บทที่ 9 ตาฝาดไปเอง

1063 คำ
เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายจบลงเมื่อร่างบางหลุดออกจากการเกาะกุมของน้องรหัสได้และยกเท้าถีบหนุ่มสุดฮอต จนหลายคนได้แต่อ้าปากข้าง เธอเสยผมสีบลอนด์ขึ้นอย่างหัวเสีย ก่อนจะสะบัดหน้าเดินเข้าช็อปวิศวกรรมยานยนต์ทันทีตามด้วยเจ้านาย “ไอ้กัสหน้าแหกอีกรอบแล้ว” ร่างสูงเดินขึ้นมาขนาบข้าง “เออ ช่างมัน กวนตีนดีนัก” “รอบนี้มันสมควรจริง ๆ” เจ้านายพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะกวาดสายตามอง เพื่อนสาวคนสนิทด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่ากัสจะทำให้เจ็บแต่แววตาคมกลับเห็นความผิดปกติบางอย่าง มือหนาจึงยื่นออกไป เพียะ ! “ทำอะไรวะ !” มาเฟียเอ่ยเสียงแข็งเมื่อมือหนาของเพื่อนกำลังจะเอื้อมมาดึงสาบเสื้อ ด้วยความตกใจเธอจึงปัดมือเจ้านายออกอย่างแรง “กูขอโทษ แค่จะดูอะไรหน่อย สงสัยตาฝาด” เจ้านายกระแอมในลำคออย่างลืมตัว เพราะตรงที่เขาสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างคือบริเวณเนินอกที่มีรอยสีแดงช้ำ ถ้าเป็นผู้ชายเขาจะไม่สนใจอะไร แต่นี่รอยแดงเหนือเนินอกผู้หญิงมันมีไม่กี่รอยหรอก ซึ่งเขาคงตาฝาดไปเอง มาเฟียไม่น่าจะทำอะไรอย่างนั้นได้ “ใช่ มึงคงตาฝาดไปเอง” มาเฟียเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าปกติก่อนจะเดินนำเพื่อนไปยังห้องเรียนที่อยู่ไม่ไกล โดยไม่รู้ว่าการกระทำของทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของนีลทั้งหมด ไม่รู้อะไรดลใจให้เดินตามเธอมาจนกระทั่งเห็นถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเรียบ แต่แววตากลับวาวโรจน์ ความรู้สึกที่เหมือนกับโดนหลอกนี่มันอะไรกัน ผู้หญิงคนนี้มีเจ้าของแล้วและเมื่อคืนเขายังเป็นคนแรกอีก แม่งโคตรบ้า ! “เธอนี่มันร้ายไม่เบาเลยจริง ๆ” นีลเอ่ยพึมพำออกมาคนเดียว พลางปรายตามองคนทั้งคู่โดยที่ไม่รู้เลยว่าเพื่อนทั้งสามคนที่เดินตามมาได้ยินทั้งหมด “สรุปชอบเมียชาวบ้าน ?” เลนินตบไหล่นีลและมองตามสายตาของเพื่อน ใบหน้าเรียบเฉยอยู่เป็นนิตย์ยกยิ้มมุมปากพลางคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ “ห้ามปฏิเสธนะเว้ย เดินตามเขาต้อย ๆ เป็นควายแบบนี้” เมื่อเห็นท่าทางของนีลที่กำลังจะแย้ง แบดก็เอ่ยแทรกขึ้นมาทันที และยังส่งสายตาล้อเลียนเพื่อนไม่พัก “พวกมึงโง่เหรอ ข้างหน้าก็ห้องอาจารย์เจษแล้ว” “เออ จริงของไอ้นีล” ไวท์เพ่งสายตามองก็เอ่ยสมทบทันที “หึ แล้วเลิกคิดด้วยว่ากูจะสนใจผู้หญิงคนนั้น ไม่เห็นมีอะไรให้น่าสนใจ ลีลาก็งั้น ๆ สู้สาวในบาร์ก็ไม่ได้ โคตรห่วยแตก” นีลแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ แม้ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นหงุดหงิดอะไร แต่เขาโคตรเกลียดสายตาจับผิดของพวกเพื่อนที่สุด โดยเฉพาะไอ้ไวท์ที่นิ่งเงียบแต่มองเขาราวกับกำลังสแกน “โอ้โฮ เพื่อนนีลปากดีเอาเรื่อง กูจะคอยดู” แบดหัวเราะลั่น นีลแค่นเสียงในลำคอก่อนจะเดินนำเพื่อนไปยังห้องพักของอาจารย์ วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเขาต้องมารายงานตัวเป็นนักศึกษาปริญญาโท ซึ่งที่เลือกเรียนที่นี่เพราะพวกเขาทั้งสี่คนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยพรินซ์เช่นกัน ภายในคาบเรียนวันนี้ไม่มีอะไรมากเหมือนอย่างทุกครั้งที่กินเหล้ามาแล้วปวดหัว ฉันจึงสะลึมสะลืออยู่แถวหลังของห้องได้อย่างสบายใจเพราะอาจารย์ไม่มาสนใจหรอกว่าใครตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเรียน เพราะหน้าที่มีแค่สอนเท่านั้น แต่วันนี้ต้องเช็กชื่อเลยจำเป็นต้องเข้าเรียน “หน้าเพลียมาก เมื่อคืนไปเที่ยวที่ไหนมา” เสียงกระซิบของเพื่อนสนิททำให้ฉันปรือตาขึ้นมามองและสะบัดหัวไล่ความง่วง ใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนแทบจะชิดหน้าของฉันอยู่แล้วจนต้องเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย “ไป Zombie Pub” “ที่หรู ๆ น่ะเหรอ ?” “อือ ใช่” เพราะที่นั่นหรูหราอลังการ ตั้งอยู่ในย่านไฮโซ แต่ชื่อกลับประหลาด มันคงจะมีที่เดียวนั่นแหละที่ไม่ไกลจากมหาลัย แต่ก็ไม่ถือว่าใกล้นะสำหรับเด็กมหาลัยที่เน้นแถวแค่ละแวกนี้ “ยังไม่เคยไปเหมือนกัน ได้ยินว่าเจ้าของเป็นรุ่นพี่เรา” “รุ่นพี่เรา ?” ฉันเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย “ใช่ ได้ยินว่าอายุมากกว่าพวกเราสามสี่ปีนี่แหละ” “คงจะนิสัยรวยน่าดู จบวิศวะแต่ไปเปิดผับหรูกลางเมือง” แต่มหาลัยของพวกเราเป็นเอกชน ไม่แปลกที่นักศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นลูกคนมีเงินถุงเงินถังกัน ฉันเท้าคางฟังเจ้านายเล่าอย่างตั้งใจ เพราะเวลามันได้พูด ก็พูดแบบน้ำไหลไฟดับไม่ต่างกับไอ้กัสเลย เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้านาย เหมือนเสียงนกกำลังขับกล่อม ฉันเริ่มสะลึมสะลือ หนังตาหนักอึ้ง เลยหันหน้าออกไปมองนอกห้องเรียน เผื่อจะทำให้ตัวเองหายง่วงบ้าง พลันสายตากลับสะดุดเข้าเส้นผมสีเทาของใครบางคนที่กำลังเดินผ่านห้องเรียนไป ฉันจึงรีบลุกขึ้นยืนทันที “เฮ้ย ! อะไรวะไม่ฟังกันเลยเหรอ” เสียงเจ้านายโวยวายหลังจากที่เห็นฉันลุกพรวดโดยไม่บอกไม่กล่าว แค่เห็นสีผมสีเทานั้นฉันถึงกับขยี้ตาตัวเองอีกครั้ง บางทีคงจะเมาขี้ตามากจนเกินไป ไม่มีทางที่ผู้ชายคนนั้นจะปรากฏตัวที่นี่ได้หรอก เพราะเขาบอกเองว่าเรียน ‘บริหาร’ ฉันเลยทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม และมีสายตาคมของเจ้านายจ้องมองตาไม่กะพริบ “มึงเป็นอะไร เห็นอะไร ?” เพื่อนสนิทถามอย่างเอาเรื่อง “เปล่า ตาฝาดมั้ง” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “แน่นะ” เจ้านายหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ “เออดิ” ฉันเลิกสนใจมันและคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเองออกมาไถเล่นเพราะขี้เกียจคุยกับเพื่อน ทั้งที่ปลอบใจตัวเองว่าผู้ชายผมเทาคนนั้นเรียนบริหาร แต่ลางสังหรณ์บางอย่างมันทำให้รู้สึกคิดไม่ตก แกคงจะคิดมากไปมาเฟีย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม