ตอนที่ 2 ฮูหยิน

1353 คำ
ตอนที่ 2 ฮูหยิน ก๊อก ก๊อก ก๊อก "คุณหนูเจ้าขา ตื่นหรือยังเจ้าคะ บ่าวเข้าไปได้หรือไม่เจ้าคะ"เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นปลุกฮูหยินคนใหม่ที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของตนเองให้ลืมตาตื่นขึ้นมา เสิ่นชิงเยียนลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงด้วยดวงตาที่เหม่อลอยตั้งแต่ยามเช้าแล้ว นางหันไปมองที่หน้าประตูห้องก่อนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาหยดแล้วหยดเล่าจนเปียกชุ่มแก้มสวยทั้งสองข้าง เมื่อคืนถึงแม้จะบอกว่านางเข้านอนแล้ว ทว่าก็ไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับลงได้ นางหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ทั้งคืน ในใจหวังอยากให้ผู้เป็นสามีกลับเข้ามาหานาง นางนั่งรอเขาจนถึงยามเช้าก็ไร้เงาร่างของบุรุษผู้นั้นบุรุษที่เย็นชากับนาง! "อืม ข้าตื่นแล้ว เจ้าเข้ามาเถอะ" เสียงหวานเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบายามเฉิน (07.00 - 08.59 น.) เสี่ยวเจียงสาวใช้คนสนิทของเสิ่นชิงเยียนเข้ามาปรนนิบัติเจ้านายของตนเอง เสี่ยวเจียงเป็นสาวใช้ที่ตามเสิ่นชิงเยียนมาจากตระกูลเสิ่น นางดูแลรับใช้คุณหนูของนางมาตั้งแต่เด็กย่อมมีความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น เมื่อนางเดินมาถึงเตียงนอนที่เรียบร้อยเหมือนกับว่ายังไม่เคยมีผู้ใดใช้งาน เสี่ยวเจียงก็รับรู้ได้ทันทีว่า เมื่อคืนคุณหนูของนางไม่ได้ร่วมหลับนอนกับผู้เป็นสามีเลยแม้แต่น้อยดูจากที่คุณหนูของนางหน้าตาหมองเศร้า ไม่เหมือนกับเจ้าสาวที่ควรจะมีความสุขกับการแต่งงานที่เฝ้ารอเลยสักนิด "คุณหนู...เกิดสิ่งใดขึ้นหรือเจ้าคะ เหตุใดคุณชายใหญ่ถึงไม่อยู่ในห้องหอเจ้าคะ" เสี่ยวเจียงถามออกมาอย่างร้อนใจ เหตุใดคุณหนูของนางจึงหน้าเศร้าหมองเช่นนี้ แล้วคุณชายหานสวี่เล่าเหตุใดจึงไม่อยู่ด้วยกัน ในหัวของเสี่ยวเจียงมีแต่คำว่าทำไมเต็มไปหมด นางเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูแต่กลับไม่เห็นว่าคุณชายใหญ่ออกจากห้องหอไปเมื่อใด คงจะเป็นตอนที่นางเผลองีบหลับกระมัง "ข้าออกเรือนแล้วเหตุใดยังเรียกคุณหนูอยู่เล่า เจ้าควรจะหัดเรียกข้าว่าฮูหยินให้ชินเสีย หากใครมาได้ยินเข้า เขาจะหาว่าตระกูลเสิ่นไม่ได้อบรมสั่งสอนบ่าวไพร่ให้ดี ถึงได้เบาปัญญาเช่นนี้"เสิ่นชิงเยียนตำหนิออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเจ็บปวด เสี่ยวเจียงก้มหน้าลงทันที ทว่าก็ไม่ได้โกรธเคืองเลยสักนิด "บ่าวขออภัยเจ้าค่ะ บ่าวจะจำเอาไว้ คะ...คุณ...เอ่อ...ฮูหยินรอบ่าวสักครู่นะเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวจะเตรียมน้ำให้ล้างหน้าล้างตา แล้วคุณชายใหญ่ออกไปแล้วหรือเจ้าคะ บ่าวไม่เห็น..." "เสี่ยวเจียงข้าอยากอาบน้ำ เจ้าไปเตรียมน้ำเถอะ เดี๋ยวข้าจะต้องไปยกน้ำชาให้ท่านพ่อกับท่านแม่"เสิ่นชิงเยียนตัดบทไม่อยากจะสนทนาเรื่องนี้อีกต่อไป นางไม่มีอะไรจะพูด จะให้บอกได้อย่างไรเล่าว่าเจ้าบ่าวไม่ได้นอนร่วมหอกับนางทั้งคืน ส่งตัวเสร็จเขาก็หายไปเลย "เจ้าค่ะ" เสี่ยวเจียงเห็นคุณหนูของตนเองไม่อยากพูดถึง นางจึงหลบออกมาเตรียมน้ำอุ่นให้ เสิ่นชิงเยียนใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวใหม่ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย นางเดินออกไปที่เรือนใหญ่ ทันทีที่ก้าวเข้าไปนางก็พบกับสายตาเย็นชาของบุรุษรูปงามที่เป็นสามีของนาง เขายืนมองนางด้วยแววตาที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก "ที่นี่หาใช่ตระกูลเสิ่นไม่ เจ้าควรจะรู้จักมารยาทที่พึงกระทำ ปล่อยให้บิดามารดาของข้ารอเช่นนี้สมควรแล้วหรือ หรือว่าที่บ้านเจ้าไม่ได้สั่งสอนมารยาทของสตรีที่พึงกระทำ" หานสวี่กล่าวเสียงเข้มออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เขาจะต้องรีบไปทำงานจะมัวมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระอยู่เช่นนี้ไม่ได้ หากไม่ติดว่าเป็นเพราะคำสั่งของบิดามารดา เขาไม่มีวันจะมายืนอยู่ตรงนี้เป็นแน่ หานสวี่เป็นอาจารย์สอนเหล่าบัณฑิตอยู่ที่สำนักศึกษาหลวงกั๋วจื่อเจี๋ยน ตระกูลหานทำงานรับราชการมาหลายชั่วอายุคน บิดาของเขาหานจี้กง ก็ดำรงตำแหน่งเสนาบดีเลขานุการอยู่ในวังหลวง ผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย ด้วยเพราะคอยรับใช้ใกล้ชิดฝ่าบาท เขารู้สึกหงุดหงิดที่ต้องมามัวเสียเวลารอหญิงสาวนางนี้ การเดินเหินก็ชักช้า ขัดใจเขายิ่งนักหานสวี่สะบัดหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์ เสิ่นชิงเยียนได้แต่ก้มหน้าลงด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย "ข้าขออภัยเจ้าค่ะ คราวหน้าข้าจะไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกเจ้าค่ะ" เสิ่นชิงเยียนพยายามบังคับเสียงของตนเองไม่ให้สั่นเครือ นี่แค่ย่างก้าวเข้ามาในจวนวันแรกนางก็ต้องพบเจอสายตาเย็นชาของผู้เป็นสามีเสียแล้ว และคงจะต้องเป็นเช่นนี้อยู่ทุกวันจนกว่าจะครบกำหนดที่เขาตั้งไว้อย่างนั้นหรือ แค่นึกถึงนางก็เจ็บปวดรวดร้าวที่หัวใจดวงน้อยจนแทบทนไม่ไหว "เอาล่ะสวี่เอ๋อร์เจ้าก็อย่าไปดุน้องนักเลย น้องเพิ่งแต่งเข้าบ้านเราคงยังไม่คุ้นชิน มาเถอะเยียนเอ๋อร์ มายกน้ำชาให้ท่านพ่อกับแม่เถอะ"ฮูหยินเถาฮวามารดาของหานสวี่กล่าวอย่างปลอบโยน นางเดินไปกุมมือลูกสะใภ้ที่หน้าตาหมองเศร้าด้วยความสงสาร บุตรชายนางช่างตาบอดยิ่งนัก เสิ่นชิงเยียนทั้งเรียบร้อยและอ่อนหวาน เป็นสตรีที่ดีงามไม่ด้อยไปกว่าสตรีจวนอื่นๆเลยแม้แต่น้อย ครอบครัวนางถึงแม้จะเป็นพ่อค้า ทว่าก็เป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยมหาศาลขุนนางบางคนยังต้องเกรงใจบิดาของนางอยู่หลายส่วน เหตุใดบุตรชายนางถึงได้โง่เขลาเบาปัญญามองข้ามสตรีที่แสนดีอย่างเสิ่นชิงเยียนไปได้ บรรยากาศในการยกน้ำชาเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความกดดัน เสิ่นชิงเยียนมือไม้สั่นไปหมด เมื่อเสร็จพิธีการ หานสวี่ก็หุนหันออกจากจวนไปโดยที่ไม่แม้แต่จะสนทนากับฮูหยินคนใหม่ผู้เป็นภรรยาของเขาแม้แต่คำเดียว นางมองตามร่างสามีที่หายไปบนรถม้าอย่างอาลัยอาวรณ์ "ฮูหยินเจ้าคะ เข้าข้างในเถอะเจ้าค่ะ" เสี่ยวเจียงเข้ามาประคองคุณหนูของตนด้วยความสงสาร "เยียนเอ๋อร์มานี่สิลูก แม่มีเรื่องจะคุยกับเจ้า" เถาฮวาพาลูกสะใภ้ไปนั่งพูดคุยยังศาลาริมสระบัวภายในจวน "ท่านแม่มีอะไรจะชี้แนะเยียนเอ๋อร์หรือเจ้าคะ" "เยียนเอ๋อร์เจ้าแต่งเข้าสกุลหานแล้ว จะดีจะชั่วอย่างไรก็เป็นคนของสกุลหาน เจ้าเป็นฮูหยินของจวนนี้ เรื่องงานบ่าวไพร่เจ้าสามารถจัดการได้อย่างเต็มที่ เรื่องหานสวี่ก็เช่นกัน เขาเป็นสามีเจ้าแล้วเข้าใจหรือไม่ แม่ว่าเจ้าลองพยายามดูสักหน่อยเถิด หากมีอะไรที่เหลือบ่ากว่าแรง เจ้าสามารถมาแจ้งแก่แม่ได้ทุกเมื่อเข้าใจหรือไม่เยียนเอ๋อร์" เถาฮวารู้ดีถึงแม้ว่าทั้งคู่แต่งงานกันโดยที่มิได้มีใจเสน่หาให้แก่กัน บุตรชายของนางผูกใจรักใคร่กับไป่อ้ายเหม่ย ทว่าแม่นางไป่ผู้นั้น เถาฮวาไม่ยินดีที่จะรับเข้ามาอยู่ร่วมตระกูลหาน ไม่ว่าจะฐานะใดก็ตาม สิ่งที่พอจะทำได้คือการสั่งสอนให้ลูกสะใภ้คนนี้ พยายามเอาใจบุตรชายของตน เผื่อว่าวันหนึ่งหานสวี่จะตาสว่างมองเห็นความจริงเสียที "ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ ที่เอ็นดูเยียนเอ๋อร์ เยียนเอ๋อร์จะทำตามที่ท่านแม่สอนทุกอย่างให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม