ตอนที่ 7 ไข่ดาวหนึ่งฟอง...กับเกมที่เล่นแล้วใจสั่น

1859 คำ
กลิ่นข้าวสวยหอมกรุ่นกับผัดกะเพราหมูสับร้อน ๆ ถูกวางลงบนโต๊ะกินข้าวอย่างพิถีพิถัน เมษาเดินมาพร้อมจานใบเล็กในมือ แยกใส่ไข่ดาวที่ทอดใหม่—ไข่แดงยังเยิ้มสวยน่ากิน วางประกบไว้ข้างจานของคีตะ “เชิญค่ะ คุณผู้ชาย~” เธอยิ้มบาง ๆ ทำเสียงล้อเลียนนิด ๆ ขณะเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งฝั่งตรงข้าม คีตะมองจานข้าว ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ “หน้าตาดีกว่าที่คิดแฮะ...” “หืม? ข้าวกะเพราน่ะเหรอคะ?” “เปล่า...” เขาวางช้อนในมือแล้วเอนตัวพิงพนักพิงเล็กน้อย “…หมายถึงแม่ครัวน่ะ” เมษาชะงักมือขณะกำลังจะตักข้าวให้ตัวเอง หัวใจเธอเต้น “ตึก” ขึ้นอีกครั้ง แต่คีตะกลับหันกลับมาก้มหน้ากินข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ‘ฮะ...แกล้งเรารึเปล่าเนี่ย’ ‘หรือเขาแค่พูดไปงั้น ๆ ...หัวใจมันเต้นแรงเลยยัยเมษา’ “อ๊ะ…ไข่แดงไม่สุกนะคะ ระวังแตกใส่เสื้อนะ” เมษารีบเปลี่ยนเรื่อง แต่คีตะกลับตักไข่แดงขึ้นมาทั้งคำ แล้วใส่ปากเฉย ๆ “อืม...ไม่เลว” ‘คำชมสั้น ๆ ของเขา...มันทำไมถึงเหมือนรางวัลใหญ่ขนาดนี้เนี่ย?’ เมษายิ้มเขิน ๆ หัวเราะเบา ๆ แล้วตักข้าวของตัวเองบ้าง แต่มือกลับสั่นนิด ๆ จนเกือบทำช้อนหล่น คีตะเงยหน้ามามอง ก่อนพูดอย่างไม่ทันคิด “กินดี ๆ หน่อยสิ เดี๋ยวหกหมดหรอก” “ก็…หนูตื่นเต้นอ่ะ” “ที่ทำข้าวกะเพราน่ะเหรอ?” เขาหัวเราะเบา ๆ “เปล่าซะหน่อย...” เธอเม้มปากแล้วก้มหน้ากินข้าวเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรต่อ ทิ้งบรรยากาศในห้องให้มีเพียงเสียงช้อนกระทบจานและทีวีที่เปิดคลอเบา ๆ หลังจากจัดการล้างจานและเช็ดครัวจนสะอาดเอี่ยม เมษาก็เดินออกมาจากห้องครัวด้วยความรู้สึกอิ่มท้องและอุ่นใจเล็ก ๆ เธอเห็นคีตะกำลังนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟา มือถือคอนโทรลเลอร์อยู่ในมือ ข้างตัวมีเครื่องเกมคอนโซลสีดำวางอยู่ “ว่างยัง?” เขาหันมาถาม ขณะเลื่อนหมอนอิงให้เป็นที่ว่างข้างตัว “ทำไมเหรอคะ?” เธอเดินเข้าไปใกล้ แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ ด้วยความเกร็งนิด ๆ กลิ่นสบู่จากตัวเขายังอวลจาง ๆ เพราะเพิ่งอาบน้ำเมื่อหัวค่ำ “มา ลองเล่นเกมนี้ดู” เขายื่นจอยเกมอีกอันให้ “ไม่ยาก แค่ต้องช่วยกันทำอาหารให้ทันในเวลา” “โอ้...เหมือนเกมทำครัวใช่มั้ยคะ?” เมษายิ้มตื่นเต้น “อืม เกมชื่อ OverChef ต้องวางแผนกับเพื่อนร่วมทีมดี ๆ ไม่งั้นครัวจะวุ่นวายมาก” “เหมือนชีวิตจริงเลยค่ะ...” เธอหัวเราะแห้ง ๆ “เมื่อกี้หนูยังเกือบทำไข่ดาวไหม้อยู่เลย” “แต่รอดนี่” เขาหันมายิ้มให้ ก่อนจะกดเริ่มเกม —🎮 ตะหลิวแห่งความรัก (?) เริ่มหมุนแล้ว— เสียงดนตรีจากเกมเริ่มดังขึ้น พร้อมกับภาพตัวละครกุ๊กน้อยสองตัววิ่งวุ่นอยู่ในครัว เมษาต้องสับผักในเกม ส่วนคีตะต้องส่งวัตถุดิบและล้างจาน “พี่คีตะ! จานล้นแล้วววว~” เมษาร้องลั่น “เธอสับผักช้าเองงงง” “ก็หนูไม่เคยเล่นนี่นา ฮืออออ~” “งั้นมานี่ เดี๋ยวสอนให้” คีตะเอนตัวมาใกล้ ก้มหน้ามาดูปุ่มบนจอยในมือเธอ จากระยะประชิดจนเส้นผมของเขาเกือบเฉียดแก้มเมษา หัวใจเธอกระตุกวูบ...กลิ่นสบู่และอุณหภูมิร่างกายอุ่น ๆ ของเขาใกล้จนหายใจติดขัด มือเธอแทบจะกดปุ่มผิดเพราะสมองมันสั่งงานไม่ทัน “นี่...ถ้าจะเขินขนาดนั้น เดี๋ยวก็โดนไฟในเกมคลอกหรอก” “บ้า! ใครเขินกันคะ!” เธอสะบัดหน้าหนี “ก็หน้าแดงขนาดนั้น...” “มันร้อนจากเกม! ไม่ใช่เพราะพี่!” คีตะหลุดหัวเราะในลำคอ ขณะตัวละครในเกมของเมษาทำอาหารไหม้ เสียงไซเรนเตือนดังลั่นจอ...และทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ไม่นานนัก เมษาก็เริ่มชินกับจอยเกมในมือจนสามารถโยนแฮมเบอร์เกอร์ใส่จานได้ทันเวลา ส่วนคีตะเองก็ตั้งใจส่งวัตถุดิบให้เธอไม่ขาดสาย “เร็ว ๆๆๆ ไฟไหม้แล้ววว~” “อย่ากรี๊ดสิ! มันแค่เกม!” “แต่ลูกค้าจะโกรธแล้วนะพี่คีตะะะ!” ทั้งสองหัวเราะออกมาพร้อมกัน เสียงของเมษาสดใสราวกับระฆังเงินยามค่ำคืน ส่วนคีตะก็มองเธอด้วยแววตาอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว แต่แล้ว...เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังแทรกขึ้นมา หน้าจอสว่างวาบขึ้น พร้อมชื่อบนหน้าจอที่คุ้นเคย 📞 “มีนา” คีตะชะงัก สีหน้าและแววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ “ขอหยุดแป๊บนะ มีสายเข้า” เขาวางจอย แล้วลุกเดินออกไปทางระเบียง ทิ้งให้เมษานั่งอยู่ตามลำพังบนโซฟา เธอมองแผ่นหลังของเขาที่ค่อย ๆ ห่างออกไป เสียงในเกมยังคงเล่นต่อ...แต่หัวใจของเธอกลับเงียบไปชั่วคราว มีนา...ชื่อของผู้หญิงที่เธอไม่เคยได้ยิน...แต่เซ้นส์ของผู้หญิงมันบอกว่า ไม่น่าจะเป็นแค่เพื่อนธรรมดา แม้ไม่อยากคิดมาก แต่ก็ห้ามไม่ได้เลย... เวลาผ่านไปหลายนาที เสียงทีวียังคงดังกลบความเงียบ แต่ร่างบางที่เพิ่งหัวเราะไม่กี่นาทีก่อน...กลับเอนตัวพิงหมอนนุ่ม ๆ และค่อย ๆ หลับตาลงเพราะความอ่อนล้า … เมื่อคีตะกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง พร้อมสีหน้าเรียบเฉย สิ่งแรกที่เขาเห็นคือ…ร่างของเมษาที่หลับไปแล้วบนโซฟา ตัวเอนข้าง หน้าผากชนหมอนอิง เส้นผมยาวปรกแก้มนิด ๆ เขายืนมองอยู่เงียบ ๆ หลายวินาที ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วก้มตัวลง “หลับง่ายจริง...” เขาพึมพำ ยิ้มมุมปาก แขนแข็งแรงค่อย ๆ สอดใต้ข้อพับขาและแผ่นหลังของเธอ แล้วอุ้มร่างบางขึ้นอย่างเบามือ น้ำหนักของเธอเบากว่าที่คิด และอุณหภูมิจากผิวกายอุ่น ๆ ของเธอก็ทำให้เขาหัวใจสั่นวาบอย่างไม่รู้ตัว “จะหลับที่ไหนไม่หลับ มาหลับตรงนี้” เสียงกระซิบดังข้างหูเธอ แต่เมษายังไม่รู้ตัว คีตะเดินอย่างระมัดระวังไปที่ห้องของเมษา เปิดประตูเข้าไป...และค่อย ๆ วางเธอลงบนเตียงสีขาวสะอาด เขาจัดผ้าห่มให้เธอ แล้วหยุดมองหน้าเธออีกครู่หนึ่ง ใบหน้าเธอยามหลับ…เหมือนแมวน้อยที่ไว้ใจเขาจนยอมวางใจให้ดูแล เขายกมือขึ้น ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลูบเรือนผมนุ่มเบา ๆ แล้วกระซิบอีกคำหนึ่งก่อนลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องเธอไป “ฝันดีนะ...แม่บ้านตัวจิ๋ว” ... ช่วงเวลาหลายสัปดาห์ก่อนวันแข่งผ่านไปเร็วจนน่าแปลกใจ— การฝึกซ้อมของทีมบาส R.C.U. ดำเนินไปอย่างเข้มข้นทุกเย็น วันจันทร์ถึงพฤหัสบดี ท่ามกลางเสียงรองเท้ายางเสียดพื้นและลูกบาสที่กระทบห่วงดัง “ปั๊ก!” อยู่เสมอ คีตะในฐานะตำแหน่ง Shooting Guard ยังคงโดดเด่นในสนาม ไม่ว่าจะเป็นสปีด การอ่านเกม หรือช็อตยิงสามแต้มที่แม่นยำจนโค้ชยังพยักหน้าพอใจ ในอีกฟากหนึ่งของสนาม— บริเวณข้างสแตนด์เชียร์ ห่างกันเพียงไม่กี่เมตร...ร่างเล็ก ๆ ในชุดซ้อมเชียร์ลีดเดอร์กำลังฝึกเต้นอย่างมุ่งมั่น เมษา ที่แม้จะเข้าเป็นลีดเดอร์หน้าใหม่ แต่ท่าเต้นของเธอทั้งเป๊ะทั้งน่ารักจนพี่เชอรี่ยังเอ่ยปากชม บรรยากาศเย็นย่ำที่เคยว่างเปล่าของสนาม R.C.U. กลับเต็มไปด้วยชีวิตชีวา—ทั้งเสียงเป่านกหวีดจากโค้ช เสียงเพลงเกาหลีจังหวะคึกคักจากลำโพงของทีมเชียร์ และเสียงหัวเราะของเหล่านักศึกษาที่พร้อมใจกันเพื่อการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น ... จนกระทั่ง— วันที่ 30 กันยายน วันแข่งขันบาสเกตบอลรอบแรกของมหาวิทยาลัยรอยัลคราวน์ (R.C.U) สนามแข่งกลางแจ้งในงาน R.C.U. Fresh Cup ที่จัดโดยสโมสรนักศึกษากีฬา ได้รับการตกแต่งอย่างอลังการด้วยแบนเนอร์สีมหา’ ลัย และทีมถ่ายทอดสดออนไลน์จากคณะนิเทศฯ ก็พร้อมประจำตำแหน่ง คู่แรกที่ลงสนามคือ: R.C.U. VS SUT หรือ “ซูเทอนอฟา เทคโนเวอร์ซิตี้ (Suternova TechnoVersity)” ฉายา “พายุสีเงินแห่งแดนใต้” หนึ่งในคู่แข่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและเกมรุกเฉียบขาด คีตะในชุดแข่งหมายเลข 7 ยืนอยู่ตรงขอบสนาม ดึงผ้ารัดข้อมือแน่นอีกครั้ง แววตาของเขานิ่งเฉียบ ราวกับตั้งใจจะ ‘ลุย’ เต็มที่— ขณะเดียวกัน...เสียงกลองและเสียงเชียร์ของลีดเดอร์ก็ดังขึ้นจากอีกฝั่งของสแตนด์ เมษาในชุดเชียร์ลีดเดอร์ประจำทีม ยืนประจำตำแหน่งด้านหน้า เธอกวาดตามองหา...และทันทีที่เห็นเขาในสนาม ภาพเมื่อคืนผุดขึ้นมาอีกครั้งในหัว... “พรุ่งนี้ สู้ ๆ นะคะ” เมษาว่า พร้อมยิ้มบาง ๆ แต่แววตามีความกังวลเล็กน้อย “เป็นอะไร?” “...กลัวพี่จะไม่เห็นหนูตอนอยู่ข้างสนาม” เธอว่าเบา ๆ ตาโตหลุบต่ำ “เพราะมันจะมีคนเยอะมากเลย...” คีตะยิ้มเอ็นดู หัวเราะเบา ๆ “โธ่เอ๊ย แค่นั้นเอง” “ไม่แค่นั้นนะคะ!” เมษาทักท้วงทันที แก้มยุ้ยป่องน้อย ๆ อย่างน่าหยิก แววตาจริงจังอย่างคนที่ ‘คิดมาแล้ว’ “หนูรู้ละ—จะทำท่าอะไรที่พี่เห็นแน่นอนเลย!” คีตะเลิกคิ้ว “หืม?” เมษาขยับตัวลุกขึ้นยืนตรงหน้าเขา ยกมือสองข้างขึ้นเหนือหัว ก่อนจะใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้แตะกันเป็นวงกลม ทำเป็นรูปหัวใจ แล้วชูขึ้นกลางอากาศ “ท่านี้!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มร้อย “เห็นชัดแน่นอน ไม่มีใครทำด้วย~!” คีตะกลั้นขำไว้แทบไม่อยู่ “เธอจะทำ...วงแหวนบนหัวเหรอ?” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมส่ายหน้า “ไม่กลัวคนอื่นมองเหรอ ยัยจิ๋ว” เมษาย่นจมูกนิด ๆ “หนูไม่สนคนอื่น หนูอยากให้พี่เห็น!” คีตะนิ่งไปชั่วอึดใจ แล้วหัวเราะอีกครั้ง “เออ ๆ งั้นฉันจะทำแบบนี้” คีตะพูดจบ ก็เอานิ้วจับติ่งหูข้างซ้าย “มันแปลว่า ฉันเห็นเธอ” เมษากลั้นยิ้มไม่อยู่… และต่อมา เธอก็ยกมือขึ้นเหนือหัว ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ทำเป็นวงกลม หัวใจของเธอลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้ง—เหมือนสัญญาที่ให้ไว้กันสองคน ...และเขาเห็น คีตะหัวเราะเบา ๆ พลางส่ายหน้านิด ๆ แล้วก็ยกมือขึ้น ใช้ปลายนิ้วจับที่ติ่งหูซ้าย สัญลักษณ์ที่รู้กันแค่สองคน เมษายิ้มแก้มแทบปริ หัวใจเต้นแรง หน้าร้อนผ่าว “การแข่งขันคู่แรกกำลังจะเริ่มขึ้น! R.C. Hawks จากฝั่งตะวันออก! ปะทะกับ SUT Blaze มหาวิทยาลัยด้านวิศวกรรมสุดแกร่งจากแดนใต้!” เสียงประกาศดังก้องพร้อมเสียงนกหวีดเริ่มเกมก็ดังขึ้น...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม