เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายจบลงเมื่อร่างบางหลุดออกจากการเกาะกุมของน้องรหัสได้และยกเท้าถีบหนุ่มสุดฮอต จนหลายคนได้แต่อ้าปากข้าง เธอเสยผมสีบลอนด์ขึ้นอย่างหัวเสีย ก่อนจะสะบัดหน้าเดินเข้าช็อปวิศวกรรมยานยนต์ทันทีตามด้วยเจ้านาย
“ไอ้กัสหน้าแหกอีกรอบแล้ว” ร่างสูงเดินขึ้นมาขนาบข้าง
“เออ ช่างมัน กวนตีนดีนัก”
“รอบนี้มันสมควรจริง ๆ”
เจ้านายพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะกวาดสายตามอง เพื่อนสาวคนสนิทด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่ากัสจะทำให้เจ็บแต่แววตาคมกลับเห็นความผิดปกติบางอย่าง มือหนาจึงยื่นออกไป
เพียะ !
“ทำอะไรวะ !”
มาเฟียเอ่ยเสียงแข็งเมื่อมือหนาของเพื่อนกำลังจะเอื้อมมาดึงสาบเสื้อ ด้วยความตกใจเธอจึงปัดมือเจ้านายออกอย่างแรง
“กูขอโทษ แค่จะดูอะไรหน่อย สงสัยตาฝาด”
เจ้านายกระแอมในลำคออย่างลืมตัว เพราะตรงที่เขาสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างคือบริเวณเนินอกที่มีรอยสีแดงช้ำ ถ้าเป็นผู้ชายเขาจะไม่สนใจอะไร แต่นี่รอยแดงเหนือเนินอกผู้หญิงมันมีไม่กี่รอยหรอก ซึ่งเขาคงตาฝาดไปเอง มาเฟียไม่น่าจะทำอะไรอย่างนั้นได้
“ใช่ มึงคงตาฝาดไปเอง”
มาเฟียเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าปกติก่อนจะเดินนำเพื่อนไปยังห้องเรียนที่อยู่ไม่ไกล โดยไม่รู้ว่าการกระทำของทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของนีลทั้งหมด ไม่รู้อะไรดลใจให้เดินตามเธอมาจนกระทั่งเห็นถึงความสนิทสนมของทั้งคู่
ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเรียบ แต่แววตากลับวาวโรจน์ ความรู้สึกที่เหมือนกับโดนหลอกนี่มันอะไรกัน ผู้หญิงคนนี้มีเจ้าของแล้วและเมื่อคืนเขายังเป็นคนแรกอีก แม่งโคตรบ้า !
“เธอนี่มันร้ายไม่เบาเลยจริง ๆ”
นีลเอ่ยพึมพำออกมาคนเดียว พลางปรายตามองคนทั้งคู่โดยที่ไม่รู้เลยว่าเพื่อนทั้งสามคนที่เดินตามมาได้ยินทั้งหมด
“สรุปชอบเมียชาวบ้าน ?”
เลนินตบไหล่นีลและมองตามสายตาของเพื่อน ใบหน้าเรียบเฉยอยู่เป็นนิตย์ยกยิ้มมุมปากพลางคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
“ห้ามปฏิเสธนะเว้ย เดินตามเขาต้อย ๆ เป็นควายแบบนี้”
เมื่อเห็นท่าทางของนีลที่กำลังจะแย้ง แบดก็เอ่ยแทรกขึ้นมาทันที และยังส่งสายตาล้อเลียนเพื่อนไม่พัก
“พวกมึงโง่เหรอ ข้างหน้าก็ห้องอาจารย์เจษแล้ว”
“เออ จริงของไอ้นีล” ไวท์เพ่งสายตามองก็เอ่ยสมทบทันที
“หึ แล้วเลิกคิดด้วยว่ากูจะสนใจผู้หญิงคนนั้น ไม่เห็นมีอะไรให้น่าสนใจ ลีลาก็งั้น ๆ สู้สาวในบาร์ก็ไม่ได้ โคตรห่วยแตก”
นีลแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ แม้ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นหงุดหงิดอะไร แต่เขาโคตรเกลียดสายตาจับผิดของพวกเพื่อนที่สุด โดยเฉพาะไอ้ไวท์ที่นิ่งเงียบแต่มองเขาราวกับกำลังสแกน
“โอ้โฮ เพื่อนนีลปากดีเอาเรื่อง กูจะคอยดู” แบดหัวเราะลั่น
นีลแค่นเสียงในลำคอก่อนจะเดินนำเพื่อนไปยังห้องพักของอาจารย์ วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเขาต้องมารายงานตัวเป็นนักศึกษาปริญญาโท ซึ่งที่เลือกเรียนที่นี่เพราะพวกเขาทั้งสี่คนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยพรินซ์เช่นกัน
ภายในคาบเรียนวันนี้ไม่มีอะไรมากเหมือนอย่างทุกครั้งที่กินเหล้ามาแล้วปวดหัว ฉันจึงสะลึมสะลืออยู่แถวหลังของห้องได้อย่างสบายใจเพราะอาจารย์ไม่มาสนใจหรอกว่าใครตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเรียน เพราะหน้าที่มีแค่สอนเท่านั้น แต่วันนี้ต้องเช็กชื่อเลยจำเป็นต้องเข้าเรียน
“หน้าเพลียมาก เมื่อคืนไปเที่ยวที่ไหนมา”
เสียงกระซิบของเพื่อนสนิททำให้ฉันปรือตาขึ้นมามองและสะบัดหัวไล่ความง่วง ใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนแทบจะชิดหน้าของฉันอยู่แล้วจนต้องเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย
“ไป Zombie Pub”
“ที่หรู ๆ น่ะเหรอ ?”
“อือ ใช่”
เพราะที่นั่นหรูหราอลังการ ตั้งอยู่ในย่านไฮโซ แต่ชื่อกลับประหลาด มันคงจะมีที่เดียวนั่นแหละที่ไม่ไกลจากมหาลัย แต่ก็ไม่ถือว่าใกล้นะสำหรับเด็กมหาลัยที่เน้นแถวแค่ละแวกนี้
“ยังไม่เคยไปเหมือนกัน ได้ยินว่าเจ้าของเป็นรุ่นพี่เรา”
“รุ่นพี่เรา ?” ฉันเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“ใช่ ได้ยินว่าอายุมากกว่าพวกเราสามสี่ปีนี่แหละ”
“คงจะนิสัยรวยน่าดู จบวิศวะแต่ไปเปิดผับหรูกลางเมือง”
แต่มหาลัยของพวกเราเป็นเอกชน ไม่แปลกที่นักศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นลูกคนมีเงินถุงเงินถังกัน ฉันเท้าคางฟังเจ้านายเล่าอย่างตั้งใจ เพราะเวลามันได้พูด ก็พูดแบบน้ำไหลไฟดับไม่ต่างกับไอ้กัสเลย
เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้านาย เหมือนเสียงนกกำลังขับกล่อม ฉันเริ่มสะลึมสะลือ หนังตาหนักอึ้ง เลยหันหน้าออกไปมองนอกห้องเรียน เผื่อจะทำให้ตัวเองหายง่วงบ้าง พลันสายตากลับสะดุดเข้าเส้นผมสีเทาของใครบางคนที่กำลังเดินผ่านห้องเรียนไป ฉันจึงรีบลุกขึ้นยืนทันที
“เฮ้ย ! อะไรวะไม่ฟังกันเลยเหรอ”
เสียงเจ้านายโวยวายหลังจากที่เห็นฉันลุกพรวดโดยไม่บอกไม่กล่าว แค่เห็นสีผมสีเทานั้นฉันถึงกับขยี้ตาตัวเองอีกครั้ง บางทีคงจะเมาขี้ตามากจนเกินไป ไม่มีทางที่ผู้ชายคนนั้นจะปรากฏตัวที่นี่ได้หรอก เพราะเขาบอกเองว่าเรียน ‘บริหาร’ ฉันเลยทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม และมีสายตาคมของเจ้านายจ้องมองตาไม่กะพริบ
“มึงเป็นอะไร เห็นอะไร ?” เพื่อนสนิทถามอย่างเอาเรื่อง
“เปล่า ตาฝาดมั้ง” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“แน่นะ” เจ้านายหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ
“เออดิ”
ฉันเลิกสนใจมันและคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเองออกมาไถเล่นเพราะขี้เกียจคุยกับเพื่อน ทั้งที่ปลอบใจตัวเองว่าผู้ชายผมเทาคนนั้นเรียนบริหาร แต่ลางสังหรณ์บางอย่างมันทำให้รู้สึกคิดไม่ตก
แกคงจะคิดมากไปมาเฟีย