ตอนที่ 2

1164 คำ
ทว่าคาร์ลอสกลับคิดว่าสีหน้าของน้ำผึ้ง กำลังแสดงออกถึงอาการร้อนตัวอย่างเห็นได้ชัด                 “หมอขอตัวก่อนนะครับ”                 เมื่อเห็นว่าหมดธุระและรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดของบรรยากาศๆที่กำลังก่อตัวขึ้นในขณะนั้น แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดรีบกล่าวพร้อมๆกับเดินจากไปช้าๆ ด้วยสีหน้าซึ่งยังไม่เปลี่ยนไปจากตอนที่ก้าวออกมาจากห้องผ่าตัด                 ‘ขอให้น้องไปสู่สุขติ’                 คาร์ลอสรำพึงอยู่ในใจ อธิษฐานให้ดวงวิญญาณของปราโมทย์ผู้ได้รับรู้ ครั้นแล้วก็ยืนนิ่ง หลับตา สงบจิตใจลงชั่วขณะในอาการไว้อาลัย ขอให้ดวงวิญญาณไปสถิตย์ในภพภูมิที่ดี พยายามสะกดกลั้นความเสียใจอย่างถึงที่สุด แม้รู้ดีว่า เกิด แต่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องของสังสารวัฎ เป็นธรรมดาโลก ไม่มีมนุษย์คนไหนหนีพ้น ทว่าเมื่อมันเกิดขึ้นกับน้องชายที่ตนรักและผูกพัน...ก็ยากที่คาร์ลอสจะทำใจยอมรับ นึกสงสารปราโมทย์ที่ต้องมาเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร ด้วยวัยเพียง 30 ปี                 ภายหลังจากความพยายามระงับสติอารมณ์อย่างถึงที่สุด กับสายตาของคาร์สที่มองเธอด้วยความสงสัย                 “มาถึงตั้งแต่เมื่อไรคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ด้วยสถานการณ์เมื่อครู่ข้างค่อนบีบคั้นอารมณ์และตึงเครียดเกินกว่าจะเอ่ยถามถึงสารทุกข์สุกดิบของเขา เพราะจิตใจของเธอในขณะนั้น จดจ่ออยู่แต่อาการของสามี                 “ลงจากเครื่องก็ตรงมาที่นี่เลย”                 คาร์ลอสตอบคำถามของเธอด้วยสีหน้าเรียบขรึม แอบกลืนก้อนความเศร้าลงลำคอไปช้าๆ เขาเองก็ไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เช่นกัน ว่าจะได้รับข่าวร้าย ทั้งที่ของฝากที่เตรียมมาให้น้องชายยังอยู่ในกระเป๋าเดินทางของเขา                 นานแล้วที่น้ำผึ้งไม่ได้เจอหน้าคาร์ลอส ครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็เมื่อ 7  ปีก่อน ตอนงานแต่งของเธอกับปราโมทย์ ซึ่งตอนนั้นบานเย็นกับราอุลซึ่งยังแข็งแร็ง ก็เดินทางมาร่วมงานแต่งของเธอด้วย ในฐานะพ่อแม่ของฝ่ายเจ้าบ่าว                 “แล้วคืนนี้พักที่ไหน…มีที่พักแล้วหรือยัง” น้ำผึ้งถาม                 “ไม่ต้องเป็นห่วง”                 เขาตอบเรียบๆ โดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าเธอด้วยซ้ำ                 “จะไปพักด้วยกันที่บ้านก็ได้นะ” เธอชวนไปตามมารยาท                 “ไม่ดีกว่า” เขาปฏิเสธ                 “ทำไมคะ”                 หัวคิ้วของหญิงสาวกดลงเล็กน้อยขณะ ดวงตารียาวหรี่ลงด้วยความอยากรู้                 “นอนโรงแรมสะดวกกว่า” เขาให้เหตุผลเพียงเท่านั้น                 น้ำผึ้งตระหนักดีว่ากิริยาแบบนั้นแหละ ใช่เลย…มันแสดงให้เห็นว่าเขาคือ ‘คาร์ลอส’ คนเดิมกับที่เธอเคยรู้จัก ด้วยบุคลิกภาพที่มีความหยิ่งลำพองอยู่ในที เหมือนครั้งแรกที่เธอได้เจอกับเขาเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่ตอนนั้นทั้งเธอและเขาไม่มีโอกาสได้คุยกันเหมือนตอนนี้                 “คุณสะดวกที่จะมางานศพใช่ไหมคะ”                 เธอถาม เพราะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ไม่รู้ว่าเขาพักที่ไหน เขาจะอยู่เมืองไทยกี่วัน และเขาเองก็ไม่มีทีท่าว่าอยากจะบอกเธอ                 “แน่นอน” เขาตอบสั้นๆ                 “เอาเบอร์โทรศัพท์ฉันไว้…ไม่งั้นคุณจะมาไม่ถูก คุณหาวัดไม่เจอแน่ๆ” เธอยังคงเป็นห่วงเรื่องการเดินทางของเขา                 “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง…ยังไงผมต้องมาจนได้”                 รถแท็กซี่ที่วิ่งกันเกลื่อนเมือง ทำให้เขาไม่รู้สึกเป็นกังวลกับการเดินทาง                 “แล้วเจอกันที่วัดนะคะ”                 เธอเขียนชื่อวัดที่จะนำศพของปราโมทย์ไปตั้งสวดอธิธรรมลงในแผ่นกระดาษใบเล็กๆที่ขอมาจากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล แล้วยื่นให้เขา                 “ขอบคุณ”                 เขาเอื้อมรับแผ่นกระดาษเล็กๆจากมือของเธอ                  “เอากระดาษแผ่นนี้ให้แท็กซี่…หรือไม่ก็โทรมาตามเบอร์ที่จดให้นะคะ”                 คาร์ลอสรู้สึกได้ว่าน้ำผึ้งออกอาการเกร็งๆที่จะสื่อสารกับเขา อาจเป็นเพราะความแปลกหน้า ไม่คุ้นเคยต่อกัน “แล้วเจอกันนะคะ” เธอกล่าวก่อนจะปลีกตัวออกไปจัดการธุระเกี่ยวกับงานศพของสามี ต้องไปแจ้งมรณะที่อำเภอภายใน 24 ชั่วโมง แล้วค่อยนำใบมรณะบัตรมาติดต่อขอรับศพกับทางโรงพยาบาลอีกที เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป   เสี้ยวขณะที่ร่างระหงของน้ำผึ้งกำลังจะลับสายตาของคาร์ลอสที่แอบมองดูการจากไปของเธออยู่เงียบๆ เป็นเสี้ยวขณะเดียวกันกับที่ความรู้สึกบางอย่างทำให้น้ำผึ้งต้องเหลียวกลับมามองคาร์ลอส แม้สายตาจะประสานกันในระยะไกล ทว่าหญิงสาวก็พอจะอ่านออกว่าเขากำลังคิดอะไร ใช่…เธอรู้ว่าเขากำลังตั้งข้อสงสัยอยู่เงียบๆ ถึงสาเหตุแห่งการตายของน้องชาย                   เหตุที่คาร์ลอสเป็นคนช่างสงสัย และบางครั้งก็เผลอมองเธอด้วยสีหน้าตั้งคำถาม แววตาแข็งกร้าวคู่นั้นกระหายที่จะสอบสวนเธออยู่ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะบุคลิกภาพเหล่านั้นล้วนเป็นความเคยชินซึ่งติดมาจากหน้าที่การงานของเขา เพราะคาร์ลอสทำงานให้ซีไอเอ* เขาสังกัดหน่วยปฏิบัติการภาคสนาม (The Directorate of Operations) พวกนี้คือขาลุยฝีมือฉมัง ทำงานลับๆด้วยการแฝงตัวเข้าสู่พื้นที่อันตรายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ----------------  ซีไอเอ* (Central Intelligence Agencies : CIA) คือหน่วยข่าวกรองกลาง เป็นองค์การที่รัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาสถาปนาขึ้นเมื่อ ค.ศ. ๑๙๔๗ มีหน้าที่สืบเสาะข่าวสารข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกสหรัฐอเมริกา -----------------                 ทว่าเมื่อไม่กี่วันมานี้ มีเหตุให้เขาต้องยื่นเรื่องขอลาออก สาเหตุมาจากความผิดพลาดในการปฏิบัติงานครั้งล่าสุด ที่เขาไม่สามารถปกป้องชีวิตของตัวประกันเอาไว้ได้                 เพื่อนร่วมงานหลายคนพยายามทัดทานไม่ให้คาร์ลอสลาออก ทว่าก็ไม่เป็นผล และเมื่อเรื่องถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง ด้วยตระหนักว่าฝีมือระดับพระกาฬอย่างเขา ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ จึงพยายามยับยั้งการลาออกของเขา อนุญาตให้คาร์ลอสหลบไปพักผ่อนสักพัก เมื่อสบายใจค่อยกลับมาทำงาน                 ขณะที่คาร์ลอสกำลังอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะไปพักผ่อนที่ไหน เขาก็ได้รับข่าวร้ายเรื่องน้องชายที่เสียชีวิตกะทันหัน ทำให้จุดหมายในการพักร้อนของเขาต้องมาลงที่เมืองไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้วัตถุประสงค์ของการมาเยือนต้องเปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะมาพักร้อนให้หายเครียดเรื่องงาน กลับกลายเป็นต้องมาร่วมงานศพของน้องชายแทนพ่อกับแม่ที่แก่ชราเกินกว่าจะเดินทางไกลด้วยการนั่งเครื่องบินมาหลายชั่วโมง เขาจำต้องรับหน้าที่เป็นตัวแทนของครอบครัวเพื่อมาแสดงความไว้อาลัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้    
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม