ใต้เงาจันทร์ที่ทอดแสงเย็นเรื่อเหนือเรือนไม้ใหญ่ภายในงานเลี้ยงวันเกิดของนายแม่คำจันทร์ มีเสียงดนตรีพื้นเมืองจากลานซอเจือละมุนระคนไปกับเสียงพูดคุยของคนงานในไร่ที่แวะเวียนมาพร้อมของฝากจากป่าหรือผลไม้ตามฤดู ไปจนถึงบรรดาผู้ดีมีสกุลจากตระกูลน้อยใหญ่ที่แต่งตัวงามสง่า
ไม่นานนักชายร่างแกร่งในอาภรณ์ผ้าฝ้ายทอย้อมครามเรียบหรูคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ปลายระเบียงด้านตะวันตกของเรือนใหญ่ นั่นก็คือลูกชายคนเดียวของเธอ สายตาของคำจันทร์ทอดผ่านหมู่แขกเหรื่อที่กำลังสรวลเสเฮฮา เพื่อหาบุคคลที่สำคัญในครอบครัวอีกหนึ่งคน แต่เธอกับไม่พบกับคนที่ตามหาเลยแม้แต่เงา “ทัศอยู่ไหนนะ?”
“สวัสดีครับ... นายแม่คำจันทร์” เสียงทุ้มของชายวัยกลางคนดังขึ้นจากด้านหลังอย่างอ่อนโยน พอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นเสียงของพ่อเลี้ยงอมรที่มาพร้อมกับลูกสาว ผู้ซึ่งคุ้นเคยกับครอบครัวโสวราการณ์มาเนิ่นนาน
“สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง”
“สวัสดีค่ะนายแม่” เอื้องคำยกมือไหว้อย่าสุภาพพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ที่ประดับบนใบหน้าหวาน
“จ๊ะหนูเอื้อง” คนแก่กว่ารับไหว้หญิงสาวผู้ยิ้มแย้มตรงหน้าก่อนที่จะหันไปหาพ่อเลี้ยงอมร “มานานหรือยังคะพ่อเลี้ยง?”
“ไม่นานหรอกครับ แล้วพ่อเลี้ยงปัฐอยู่ไหนเหรอครับ?”
“น่าจะอยู่บนบ้านมั้งคะ”
พูดจบ จู่ ๆ ไฟทั้งงานก็ดับลง จนทุกอย่างตกอยู่ในความมืด ก่อนจะมีเสียงร้องเพลงจากชายหนุ่มทั้งสองดังขึ้น ตามด้วยเสียงร้องของแขกทั้งงาน
Happy Birthday to You
Happy Birthday to You
Happy Birthday to นายแม่คำจันทร์
Happy Birthday to You...
ทั้งสองชายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยความยิ้มแย้ม ท่ามกลางสายตาของแขกเหรื่อที่จับจ้องไปยังพวกเขา และเมื่อทั้งสองหยุดอยู่ตรงหน้าของนายแม่คำจันทร์หญิงผู้เป็นเจ้าของวันเกิด ที่ตอนนี้ดวงหน้าของเธอเปล่งประกายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ขอพรเลยครับแม่” ปัฐทวีกล่าวขึ้น
คำจันทร์พยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับสองมือที่ยกขึ้นไหว้ขอพรอย่างตั้งใจ ก่อนจะเอนใบหน้าลงไปเป่าเทียนบนเค้กก้อนโตที่อยู่ตรงหน้า
เสียงปรบมือดังไปทั่วทั้งงาน ก่อนที่ไฟจะถูกเปิดขึ้นให้ทุกอย่างกลับมาสว่างไสวเช่นเดิม ทัศยกมงกุฎดอกไม้สีขาวขึ้นมาประจักษ์ต่อหน้านายแม่ “สำหรับเจ้าหญิงในวันนี้ครับ”
“สวมให้แม่สิจ๊ะทัศ”
ทัศยิ้มให้กับคำขอของนายแม่ ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมงกุฎดอกไม้นั้นขึ้นไปสวมที่ศีรษะของเธออย่างเบามือ “ขอให้คุณแม่มีความสุขดั่งเจ้าหญิงในนิยายนะครับ”
ปัฐทวีทอดสายตามองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่มิอาจบรรยายได้ เขามองคู่สมรสของตนที่ยืนอยู่ข้างมารดาของเขาโดยที่ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ซึ่งภาพนี้เป็นภาพที่เขาไม่ได้เห็นมานานนับจากได้เสียเกริกไป...
“คนแบบนั้นตายไปมันก็ดีแล้ว!!!”
ปัฐทวียืนมองหลุมศพซึ่งถูกปักไม้กางเขนไว้อย่างเรียบง่ายของเกริกผู้ล่วงลับไปอย่างไม่มีวันกลับ พร้อมผู้เป็นแม่ที่กำลังมองลูกชายของตนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเวทนา
“คนตายไปแล้วปัฐก็อย่าไปถือโทษโกรธเขาเลยนะลูก”
“ทำไมผมจะโกรธไม่ได้ ถ้าเขาไม่หิวเงินก็คงไม่ต้องมีจุดจบแบบนี้หรอก” ถึงแม้คำพูดพวกนั้นจะดูเย็นชา แต่ความรู้สึกภายในกลับแหลกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี ความโกรธ ความผิดหวัง ความคิดถึง และความเสียใจพันรัดหัวใจเขาจนแทบหายใจไม่ออก
...นายจะไม่หลอกฉันแบบเกริกใช่ไหมทัศ
☆*: .。.o*✿*o.。. :*☆
นายตำรวจหนุ่มที่ซุ่มอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ดวงตาแข็งกร้าวจับจ้องไปยังบ้านไม้สองชั้นเก่าแก่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางแสงไฟสลัว เพื่อรอจังหวะให้พ่อเลี้ยงอัครามาล่อพวกชายชายฉกรรจ์ออกไป ซึ่งดอนไม่รู้เลยว่าอัคราจะใช้วิธีไหนในการล่อพวกคนงาน ได้แต่หวังว่าความเป็นกันเองของอัคราจะมีประโยชน์ขึ้นมาบ้างในสถานการณ์แบบนี้
“อ้าว เป็นจะไดกั๋นพ่องล่ะหมู่เฮา? ยังมานั่งเฮ็ดงานอยู่ได้? บ่ไปกิ๋นงานวันเกิดนายแม่คำจันทร์ตวยกันก๋า?” พ่อเลี้ยงอัคราเดินเข้าไปพูดคุยกับพวกคนงานของพ่อเลี้ยงอมรอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับไหเหล้าที่หยิบมาจากงาน
“ไปบ่าได้ครับ ป้อเลี้ยงอมรเปิ้นสั่งหื้อหมู่ผมอยู่เฝ้าเฮือน บ่หื้อไปไหนเลย”
“ก๋าเพราะจะอี้ล่ะ ฉันเลยเอาเหล้าหมักหวาน ๆ จากบ้านงานมาหื้อ จิบนิดจิบหน่อย คงบ่เป๋นอะหยังดอก”
“บ่าดีดอกครับป้อเลี้ยง หมู่ผมยังต้องเฝ้าเฮือนอีกยาว”
“จิบจ๊อย ๆ แค่จิบนึงสองจิบเองบ่เมาหรอก กลิ่นเหล้าหมักหวาน ๆ กลิ่นมันหอมจั๊นถึงใจขนาดเลยหนา”
เหล่าคนงานทำหน้าลังเลเล็กน้อย พลางมองไปที่ไหเหล้าในมือของอัครา “กิ๋นหน้อย ๆ คงบ่าเป๋นหยังดอกเนาะ”
“จะอั้นเฮาไปนั่งตี้มุมนู้นกั๋นเต๊อะ คืนนี้ยังอีกเมิน”
“เห็นติดเล่นตลอดแบบนี้ เวลาทำงานก็ใช้ได้เลยนะเนี่ย” ดอนพึมพำเสียงเบา เมื่อสบโอกาสนายตำรวจก็ค่อย ๆ ย่องไปทางข้างบ้านที่มีเงามืดทอดทับร่างของเขา
ดอนพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะมองไปยังคนกลุ่มนั้นที่เคลื่อนไหวไม่ไกล ทันทีที่สบโอกาส ดอนก็ไม่รอช้าที่จะย่องเข้าไปในเงามืดที่พาดผ่านข้างบ้านหลังใหญ่
นายตำรวจหนุ่มแนบหลังกับผนัง ปรับจังหวะลมหายใจให้เบาที่สุด และในขณะเดียวกันก็เงี่ยหูฟังเสียงความเคลื่อนไหวภายในบ้านอย่างตั้งใจ ก่อนที่ดวงตาคมจะจ้องมองไปยังหน้าต่างปิดไม่ค่อยสนิท ที่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ลงกลอนเอาไว้
“นี่สินะที่เขาเรียกว่าคนชั่วพระไม่คุ้มครอง” ดอนว่าพลางค่อย ๆ ใช้นิ้วมืองัดหน้าต่างออก
เมื่อเขาแงมหน้าต่างออกมาได้เล็กน้อย ดวงตาคมก็สอดส่องดูว่ามีใครยังอยู่ในนั้นหรือเปล่า ก่อนที่ดอนจะยกขาข้างหนึ่งขึ้นเหยียบบนขอบหน้าต่าง แล้วค่อย ๆ ปีนเข้าไปอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
ภายในบ้านแห่งนี้ เงียบจนได้ยินเสียงนาฬิกาแขวนเดินดัง ติ๊ก…ต่อก…ติ๊ก…ต่อก เป็นจังหวะสม่ำเสมอ ราวกับเป็นเสียงนับถอยหลังของชีวิตพ่อเลี้ยงอมร ที่เสวยสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้คนมานาน
สองขายาวย่องขึ้นไปด้านบนบ้าน แล้วตรงไปยังห้องเก็บเอกสารที่สายของเขาบอกว่าไอ้พ่อเลี้ยงอมรใช้เก็บเอกสารลับเอาไว้ ดอนชะโงกหน้ามองโถงทางเดินที่ทอดยาวไปจนสุดกำแพง ซึ่งมีประตูห้องอยู่สี่บานเรียงขนานกัน แต่เขาก็รู้ทันทีว่าบานไหนคือเป้าหมาย เพราะมันอยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่สายของเขาเคยพูดไว้เป๊ะ
สุดโถง ซ้ายมือ ห้องที่มีตู้ไม้เตี้ย ๆ วางขวางหน้าประตูเสมอเหมือนพยายามพรางสายตาผู้คน
“จุดจบของแกเริ่มใกล้เข้ามาถึงสักทีนะไอ้อมร”
☆*: .。.o*✿*o.。. :*☆
ในเวลาเกือบจะห้าทุ่มของคืนวันงาน สายตาคมดุของปัฐทวีจ้องมองไปยังพ่อเลี้ยงอมรที่กำลังยกแก้วไวน์ชนกับแขกในงาน พลางมองไปยังถนนทางเข้าเพื่อรอการมาถึงของหลักฐานสำคัญที่ดอนจะนำมา
“เมื่อไหร่จะมากันสักที!”
“คุณว่ายังไงนะ เมื่อกี้คุณพูดกับผมหรือเปล่า?”
“เปล่า”
ทัศพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยถามต่อ “ว่าแต่พ่อเลี้ยงอัคราไปไหนเหรอครับ ผมเห็นครั้งสุดท้ายก็ตอนเริ่มงานนู่นเลย”
ปัฐทวีขมวดคิ้วขึ้นน้อย ๆ โดยสายตายังคงจับจ้องไปยังพ่อเลี้ยงอมรที่กำลังยิ้มให้กับแขก “มันก็คงไปทำธุระของมัน นายไม่ต้องเป็นห่วงมันออกหน้าออกตาขนาดนั้นหรอก”
“ผมก็แค่ถามเฉย ๆ แต่ถ้ามันไปขัดหูขัดตาพ่อเลี้ยง ผมก็ขอโทษด้วยก็แล้วกัน” พูดจบทัศก็เดินเข้าไปในงาน เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของงานอีกครั้ง
ไม่นานนักก็มีเสียงเครื่องยนต์สองถึงสามคันแล่นเข้ามาที่หน้าบ้าน พร้อมกับเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบและในเครื่องแบบอีกเกือบสิบนายที่กรูลงมาจากรถรวมถึงดอน ทำให้แขกเหรื่อในงานต่างพากันแตกตื่นไปกันหมด พ่อเลี้ยงอมรยืนอยู่กลางงานสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แต่นัยน์ตาก็ยังคงเยือกเย็นเหมือนเดิม
“พ่อเลี้ยงอมร ผมพันตำรวจตรีอาทิตย์ คำกันวรางค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองปราบปราม ขอทำการจับกุมตัวท่านในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่งไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย กระทำความผิดเกี่ยวกับการค้าไม้โดยผิดกฎหมาย และร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายต่อเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ผมขอเชิญตัวท่านไปยังสถานีตำรวจเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ขอให้ท่านให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ”
“พี่ดอน!!!” เสียงของทัศดังขึ้นด้วยความตกใจเมื่อดอนพูดจบ ร้อนให้เขาต้องรีบถอยห่างจากพ่อเลี้ยงอมร
“คุณพ่อ!!! คุณพ่อไม่ได้ทำอย่างที่พวกมันว่าใช่ไหมคะ?” เอื้องคำเอ่ยถามผู้เป็นบิดาด้วยความตกใจจุดสุดขีด หล่อนแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ว่าพ่อที่แสนดีจะกลายเป็นคนเลวร้ายได้ถึงขนาดนั้น
“พ่อขอโทษนะเอื้องคำ”
ในขณะเดียวกันพ่อเลี้ยงอมรก็ใช้จังหวะที่ไม่มีใครทันระวัง พุ่งเข้าไปคว้าตัวนายแม่คำจันทร์ที่ยืนอยู่ใกล้โต๊ะจัดเลี้ยง ก่อนจะใช้ปลายกระบอกปืนจ่อแนบข้างศีรษะ เธอถูกล็อกตัวแน่นด้วยแขนข้างหนึ่งของอมร
อร๊ายยยย!!!
“แม่!!!!” ปัฐทวีเห็นว่าแม่ของตนถูกไอ้พ่อเลี้ยงอมรจับเอาไว้ ในใจก็ร้อนรนจนแทบคลั่ง “มึงปล่อยแม่กู!!!”
“ถอย! อย่าให้กูต้องทำอะไรมากกว่านี้!” พ่อเลี้ยงคำรามเสียงดัง “ใครขยับแม้แต่ก้าวเดียว...กูยิง!”
ดวงตาของแขกหลายคนเบิกกว้าง หญิงบางคนกรีดร้อง หลายคนทรุดนั่งกับพื้นด้วยความหวาดกลัว ขณะที่เหล่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่เพิ่งกรูลงจากรถต่างกระจายกำลังเข้าประจำตำแหน่งเพื่อหาทางช่วยตัวประกัน
นายแม่พยายามกลั้นน้ำตาหายใจหอบกระชั้น หน้าเธอซีดเผือด ร่างกายสั่นระริก แต่เสียงสะอื้นกลับไม่ออกมาแม้แต่น้อย “ปล่อยฉันไปเถอะนะคะพ่อเลี้ยง ฉันแก่แล้วเอาฉันไปก็จะไปเป็นภาระเปล่า ๆ ”
“ถ้ากูปล่อยมึง กูก็ถูกจับสิ!!!
“พ่อเลี้ยง... คุณไม่มีทางหนีรอดได้แล้ว ยอมไปกับเจ้าหน้าที่แต่โดยดีเถอะครับ อย่าทำให้โทษมันหนักไปกว่านี้เลย ถ้าพ่อเลี้ยงยอมมอบตัว โทษมันอาจจะเบาลงมาบ้างนะครับ” ดอนพยายามเจรจาต่อรอง
“กูไม่ปล่อย!!!”
“พ่อเลี้ยง!” เสียงเรียกหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาทุกสายตาหันขวับไปมองกันเป็นตาเดียว “เอาตัวผมไปแทนนายแม่เถอะ นายแม่ร่างกายไม่แข็งแรงไปกับพ่อเลี้ยงได้ไม่ไกลหรอก”
“ทัศนายจะทำอะไรของนาย !!!”
“ทัศอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด!!!”
ปัฐทวีกับดอนตะคอกลั่นออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอันตรายไปอีกคน
แต่ทัศไม่สนเสียงของชายทั้งสอง เขากลับเดินตรงเข้าไป ไม่มีแม้แต่ความลังเลบนใบหน้า สายตาของเขาจับจ้องไปที่พ่อเลี้ยงอมรอย่างแน่วแน่ “ผมขอร้อง... ปล่อยนายแม่ แล้วเอาตัวผมไปแทนเถอะ”
“ทัศ! ไม่นะลูก อย่าทำแบบนั้น”
“งั้นพวกมึงก็ทิ้งปืนให้หมด! ส่วนมึง!...” เขาชี้ปลายกระบอกปืนมาทางทัศ “ค่อย ๆ เดินเข้ามา อย่าคิดตุกติกกับกูเด็ดขาด ไม่งั้นกูจะยิงให้หมดทั้งเด็กทั้งแก่!!!”ส่วนล่างของฟอร์ม
เจ้าหน้าที่ที่ประจำตำแหน่งอยู่รอบลานงานชะงัก ก่อนจะจำใจลดอาวุธลงอย่างช้า ๆ ทีละนาย
ร่างสูงเคลื่อนไหวช้า ๆ แต่จิตใจกลับตื่นตัว เขารู้ดีว่าเขากำลังเดินเข้าสู่สถานการณ์ที่อันตรายที่สุดในชีวิต แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก ทัศหันเหลือบมองไปยังดอนที่ยืนอยู่อีกฝั่งราวกับจะบอกอะไรบางอย่าง และดอนก็เข้าใจได้ในทันที ถึงแม้มันจะเป็นการเสี่ยงอยู่บ้าง แต่เขาจะยอมให้ไอ้พ่อเลี้ยงหนีไปไม่ได้
มือหยาบกร้านของชายชราคลายออกจากคอของนายแม่ ทัศเองก็จับจ้องไปที่ปลายกระบอกปืนนั่น เขาสุดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตัดสินใจส่วนล่างของฟอร์มปัดปืนของพ่อเลี้ยงออกจากนายแม่
“พี่ดอนจับมันเลย!!!”
ปัง!!! ปัง!!! ปัง!!! ปัง!!!