บทที่ 2/1 ในฐานะคนใช้

2344 คำ
“นี่คือห้องของนาย” ปัฐทวีเอ่ยเสียงเรียบพลางเปิดประตูห้องเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับห้องครัว “ครับ” คนที่เพิ่งมาเยือนมองเข้าไปภายในห้องที่ค่อนข้างมืดและคับแคบ บนหัวเตียงมีแสงจากโคมไฟสลัว และเฟอร์นิเจอร์ที่ดูไม่ค่อยมีอะไรนอกจากเตียงไม้เก่า ๆ และโต๊ะทำงานเล็ก ๆ “ห้องนี้มัน...” “ใช่ นี่เป็นห้องคนใช้” พ่อเลี้ยงหัวเราะเย้ยหยันออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นายคิดว่าฉันจะให้นายมาอยู่ที่ไร่แบบสุขสบายอย่างนั้นเหรอ ฝันหวานเกินไปแล้วคุณหนู” “ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะมาอยู่ที่นี่แบบสุขสบาย ผมแค่สงสัยว่าคนในรูปคือใคร?” ว่าแล้วทัศก็ชี้ไปยังรูปของชายหนุ่มหน้าตาดี ที่ตั้งอยู่มุมห้อง “ก็แค่...คนหิวเงิน ที่โลภจนตัวตาย” “ตายแล้ว!” ทัศสบถออกมาด้วยความตกใจ “นี่คือ...ห้องของเขาเหรอ?” “ทำไม... กลัวแล้วเหรอ? แต่ฉันว่าคนประเภทเดียวกันน่าจะไม่ทำร้าย หรือออกมาหลอกกันได้นะ” ได้ยินอย่างนั้น ก็ทำให้ทัศรู้สึกทนไม่ไหวกับคำพูดเหน็บแนมของอีกฝ่าย เขาจึงตวัดสายตาไปมองปัฐทวีด้วยความโกรธ “ก็เพราะปากคุณมันเป็นแบบนี้ไง ถึงไม่มีใครรักลง!” ทัศต่อว่าอีกฝ่ายแล้วเดินหนีเข้าห้องไปทันที ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าพ่อเลี้ยงปัฐทวีอย่างแรง จนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งบ้าน ด้วยเสียงที่ดังมาก ๆ ทำให้เหล่าแม่บ้านต่างมาชะเง้อมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นกันเป็นแถบ ๆ “นี่นาย!!!” “ออกไปได้แล้ว ผมจะพักผ่อน!” “ใครให้นายพักผ่อน เสร็จแล้วก็รีบออกมาหาฉันด้วย” สั่งเสร็จ ปัฐทวีก็เดินจากไปด้วยความหัวเสีย เมื่อเสียงฝีเท้าของปัฐทวีเริ่มห่างออกไป ทัศถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง มือที่กำแน่นอยู่ข้างตัวก็เริ่มคลายออก ก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ ห้อง จนสายตาของเขาไปหยุดที่กรอบรูปที่แขวนอยู่บนผนังของมุมห้อง รูปของคนที่พ่อเลี้ยงปัฐบอกว่า ...เขาได้ตายไปแล้ว “ทำไมคุณถึงไม่หักคอเขาให้ตายไปเลยล่ะ” ทัศพูดออกมาอย่างหัวเสีย “ถ้าเป็นผมนะ ไอ้หมอนี่คงไม่รอดตั้งแต่วันแรกที่ผมตายแล้ว!” ☆*: .。.o*✿*o.。. :*☆ “ผมมาแล้ว มีอะไรก็ว่ามา” ทัศที่เพิ่งออกมาจากห้องเอ่ยถามเสียงแข็ง พลางกอดอกมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ปัฐทวีเหลือบตามองอีกฝ่าย พร้อมยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “นั่งลงก่อนสิ” ทัศลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตรงข้ามตามคำเชิญ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร ปัฐทวีกลับพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน “เดี๋ยว! ฉันหมายถึงนั่งข้างล่าง” “อะไรนะ! โซฟาก็มีนิ ทำไมต้องให้ผมนั่งข้างล่างด้วย” “เพราะฉันจะให้นายอยู่ที่นี่ในฐานะคนใช้ไง คนใช้ก็ต้องนั่งข้างล่าง จะมานั่งทัดเทียมกับเจ้านายได้ยังไง ที่บ้านไม่เคยสอนเหรอคุณหนู” “ผมแต่งงานเข้าบ้านหลังนี้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่เข้ามาในฐานะคนใช้ แล้วอีกอย่างตอนนี้เขาก็ไม่มีระบบทาสกันแล้วด้วย” ทัศโต้กลับเสียงดัง “แต่สำหรับฉัน...นายคือคนใช้ และทุกคนที่นี่ก็ต้องปฏิบัติกับนายเหมือนคนใช้เหมือนกัน อย่าคิดจะมาใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่นี่เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันเอานายตายแน่” ทัศกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง เขามองไปที่พื้นข้างล่าง ก่อนจะค่อย ๆ ย่อตัวลงนั่งลงบนพื้นแข็ง ๆ อย่างไม่เต็มใจ “พอใจคุณหรือยังพ่อเลี้ยง” “แบบนี้สิ ค่อยเหมาะสมกับฐานะของนายหน่อย” “มีอะไรก็ว่ามาสิ” “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป นายต้องตื่นพร้อมแม่บ้านเพื่อมาทำอาหารเช้า พอสายนายก็ต้องเข้าไร่ไปเก็บชาในไร่กับพวกคนงาน ตกเย็นก็มาช่วยงานในครัว แล้วก็ทำความสะอาดบ้านทั้งหมด ไม่เสร็จห้ามพัก” “คุณบ้าหรือเปล่า ใครมันจะไปทำได้!” “นั่นมันก็เรื่องของนาย” ว่าแล้วพ่อเลี้ยงปัฐทวีก็หันไปสั่งป้าแม่บ้านวัยห้าสิบปลาย ๆ ที่ดูแลบ้านหลังนี้มานานตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก “ผมฝากด้วย ถ้างานไม่เสร็จก็อย่าให้พักเด็ดขาด” “เจ้า...ป้อเลี้ยง” เธอตอบรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย ทัศมองไปยังคนที่เพิ่งจะแต่งงานด้วย โดยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังราวกับคนตรงหน้าไม่ใช่คน แต่เป็นมัจจุราชที่คอยคร่าชีวิตของผู้อื่น ...แค่หนึ่งปีเท่านั้น อดทนเอาไว้ไอ้ทัศ “ส่วนโทรศัพท์ของนายเอาไว้ที่ฉันก่อน ถ้าจะโทรหาใครค่อยมาบอกฉัน แล้วฉันจะพิจารณาอีกที” “นี่มันจะเผด็จการเกินไปแล้วนะครับคุณปัฐ!!!” “แล้วมันจะทำไม ฉันเป็นเจ้าชีวิตของนายแล้ว ฉันมีสิทธิ์ทที่จะทำอะไรกับนายก็ได้ จำเอาไว้ให้ดี” พูดจบพ่อเลี้ยงก็หยิบหมวกสีน้ำตาลขึ้นมาใส่ ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา “แยกย้ายกันไปทำงานได้” ทัศมองตามแผ่นหลังของซาตานตัวใหญ่จนลับสายตา เขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ด้วยความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ที่ไม่รู้ว่าการชดใช้กรรมที่ขุมนรกนี้จะสิ้นสุดลงที่ตรงไหน “นี่!!!” มาลาป้าแม่บ้านเดินมาสะกิดเด็กหนุ่มผิวพรรณสะอาดสะอ้านจากเมืองกรุง ที่กำลังนั่งเหม่อมองออกไปข้างนอก “เอ็งชื่ออะหยัง?” “ผมชื่อทัศครับ” “อายุเต้าใด? แล้วฮู้จักเฮ็ดกับข้าวก่อ?” “อายุยี่สิบหกครับ ผมทำอาหารได้ แกะสลักได้ แต่อาหารเหนือผมไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่ แต่ก็พอทำได้ครับ” “ตี้นี่เฮ็ดแต่อาหารหลวง เอ็งเฮ็ดได้ก่อ?” “อาหารหลวง? หมายถึงอาหารชาววังใช่ไหมครับ” “แม่นละ เฮ็ดได้ก่อ?” “ผมทำได้ครับ เพราะเรียนด้านนี้มาโดยเฉพาะเลย” “ดีนัก! เดี๋ยวแลงนี้ก็เตรียมโตยเข้าครัวได้เลย จะได้ฮู้กันไปเลยว่าที่อู้มาน่ะมีแต่ขี้ฟันก่อ” ป้ามาลาพูด ก่อนที่เธอจะเดินจากไปทำงานของเธอ “จงเกลียดจงชังอะไรกันนักหนาวะ” “อ้าย!” ทัศสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงของเด็กสาวเอ่ยเรียกจากด้านหลัง พอหันกลับไปมองก็พบกับเด็กสาว เกล้าผมทัดดอกไม้สีม่วง “ครับ?” “อ้ายเป็นเมียพ่อเลี้ยงแม่นก๋าเจ้า?” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยสำเนียงชาวเหนือที่ไม่ค่อยคุ้นหูคนที่มาจากเมืองกรุงสักเท่าไหร่ “ไม่ใช่นะ พี่แค่แต่งงานเข้ามา แต่ไม่ได้เป็นเมีย” “แม่นก๋าเจ้า? แต่คนแต่งงานกั๋น กะต้องเป็นผัวเมียกันบ่าแม่นก๊ะ?” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา “มันก็ใช่ แต่เราจำเอาไว้แค่ว่าพี่กับพ่อเลี้ยงไม่ได้เป็นผัวเมียกัน เข้าใจไหม?” “เปิ้นเข้าใจ๋แล้ว อ้ายยังบ่าแม่นเมียป้อเลี้ยง...แต่อ้ายคือนายใหญ่ของบ้านแม่นก๊ะเจ้า?” “นั้นก็ไม่ใช่เหมือนกัน พี่อยู่ที่นี้ในฐานะคนที่ทำงานเหมือนทุก ๆ คน เท่ากับทุกคน...” ...หรือบางทีอาจจะอยู่ต่ำกว่าพวกเธอก็ได้ “แต้ก๋าเจ้า?” “ใช่ ต่อจากนี้...เรามาเป็นเพื่อนที่ดีของกันและกันได้ไหม?” “ได้เจ้า” “ขอบใจมากครับ” ทัศยกยิ้มให้กับเด็กสาว ก่อนจะเอ่ยถามชื่อเสียงเรียงนามของคนตรงหน้า “พี่ชื่อทัศนะ ว่าแต่เราชื่ออะไร แล้วอายุเท่าไหร่เหรอครับ?” “เปิ้นชื่อแสงเดือนเจ้า อายุสิบห้าปี” “แสงเดือนเหรอ...ชื่อเพราะจัง” “อ้ายกะงามหลายน้อ” เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พร้อมสายตาที่ไล่สำรวจใบหน้าของทัศ “เปิ้นอยากงามคืออ้าย” “อีแสงเดือน จะไปปากนักกับเปิ้นหนา!” จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายแสงเดือน เดินเข้ามาตวาดใส่เสียงดัง ทำให้แสงเดือนหันไปมองทันที “ปี่...” “พี่สาวเหรอ?” แสงเดือนพยักหน้าเบา ๆ “เปิ้นชื่อแสงดาว” ทัศก็ยืนขึ้นจากที่นั่งและยิ้มให้กับแสงดาวอย่างสุภาพ ก่อนจะเอ่ยทักทาย “สวัสดีครับ ผมชื่อทัศนะครับ” “ขอสุมาแทนอีแสงเดือนเน้อเจ้า” “ขอโทษเรื่องอะไรครับ?” “กะมันบ่าหู้ฟ้ากับนาย!” มือเรียวยกขึ้นเกาหัวแกรก ๆ ด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่แสงดาวพูด “ขอโทษนะ...แต่มันแปลว่าอะไรเหรอ?” “ขอสุมาเน้อเจ้า เปิ้นลืมไปว่านายฟังภาษาหมู่เฮาบ่าออก” เธอยกยิ้มให้ทัศก่อนจะกระแอมกระไอออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพูดภาษาที่พอจะทำให้ทัศเข้าใจได้บ้าง “เปิ้นต้องขอโทษที่มันบ่าฮู้ความ บ่าฮู้ที่ต่ำที่สูงกับนายใหญ่” “ที่ต่ำที่สูงอะไรแสงดาว เราก็คนเท่ากันนั่นแหละ แล้วอีกอย่างเลยนะ พี่ไม่ใช่นายใหญ่อะไรทั้งนั้นเข้าใจไหม” “แต่ตั๋วเป็น....” “ไม่ใช่นะแสงดาว พี่เป็นแค่คนที่แต่งงานกับพ่อเลี้ยง แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย เราทั้งสองมีสถานะเป็นแค่เจ้านายกับ...คนใช้คนหนึ่ง” “เจ้า...” แสงดาวทำหน้าเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ทัศพูดออกมา แต่ถึงอย่างนั้นแสงดาวก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ “พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” “ได้เจ้า พี่อยากถามอะหยังก่อถามมาได้เลยเจ้า” “รูปผู้ชายที่อยู่ในห้องคือใครเหรอ แล้วทำไมเขาถึงตาย” คำถามของทัศทำเอาเด็กสาวทั้งสองถึงกับชะงักไปชั่วขณะ เธอสั้งสองหันมองหหน้ากันพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “เปิ้นว่าเปิ้นขอตัวอีแสงเดือนไปจ๋วยงานในครัวก่อนดีกว่า อิแม่เปิ้นฮ้องหา” เมื่อแสงดาวกล่าวจบเธอก็คว้าแขนน้องสาวให้ตามเธอไปอย่างไม่รีรอ “อะไรวะ ทำไมพวกเขาถึงไม่กล้าตอบ หรือว่าคนในรูปนั้นจะเฮี้ยนจนคนในบ้านไม่กล้าพูดถึง” ทัศบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ช่างมันเถอะ! ตอนนี้คงไม่มีอะไรที่น่ากลัวไปมากกว่าพ่อเลี้ยงปัฐทวีแล้วแหละ” ดวงตาสวยฉายแววไม่พอใจจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นว่าบรรยากาศข้างนอกดูน่าเดินเล่น เขาจึงตัดสินใจว่าจะเดินออกไปสูดอากาศเสียหน่อย เผื่อความคับแค้นในใจที่มีต่อพ่อเลี้ยงปัฐมันจะเย็นลงได้บ้าง คนจากเมืองกรุงเพ่งมองไร่ชาที่ทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา ชื่นชมความกว้างใหญ่ของทุ่งชาตรงหน้า ที่มีคนงานมากมายกำลังบรรจงเก็บชาทีล่ะยอดอย่างชำนาญ สองเท้าเดินไปตามพื้นหญ้าที่ปูอยู่ตลอดทาง ความนุ่มของหญ้าใต้ฝ่าเท้าผ่านรองเท้าแตะ ทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างจากพื้นที่แข็งกระด้างของถนนในเมืองกรุงที่เขาจากมา... “นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์แบบนี้” เขาว่าพลางหลับตาลงเพื่อสูดลมหายใจลึก ๆ ราวกับพยายามจะดื่มด่ำกับความสดชื่นที่มาจากธรรมชาติรอบตัว “นั่นสิครับ นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้เห็นคนหน้าตาดีกลางป่ากลางเขาแบบนี้” ทัศสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองตามเสียงนั้น ก็พบว่าเป็นชายในชุดชาวเขาดุสะอาดตา และยิ้มให้ทัศอย่างเป็นกันเอง “สวัสดีครับ เป็นคุณหนูบ้านไหนครับเนี่ย?” “สวัสดีครับ ผม...เป็น...คนงานในไร่นี้ครับ” ทัศตอบออกไปอย่างนั้น เพราะเขาไม่อยากให้คนนอกต้องมารับรู้เรื่องราวระหว่างเขากับพ่อเลี้ยงปัฐทวี “คนงาน? แต่ท่าทางคุณดูเหมือนไม่ใช่คนงานเลยนะ” ชายคนนั้นว่าพร้อมมองทัศตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิจารณา “ผมมาทำครั้งแรก ถ้าไม่เหมือนก็น่าจะไม่แปลกนะครับ” “ที่พูดมาก็มีเหตุผล” เขาพยักหน้าให้เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามคนตรงหน้า “ว่าแต่คุณชื่ออะไร?” “ทัศครับ ชื่อทัศ” “พี่ชื่ออัครานะ น่าจะจะอายุมากกว่าน้องทัศ แต่จะเรียกพี่ว่าพ่อเลี้ยงอัคหรือพี่อัคก็ได้นะ ทำไร่กาแฟอยู่ข้าง ๆ นี่เอง” เขาแนะนำตัวพร้อมชี้ไปยังไร่กาแฟที่อยู่หลังเขาอีกลูก “อ๋อครับ แล้วนี่พี่มาหาพ่อเลี้ยงปัฐเหรอครับ?” “ใช่ ว่าแต่ไอ้ปัฐมันอยู่ไหมครับ?” “ไม่อยู่ครับ เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง” “พี่มาหามันตั้งหลายวันแล้วนะ แต่ก็ไม่เจอตัวมันเลย เห็นป้ามาลาบอกว่าไปทำธุระที่กรุงเทพ” “พี่เป็นอะไรกับพ่อเลี้ยงปัฐเหรอครับ?” ทัศเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะท่าทางและบุคลิคของชายตรงหน้าดูต่างจากพ่อเลี้ยงปัฐอย่างกับฟ้ากับเหว “พี่เป็นเพื่อนกับมันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ไอ้นี่ถ้าไม่มีพี่คบเป็นเพื่อนอ่ะนะ มันก็ไม่มีใครคบแล้ว” “ข้อนี้ผมเห็นด้วยเลยครับ” ทั้งคู่หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ก่อนที่พ่อเลี้ยงอัคจะเอ่ยขึ้น “สนใจอยากจะไปทำงานที่ไร่พี่ไหม เพราะถ้ามีคนหน้าตาดีแบบนี้อยู่ในไร่สักคน พี่คงมีแรงทำงานขึ้นเยอะ” พ่อเลี้ยงอัคราเอ่ยชวนชายหนุ่มหน้าหวานตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม “เอ่อ...คือผม...ผม...” “ไม่ได้หรอก! เพราะคนงานคนนี้ของฉัน ฉันซื้อมาแพง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม