตามมากระทั่งเห็นรถของเธอขับเลี้ยวเข้าไปยังสถานีตำรวจ อัลโดก็ชะลอรถลงก่อนจะโทรรายงานเจ้านาย “อัลโดโทรมาบอกว่า เธอขับเข้าไปในสถานีตำรวจแล้วครับ” “ไม่ได้เรื่อง จัดคนของเราให้ดักรออยู่ที่นี่สี่คน” “ครับนาย” เมื่อได้รับคำสั่ง ลุยจิก็หันไปจัดแจงลูกน้องทั้งสี่คนเพื่ออยู่ดักรอหญิงสาว เวลาผ่านไปถึง 22:30 น. หลังจากลูเซียน่าไปแจ้งความว่ามีคนตามคุกคามเธอ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ให้ลงบันทึกประจำวันไว้ เพราะแบบนี้เธอถึงไม่ค่อยอยากจะพึ่งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อลงบันทึกประจำวันเสร็จ จากนั้นเธอก็ไปนั่งเล่นที่ร้านเหล้าก่อนจะให้รุ่นพี่มาส่งที่คอนโด “เธอแน่ใจนะว่าจะไม่เป็นไร” “ค่ะ พวกนั้นคงกลับไปหมดแล้ว” “เธอเป็นหนี้อยู่เท่าไร ให้ฉันช่วยเธอใช้ได้นะลูเซีย” ใช่ ฉันโกหกเขาไป เพราะรำคาญและขี้เกียจมานั่งตอบคำถาม “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะพี่เซ็น” ลูเซียน่าบอกลารุ่นพี่ก่อนจะเปิดประตูรถลงไป เธอมองซ้ายมองขวาก่อนจะเดินย่องเข้าไป แต่เมื่อเห็นคนแปลกหน้าที่ใส่ชุดสีเดียวกับสองคนที่เธอเจอเมื่อตอนเย็น ยืนกระจัดกระจายอยู่ ร่างเล็กลอบถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางเดิม ‘คงต้องนอนโรงแรมสินะคืนนี้ลูเซีย’ หญิงสาวพยายามขบคิดอย่างหนักขณะที่นั่งแท็กซี่ไปยังโรงแรมราคาถูกใกล้ ๆ ว่าใครกันนะที่มาดักรอเธอ สองคนนั้นเธอก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่แล้วสมองก็พลันนึกถึงชายหนุ่มคนในคืนที่เธอเสียความบริสุทธิ์ให้ขึ้นมา ย้อนกลับไปคืนนั้น... แสงแดดยามเช้าสาดส่องทะลุผ่านผ้าม่านสีขาวครีม ปลุกให้หญิงสาวที่นอนอยู่ให้ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เธอขยี้เปลือกตาเล็กน้อยก่อนจะยืดแขนบิดขี้เกียจ “อื้ออ ทำไมปวดตัวจัง” นี่คือคำแรกที่ฉันอุทานออกมา มันปวดเหมือนกำลังจะมีไข้รุม ๆ ฉันค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นนั่ง แต่ขณะนั้นเองความแสบจากน้องนุ่มนิ่มก็แล่นเข้ามาจนต้องกระดกก้นเอียงข้างทันที “ซี๊ดด อื้อ แสบ” ฉันรู้สึกเจ็บร้าวไปหมดทั้งตัวโดยเฉพาะตรงน้องนุ่มนิ่มของฉัน มันทั้งแสบทั้งระบม ฉันกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง รู้สึกว่าภายในห้องค่อนข้างแปลกไปราวกับมันไม่ใช่ห้องของฉัน กระเป๋าที่เคยวางอยู่ก็หายไป แถมยังมีเสื้อผ้าผู้ชายวางพาดกับเก้าอี้ไว้อีก แต่ทันใดนั้นเอง หางตาฉันก็ไปสะดุดเข้ากับแผ่นหลังผู้ชายที่นอนคว่ำหน้าอยู่ด้านข้าง ฉันตกใจรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวทันที ‘บ้าจริง’ แต่ก็ต้องรีบดึงกลับไปห่มคืนให้กับชายผู้นั้นเมื่อเห็นก้นขาวเนียนเต่่งตึงโผล่ออกมา ฉันขยับออกมาชิดขอบเตียงเล็กน้อย พยายามคิดทบทวนว่าเมื่อคืนมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ฉันเป็นคนที่เวลานั่งกินเหล้าจะไม่เมาแต่เมื่อไหร่ที่หัวถึงหมอนจะเมามากทันที ฉันทำใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเปิดผ้าห่มเพื่อสำรวจเรือนร่างตัวเองว่ามันไม่ได้เป็นแบบที่คิดใช่ไหม แต่แล้วฝันนั้นก็แตกสลายมลายหายไป ฉันแทบช็อกเมื่อเห็นร่องรอยสีแดงเต็มเนื้อเต็มตัวไปหมด คือของเขาต้องเล็กแค่ไหน หรือฉันต้องเมาระดับไหนถึงได้ไม่รู้สึกตัวขนาดนี้ ฉันตัดสินใจกัดฟันพยุงตัวลุกขึ้นยืนด้วยความทรมาน พยายามบังคับขาทั้งสองที่สั่นเทาให้สงบแล้วค่อยๆ ก้าวเดินอย่างเบาที่สุดโดยเอามือทั้งสองปิดหน่มน้มกับนุ่มนิ่มเอาไว้ แต่พอด้านล่างเสียดสีกัน ความแสบก็แล่นแปรบเข้ามาจนฉันอดที่จะสูดปากร้องออกมาไม่ได้ ฉันค่อย ๆ เดินไปก้มหยิบเสื้อผ้ามาใส่แบบลวก ๆ อย่างเงียบที่สุด เพราะกลัวว่าผู้ชายที่หลับอยู่จะตื่นขึ้นมาเสียก่อน แต่ขณะที่ฉันกำลังจะสวมเสื้อผ้า ก็สัมผัสได้ถึงคราบบางอย่างที่แห้งกรังอยู่ที่หน้าอกและหน้าท้องของฉัน ‘อี๋!!...บ้าจริง’ ฉันได้แต่สบถด่าสาปแช่งเจ้าของคราบอยู่ในใจ ก่อนที่จะรีบใส่เสื้อผ้าแล้วหยิบรองเท้า กระเป๋าถือออกไปอย่างเร่งรีบด้วยสองขาที่สั่นเทา เมื่อออกพ้นประตู ฉันก็เห็นเบอร์ห้องตัวเองตรงหน้าตัวเท่าฝาบ้านโชว์เพื่อตอกย้ำความเลอะเลือนของฉัน “อื้ออ ฉันเข้าไปห้องใครเนี้ย บ้าจริง แกมันบ้าจริงๆ ยัยลูเซีย” ตัดสินใจรีบเผ่นหนีเข้าไปด้านในทันที เพราะถ้าเกิดถูกแจ้งจับขึ้นมา ได้ไปนอนเล่นในคุกแน่ ๆ “อื้ออ เจ็บ ซี้ดด” ฉันเขกหัวตัวเองซ้ำ ๆ ที่เมาไม่มีสติจนพลาดไปเสียครั้งแรกให้กับใครที่ไหนก็ไม่รู้ เพราะความเมาแท้ ๆ เลย ฉันทำการล็อกประตูแล้วปลดเสื้อผ้าทิ้งอย่างไม่ไยดีก่อนจะเดินร่างเปลือยตรงเข้าห้องน้ำไป ฉันสำรวจเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยรอยกัด รอยดูด มันจะแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างให้เห็นผิวสีน้ำนมของฉันเลยสักนิด “บ้าจริง เป็นโรคจิตรึไง ถึงต้องรุนแรงขนาดนี้” ค่อย ๆ เดินขาโก่งตรงไปโซนอาบน้ำช้า ๆ อย่างไม่ถนัด ฉันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างด้านในมันจะไหลหลุดออกมาอย่างไงอย่างงั้น ฉันเคยเห็นเพื่อน ๆ เดินขาถ่างเวลามามหาลัย เพื่อนก็มักจะบอกว่าชนโน่นชนนี่ วันนี้ฉันกระจ่างแล้วว่าที่แท้เพื่อนฉันเดินชนตอตัวผู้นี่เอง ฉันก้าวเข้าไปยืนใต้ฝักบัวแล้วมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทำใจกดเปิด เมื่อสายน้ำไหลผ่านผิวเนื้อตรงลำคอลงไปยังจุดซ่อนเร้น ก็อดไม่ได้ที่จะกัดปากร้องครางขึ้นมาด้วยความแสบ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปหยิบกระจกแป้งพับในกระเป๋า แล้วมานั่งกางขาออกเพื่อส่องดูว่ามันแสบอะไร แต่พอเห็นสภาพน้องนุ่มนิ่ม ดวงตาฉันเบิกกว้างทันที มันยู่ยี่ มันฉีกขาดฉันเอานิ้วแตะเบา ๆ ตรงรอยฉีก ความแสบก็แล่นเข้ามาอีกครั้ง “อื้ออ นี่ฉันไปเอากับช้างมารึไง ไอ้บ้านี่ อื้อ แสบ ซี๊ดด~” พับตลับแป้งเก็บแล้วพยายามลุกไปอาบน้ำอีกครั้ง รีบขัดคราบตรงเนินอกและหน้าท้องออก แต่ทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมา ‘นี่หมอนั่นไม่ได้ใส่ถุงงั้นหรอ?’ ฉันตัดสินใจรีบอาบน้ำ แต่งตัว เก็บกระเป๋าออกไปเช็กเอาท์ แล้วแวะหาซื้อยาคุมฉุกเฉิน ก่อนจะรีบบึ่งกลับคอนโดมิเนียม ของฉันทันที เพราะถ้าอยู่ต่อแล้วนายนั่นเกิดมาเรียกร้องให้ฉันรับผิดชอบ หรือแจ้งจับที่ฉันบุกรุกเข้าไปในห้องเขา ฉันได้ซวยแน่ ๆ ครอบครัวก็ไม่มีให้ไปประกันตัวเสียด้วย ขณะนั่งแท็กซี่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าฉันควรต้องไปตรวจหาโรคที่โรงพยาบาลด้วยเพราะไม่รู้ว่าหมอนั่นเป็นโรคอะไรมาหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเขานั้นจะผ่านมากี่ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ และก็ไม่รู้ว่าจะเอาโรคอะไรมาแพร่กระจายให้ฉันไหม เพราะฉะนั้นฉันต้องรีบไปตรวจโรคพร้อมกับฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันไว้ก่อน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม