“มีอะไรหรือเปล่าพันนี” อรินดาถามพันนีด้วยความร้อนใจเพราะโทรมาดึกแบบนี้กลัวลูกชายจะไม่สบาย
“คือน้องอินไม่ยอมนอนจะคุยกับพี่อิ๋นให้ได้ค่ะ”
พันนีรายงานเจ้านายสาวไม่ว่าจะหลอกล่อน้องอินยังไงก็ไม่ยอมเข้านอนและเธอก็กลัวจะรบกวานเวลาทำงานของอรินดา
“งั้นเดี๋ยวพี่วีดีโอคอลไปนะ”
อรินดาพูดจบก็วางสายแล้วโทรวีดีโอคอลหาลูกชายทันทีเพราะนี่เกือบเที่ยงคืนแล้ว
“มามี้ค้าบเมื่อไหร่จะกลับบ้านค้าบ”
น้องอินเห็นแม่ก็ถามทันทีเพราะเขาไม่ได้ฟังแม่เล่านิทานก่อนนอนถึงแม้พี่เลี้ยงจะเล่าให้ฟังแต่ไม่เหมือนแม่เล่า
“น้องอินฟังมามี้นะครับลูก
ตอนนี้มามี้ทำงานอยู่กว่าจะเสร็จก็ดึกแล้วมามี้กลับบ้านไม่ได้เพราะมันอันตราย
เจ้านายของมามี้ก็ให้พักที่โรงแรมแล้วพรุ่งนี้เช้ามามี้จะรีบกลับบ้านเรานะครับ
ตอนนี้ดึกแล้วน้องอินรีบเข้านอนนะครับเด็กดีของมามี้”
อรินดาพูดกับลูกชายอย่างอ่อนโยน
แล้วอดยิ้มไม่ได้เพราะเจ้าตัวเล็กของเธอตาแทบจะปิดอยู่แล้ว
“อินอยากฟังมามี้เล่านิทานค้าบ”
“งั้นมามี้จะเล่านิทานให้ฟังดีมั้ย”
“ดีค้าบ”
“กาลละครั้งหนึ่ง..”
น้ำหนึ่งเล่านิทานให้ลูกชายฟังยังไม่ถึงสามนาทีน้องอินก็หลับปุ๋ยทำให้คนเป็นแม่ยิ้มอย่างอ็นดู
“ดูน้องด้วยพัน พรุ่งนี้เช้าพี่จะรีบกลับ”
“ค่ะพี่อิ๋น”
พันนีตอบเจ้านายสาวแล้วปิดโทรศัพท์ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างน้องอินเพราะถ้าอรินดาติดธุระหรือมีงานเลี้ยงตอนกลางคืนเธอก็จะมานอนเป็นเพื่อนน้องอินที่ห้องนอนใหญ่แต่ปกติจะไม่ไปค้างที่ไหนหรือถ้างค้างเธอกับน้องอินก็จะไปค้างที่บ้านคุณยายสมรแม่ของบุษบาเจ้านายอีกคนของเธอ
อรินดาวางสายจากลูกชายแล้วยิ้มใจจริงก็อยากกลับไปนอนกอดลูกชายแต่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบงานจนกว่าจะจบอาฟเตอร์ปาร์ตี้ของเจ้านายสาวที่ตอนนี้เจ้าบ่าวพากลับห้องไปแล้วเพราะเมามาก
“อุ้ย ขอโทษค่ะ”
อรินดาหันหลังกลับไปชนกับร่างสูงจึงขอโทษเขาเบาๆ
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ทราบว่าคุณ..”
“อรินดาค่ะ” อรินดาจำต้องแนะนำตัวเองตามมารยาท
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณอรินดาครับ ผมพัสกรครับ
เป็นเพื่อนกับน้องชายของเจ้าสาวครับ แล้วคุณอรินดามาทำอะไรตรงนี้ครับ”
พัสกรกำลังจะเดินออกไปสูบบุหรี่พอเดินออกมาก็เกือบชนกับสาวสวยดีที่เขาหยุดเท้าได้ทัน
“พอดีฉันมาโทรหาลูกชายค่ะ
และฉันรับผิดชอบดูแลงานนี้ด้วยค่ะ”
“งั้นเหรอครับ ถ้าไม่รังเกียจไปดื่มด้วยกันมั้ยครับ”
พัสกรมองสาวสวยที่เขาดูไม่ออกว่ามีลูกแล้วอย่างชื่นชมถึงแม้เธอจะอยู่ในชุดเรียบร้อยแต่รูปร่างสัดส่วนของเธอเรียกได้ว่าเตะตาผู้ชายต้องมองเหลียวหลังเลยทีเดียวและยังไม่ได้มีท่าทีจะอ่อยเขาด้วยทั้งที่เขาบอกไปแล้วว่าเป็นเพื่อนกับน้องชายของเจ้าบ่าวและแน่นอนว่าต้องร่ำรวย
“ฉันต้องขอตัวนะคะ พอดีฉันดื่มไม่เป็นค่ะ”
อรินดาตอบคำถามเดิมครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้ว
“จริงเหรอครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนดื่มไม่เป็น”
พัสกรมองสาวสวยที่บอกว่าดื่มไม่เป็นอย้างแปลกใจและไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนดื่มไม่เป็นแบบนี้ด้วย
“ขอบคุณที่ให้เกียรติฉันนะคะ เชิญคุณพัสกรตามสบายค่ะ
เดี๋ยวฉันต้องไปดูแลงานต่อแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ”
อรินดายิ้มให้หนุ่มหล่อมาดดีสุภาพทั้งที่เป็นเสือร้ายของวงการธุรกิจที่มีสาวๆล้อมหน้าล้มหลังไม่ขาดเพราะงานอดิเรกของพวกเขาคือนักแข่งรถมือสมัครเล่นแลพลงสนามไหนก็ชนะทุกครั้ง
“งั้นผมขอเบอร์โทรได้มั้ยหรือแอดไลน์ก็ได้ครับ”
พัสกรอยากรู้จักสาวสวยมากกว่านี้และไม่เชื่อว่าเธอจะมีลูกอาจจะพูดเพื่อให้หนุ่มๆไม่กล้าจีบก็ได้
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่สะดวกจริงๆค่ะ ขอตัวนะคะ”
อรินดาพูดจบก็เดินเข้าไปในงาน
พัสกรมองตามหลังสาวสวยตาละห้อยเมื่อฝ่ายหญิงปฏิเสธจะสานสัมพันธ์กับเขาทั้งที่เป็นหนุ่มหล่อเพียบพร้อมด้วยฐานะชื่อเสียงชาติตระกูลและฐานะร่ำรวยติดอันดับท็อปเท็นในเมืองไทย
ก่อนจะเดินไปสูบบุหรี่
อรินดาเดินเข้าไปในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้เสียงเพลงดังกระหึ่มทุกคนกำลังดื่มกินกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งเวลาผ่านไปตีหนึ่งกว่าทุกคนก็มึนเมาได้ที่กันจึงสนุกกันสุดเหวี่ยงร้องเพลงเสียดังลั่น
แล้วก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นแล้วพฤทธิ์ก็หิ้วปีกของญาติหนุ่มออกจากห้องอาฟเตอร์ปาร์ตี้เพื่อไม่ให้รบกวนความสนุกในปาร์ตี้ของพี่สาวที่ทุกคนดื่มกินเต้นรำกันอย่างสนุกสนานและอยู่ในสายตาของอรินดาแต่เธอไม่ได้เข้าไปยุ่งและคิดว่าน้องชายเจ้านายจัดการได้เพราะมีเพื่อนๆตามไปหลายคน
“พวกมึงจะรุมกูเหรอวะไอ้พอร์ช”
สุริยนต์ตวาดใส่ญาติหนุ่มเสียงดังเมื่อถูกพฤทธิ์กับเพื่อนหิ้วมาในห้องน้ำเพราะฝ่ายเขามีแค่สองคนแล้วฝ่ายพฤทธิ์มีตั้งห้าคน
“กูไม่รุมมึงหรอกไอ้มิกซ์
แล้วมึงจะเอายังไงกูว่ามาอย่ามาก่อกวนในงานแต่งงานของพี่สาวกู..”
พฤทธิ์ถามญาติหนุ่มเสียงเข้มด้วยความโกรธที่มันก่อกวนอาฟเตอร์ปาร์ตี้ของพี่สาว
“กูไปกวนอะไรของมึงวะไอ้พอร์ช
กูกำลังสนุกมากเลยต่างหากล่ะ หึหึๆๆ..” สิริยนต์พูดแล้วหัวเราะเพราะเขาไม่ชอบมันสองพี่น้องจึงมาก่อกวนงานแต่งงานของพัชรวลัย
“สนุกมึงคนเดียวน่ะสิ
ไสหัวกลับบ้านไปเลยก่อนที่มึงจะเละคาตีนกู”พฤทธิ์พูดด้วยความโกรธเพราะสุริยนต์หยิบแก้วเครื่องดื่มแล้วเทราดไปทั่วทำความลำบากให้พนักงานและทำให้แขกในงานเหยียบเขาก็กลัวแขกในงานจะลื่นล้มบาดเจ็บและกเตือนมันแล้วแต่มันไม่ฟังก็ยังทำอีกเขาจึงลากมันออกมาจัดการในห้องน้ำเพื่อไม่อยากให้ทุกคนหมดสนุก
“ก็เอาสิวะ กูก็อยากรู้เหมือนกันว่ามึงจะแน่แค่ไหน”
สุริยนต์พูดท้าทายญาติหนุ่มที่เก่งกว่าเขาทุกอย่างทั้งหน้าที่การงานและเรื่องสาวๆที่ต่างพากันชื่นชมมันมาตั้งแต่สมัยเรียนตั้งแต่ประถมยันมัธยมต้นและแตกหักกันเรื่องผู้หญิง
“กูว่ามึงเมาแล้วกลับเถอะไอ้มิกซ์ อย่ามีเรื่องกันเลย”
นนทวัฒน์พูดอย่างใจเย็นเพราะไม่อยากให้มีเรื่องกันยังไงทั้งสองก็เป็นญาติกัน
“ถุย คิดว่าจะแน่..”
สุริยนต์ถุยน้ำลายลงตรงหน้าของพฤทธิ์กับเพื่อนๆ
“ผลั้วะๆๆ..”
“โอ้ยย..”
สุริยนต์ร้องออกมาทันทีที่พูดจบเพราะถูกกำปั้นกระแทกกรามแกร่งสองครั้งจนหน้าหันและเซจะล้ม
“ไอ้พอร์ช..” นนทวัฒน์ วิกรม พัสกร สก็อต
เรียกเพื่อนเสียงดังเพราะมันบอกพวกเขาให้ใจเย็นแต่มันกลับฟาดหน้าไอ้มิกซ์ก่อน
“พวกมึงรุมไอ้มิกซ์นี่หว่า”
อัศนัยเพื่อนของสุริยนต์ที่มางานด้วยกันก็ว่าพฤทธิ์กับเพื่อนก่อนจะประคองเพื่อนที่เซจะล้ม
“มึงคิดว่ากูจะยอมให้มึงต่อยกูคนเดียวหรือไงไอ้พอร์ช”
สุริยน์พูดจบก็ง้างกำปั้นถลาไปหาพฤทธิ์เพื่อจะชกเขาแต่ถูกสวนกลับมาก่อน
“ผลั้วะๆๆ ตุ้บๆๆ..”
สองหนุ่มก็ตะลุมบอนกันในห้องน้ำโดยที่เพื่อนทั้งสี่ของพฤทธิ์คุมตัวเพื่อนของสุริยนต์ไว้เพื่อให้ทั้งสองจัดการกันเอง
“ปล่อยสิวะ มึงจะดูไอ้มิกซ์มัยถูกไอ้พอร์ชซ้อมหรือไงวะ”
อัศนัยว่าอดีตเพื่อนร่วมโรงเรียนก่อนที่จะมีปัญหากันเรื่องผู้หญิงที่พาชื่นชมพฤทธิ์มากกว่าสุริยนต์และไม่ว่าสุริยนต์จะชอบผู้หญิงคนไหนเธอก็ปฏิเสธบอกว่าชอบพฤทธิ์ทำให้สุริยนต์มีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อยกับพฤทธิ์และหลังจากนั้นพวกเขาก็แบ่งพรรคแบ่งพวกไม่ถูกกันเจอหน้ากันก็มีเรื่องตลอดจนกระทั่งจบมัธยมสามก็แยกย้ายกันไปเรียนต่อและกลุ่มของพฤทธิ์ไปเรียนที่อเมริกา
ส่วนกลุ่มของเขาไปเรียนที่อังกฤษแต่พอกลับมาเจอกันก็ยังไม่ถูกกันเหมือนเดิมแต่เวลางานสุริยนต์ไม่กล้าออกหน้าให้อาของพฤทธิ์ออกหน้าตลอดและงานนี้สุริยนต์ตั้งใจจะก่อกวนและเขาก็ห้ามไว้เพราะยังไงก็สู่พฤทธิ์ไม่ได้
“พอแล้วไอ้พอร์ช”
สก็อตไปรั้งตัวเพื่อนไว้เมื่อเห็นสุริยนต์ล้มลงไปกองกับพื้น
“กูบอกแล้วว่าอย่ามาก่อกวนในงานของพี่สาวกู
พามันส่งโรงบาลด้วยนะไอ้อัต” พฤทธิ์เช็ดเลือดมุมปากแล้วพูดกับสุริยนต์ที่นั่งบนพื้นอย่างหมดสภาพหน้าแตกยับเลือดเปรอะเต็มหน้าและเสื้อผ้า
“กูจะฟ้องคุณยาย รับรองมึงกระเด็นจากตำแหน่งแน่คอยดู
อู้ยย..” สุริยนต์เค้นเสียงว่าพฤทธิ์ด้วยความเคียดแค้นที่แพ้มัน
“ถ้ามึงคิดว่าทำได้ก็เชิญ”
พฤทธิ์พูดจบก็เดินไปที่อ่างล้างหน้าแล้ววักน้ำล้างหน้าที่มีคราบเลือดออกจนหมดก่อนจะล้วงเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าจนแห้ง
“ฝากไว้ก่อนเถอะกูจะเอาคืนมึงแน่ไอ้พอร์ช”
สุริยนต์พูดใส่หน้าพฤทธิ์ทั้งที่ตัวเองลุกไม่ขึ้นด้วยซ้ำ
“ยินดีทุกเมื่อ ไปดื่มกันต่อเถอะพวกเรา”
พฤทธิ์เดินนำเพื่อนๆออกไปจากห้องน้ำอย่างไม่สนใจสุริยนต์ก่อนจะบอกให้เจ้าหน้าที่รปภ.เข้าไปช่วยพาสุริยนต์ไปส่งโรงพยาบาล
“ไอ้มิกซ์มันไม่เข็ดจริงๆเลยว่ะ”
นนทวัฒน์พูดขึ้นหากลงมือลงไม้กันเมื่อไหร่สุริยนต์ก็จะเจ็บทุกครั้งไม่เคยชนะพฤทธิ์แต่พอโตมาก็จะมีแค่ปากเสียงกันและไม่ค่อยได้เจอกันและเที่ยวคนละที่แต่ครั้งนี้พฤทธิ์คงทนไม่ไหวจริงๆ
ดีที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นห้องไปแล้ว อีกอย่างทุกคนก็เมามากจึงไม่มีใครสนใจ
“ปล่อยมันเถอะ คราวนี้มันคงเข็ดไปอีกนานว่ะ”
วิกรมคิดว่าสุริยนต์คงเข็ดกำปั้นของพฤทธิ์ไปอีกนานเลยทีเดียวและที่มันทำได้คือฟ้องยายเหมือนทุกครั้งที่ทะเลาะกัน
“เข็ดก็ดีสิวะ ไอ้มิกซ์มันเหมือนหมาบ้าที่กัดไม่เลือกหน้าเดี๋ยวเจอกันมันก็เอาอีก”
เขาไม่เห็นมันจะเข็ดเลยเจอหน้าก็ฮึ่มฮ่ำเข้าใส่เหมือนหมาบ้าและถูกเขาซัดหน้างายไปทุกครั้ง
“นั่นสิวะ
ขนาดหน้าแหกมันยังไม่เข็ดแล้วไอ้ลูกแง่อย่างมันจะทำอะไรได้นอกจากฟ้องยาย”
“มึงทนได้ยังไงวะไอ้พอร์ช”
สก็อตถามเพื่อนเพราะสุริยนต์ทำงานในบริษัทของพฤทธิ์
“งานคืองาน ถ้ามันไม่มีความสามารถกูก็ไม่เอาไว้หรอก
ดื่มกันดีกว่าอย่าไปเสียเวลากับมันเลย”
เขาแยกแยะได้เพราะเรื่องงานของสุริยนต์ไม่มีปัญหาและตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารก็ยังมีผู้จัดการดูแลอีกขั้นหนึ่งและเขาก็ตรวจทานงานทุกอย่างละเอียดยิบทำให้สุริยนต์ไม่กล้าหือในบริษัทแต่ก็ยังอวดเบ่งว่าเป็นหลานชายเจ้าของบริษัททั้งที่เขากับปริตาและปวรรธ์เป็นหลานแท้ๆยังไม่อวดอ้างตัวเองเลย
เวลาผ่านไปทุกคนต่างก็มึนเมาทำให้อรินดาต้องดูแลจัดการทั้งที่ง่วงก็ง่วงแต่หน้าที่ต้องมาก่อนจึงจัดการดูแลแขกไปส่งห้องพักได้ก็ทำให้อรินดาแทบหมดแรงจึงเผลอคว้าแก้ววิสกี้มาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
“แค่กกๆๆ..”
“พี่อิ๋นเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
พนักงานสาวที่ช่วยอรินดาดูแลแขกถามเบาๆเมื่อเห็นหญิงสาวสำลัก
“มะ ไม่เป็นไรจ้ะ พอดีพี่หยิบแก้ววิสกี้คิดว่าเป็นแก้วน้ำ
พี่ขอตัวก่อนนะ”
อรินดาบอกพนักงานเธอกลัวจะเมาและในงานก็ยังมีแขกเหลืออยู่ไม่มากแล้ว
“ได้ค่ะ ให้หนูไปส่งมั้ย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ไปเองได้”
อรินดารู้สึกร้อนวูบวาบในช่องท้องเหมือนแอลกอฮอล์กำลังทำงานทำให้เธอต้องรีบกลับห้องก่อนที่มันจะออกฤทธิ์เพราะถ้าเมาเธอไม่สามารถดูแลตัวเองได้
ร่างเพรียวอวบอิ่มสมส่วนแม้จะอยู่ในชุดเรียบร้อยแต่ก็ยังโดดเด่นในสายตาของผู้ชายที่ชอบมองของสวยๆงามๆโดยเฉพาะผู้หญิงทำให้อรินดารีบเดินตรงดิ่งไปที่ลิฟต์อย่างรวดเร็วเพราะดึกแล้วผู้คนก็บางตาและในลิฟต์มีแต่พนักงานกดลิฟต์
“ชั้นไหนครับคุณผู้หญิง”
“อืม ยี่สิบเก้าค่ะ”
อรินดาบอกพนักงานแล้วประตูลิฟต์ปิดลงตัวเลขก็เคลื่อนไปจนถึงชั้นยี่สิบเก้าที่เธอเธอพัก
“ชั้นยี่สิบเก้าครับคุณผู้หญิง”
พนักงานบอกลูกค้าของโรงแรมที่ยืนนิ่ง “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ”
อรินดาสะบัดใบหน้าไปมาแล้วเดินออกจากลิฟต์ตรงไปที่ห้องพักของเธอ
ก่อนจะล้วงการ์ดออกมาเปิดประตูห้องแล้วเดินเซเข้าไปในห้องตรงดิ่งไปที่ตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำเย็นแล้วเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำจะได้สร่างเมา
ฝ่ายพฤทธิ์ก็เมามากพอสมควรแต่ก็ยังมีสติจึงพาเพื่อนๆไปส่งที่ห้องพักก่อนจะกลับห้องพักของตัวเองแล้วเคาะประตูห้องที่แฟนสาวพักเพราะเอาการ์ดแตะแล้วเปิดประตูไม่ได้
“ก๊อกกๆๆ..”