ผมจ้องมองใบหน้าสวยตรงหน้า เธอนิ่งเงียบ ไม่แม้แต่จะสบสายตาของผมด้วยซ้ำ ทำไมผู้หญิงมันเอาใจยากนักวะ ทีผู้หญิงคนอื่นไม่เห็นเล่นตัวแบบนี้ แทบจะปูพรมแดงให้ผมเดินด้วยซ้ำ แต่เธอไม่ แววตาหวาดกลัว เหมือนกำลังหาทางเอาตัวรอดอยู่ตลอดเวลา เห็นแล้วก็น่าสนุก
“มะ ไม่เป็นอะไรทั้งนั้นค่ะ” ว่าแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืน “กลับไปเถอะค่ะ เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันไปมากกว่านี้ค่ะ” เธอเดินไปที่ระเบียง ปล่อยให้ผมนั่งเป็นไอ้บื้ออยู่ที่โซฟา ก็ผมอยากได้คนนี้ ต้องเป็นคนนี้ ต้องทำยังไงวะ
“จะให้ทำไง” ผมเดินตามเธอออกมาแล้วถามคำถามไล่หลังเธอ ที่กำลังเปิดน้ำใส่ถัง เตรียมตัวรดน้ำต้นไม้ที่ยังทำไม่เสร็จ
“ไม่ต้องทำยังไงคะ เชิญออกไปจากห้องฉันได้แล้วค่ะ” เธอหันมาจ้องมองผมแค่แวบเดียว ก่อนจะกลับไปสนใจต้นไม้ของเธอ
“ฉันอยากรู้จักเธอ จะให้ทำไงวะ”
“ก่อนอื่นเลิกพูดจาไม่เพาะกับคนแปลกหน้าสักทีเถอะค่ะ” เธอพูดขึ้นแต่ไม่มองหน้าผม ผมนี้โคตรเกลียดเลย ไอ้ที่พูดด้วยแล้วทำเป็นหยิ่ง ผมเดินเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังเธอ ก่อนที่จะกระชากถังน้ำเล็กออกมาถือ รดน้ำต้นไม้แทนเธอ “นี่คุณ!! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง กลับไปห้องคุณได้แล้ว ผู้หญิงเขาไม่ชอบก็ยังมาตามตอแยอยู่ได้ หน้าด้านเกินไปแล้วนะคุณ”
คริสยืนเอามือเท้าสะเอว ยืนมองผมที่กำลังรดน้ำต้นไม้ อย่างไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของเธอ ไม่นาน เธอก็เดินเข้าไปในห้องผมวางถังน้ำในมือลงเดินเข้ามาในห้องตามเธอเช่นเดียวกัน
ผมเดินหาเธอสักพักหนึ่งแล้วมาเจอเธออยู่ที่ห้องครัว ห้องนี้ใหญ่ไม่ต่างจากห้องของผม แต่แผนผังห้องต่างกันลิบลับ ห้องนี้มองๆ ดูก็มีแค่โซฟาใหญ่เพียงแค่ตัวเดียว หรือเธอยังตกแต่งห้องไม่เสร็จ และแล้วผมก็ได้คำตอบ เมื่อกริ๊งหน้าห้องดังขึ้น
คริสเดินไปเปิดประตูห้อง ซึ่งมีผมเดินตามหลัง ทันทีที่เปิดประตูห้องก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งสวมหมวก ครั้งแรกผมคิดว่าเป็นแฟนของเธอ แต่ไม่ใช่ เขาคือพนักงานที่เอาเฟอร์นิเจอร์มาส่งให้กับเธอ ผมและคริสหลีกทางให้พนักงานขนของเข้ามาวางในห้อง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ห้องก็กลับมาเงียบตามเดิม เธอเดินผ่านหน้าผมไปโดยไม่พูดอะไร ผมก็เดินตามหลังเธอไป จนมาหยุดยืนที่ห้องครัว มองเธอกำลังล้างจานที่ซิ้งน้ำ
ผมนึกแปลกใจตัวเองไม่น้อยที่กำลังยืนจ้องผู้หญิงล้างจานไม่วางตา นี่ผมเป็นเอามากจริงๆ สินะ ต้องการเธอมากขนาดนั้นเลยหรอวะ ไม่นานเราก็สบตากันอีกครั้ง
“จะมองอีกนานไหม ทำไมคุณไม่กลับห้องตัวเองสักที”
“อยากอยู่กับแฟน” ผมตอบเธอแล้วยืนกอดอกจ้องมองใบหน้าสวยที่กำลังอารมณ์เสีย แต่เธอก็ยังน่ารัก
“ฉันไม่ใช่แฟนของคุณ จะให้บอกกี่ครั้ง” เธอเดินไปที่ประตูห้อง เปิดมันออกแล้วบุ้ยหน้าให้ผมออกไปจากห้อง ผมเดินเข้าไปใกล้เธอ ก่อนดันบานประตูปิดลง ช้อนอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอน ใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผม ก็ใช้ไม้แข็งแล้วกัน “ปล่อยนะ ไอ้โรคจิต คุณจะทำอะไรฉัน ปล่อย!!” ร่างของเธอถูกเหวี่ยงลงบนที่นอน ผมขึ้นไปคร่อมเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกหนีไปได้
“ยอมเป็นแฟนฉันก่อน” ผมไม่คิดว่าตัวเองจะมาไกลถึงขนาดบังคับผู้หญิงมาเป็นแฟนของตัวเอง ใครเห็นต้องหัวเราะเยาะเป็นแน่ ชายหนุ่มผู้ที่ไม่เคยว่างเว้นเรื่องผู้หญิงกลับต้องมาบังคับหญิงสาวที่เจอกันเพียงไม่กี่ครั้งเป็นแฟน พูดแล้วก็...แล้วใครสน… ก็คนมันอยากได้ เข้าใจไหม ว่ามันอยากได้….
“บ้านคุณขอผู้หญิงเป็น แฟนแบบนี้หรือไง”
“แล้วต้องทำไงวะ เธอถึงจะตอบตกลง”
“ก่อนอื่น คุณต้องทำความรู้จักผู้หญิงก่อน ต้องจีบผู้หญิงก่อน ค่อยขอเป็นแฟน นี่อะไร เจอหน้ากันครั้งแรกก็จะ จูบ ฉะ ฉัน…”
คริสหลบสายตาของผม เธอมีท่าทางเขินอาย เบือนหน้าหนีไปทางอื่น เหมือนกำลังเอียงแก้มให้ผมหอมยังไงไม่รู้ ตัดสินใจลุกขึ้นจากตัวของเธอ พร้อมดึงเธอลุกขึ้นนั่ง
“แล้วไงต่อ”
“ไม่เอายังไงต่อค่ะ”
“ก็ได้ฉันจะเริ่มจีบเธอ แบบจริงจัง ตั้งแต่วินาทีนี้เลย” ผมลุกขึ้นยืน “ไปกินข้าวกัน”
“ไม่ค่ะ อีกเดี๋ยวเพื่อนฉันก็จะมาแล้วค่ะ คุณก็ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว เดี๋ยวเพื่อนฉันตกใจ”
“ฉันรู้จักกับเพื่อนเธอ ใบบัว เป็นรุ่นน้องโรงเรียนเก่า ถ้าเพื่อนเธอมาก็บอกเขาไปว่าฉันกำลังจีบเธออยู่ไม่เห็นแปลก” ผมไม่แคร์อยู่แล้ว แค่เพื่อนเธอจะกลัวทำไม มองเห็นแก้มแดงๆ นั้นแล้วก็ยากที่จะอดใจไหว ผมเดินเข้าไปใกล้เธออีกครั้ง สาบานว่าไม่ได้คิดจะทำอะไรไปมากกว่านี้ แค่อยากฟัดแก้มยุ้ยๆ ของเธอเท่านั้น
จมูกคมโด่งเป็นสัน ถูกกดลงบนแก้มยุ้ยของสาวร่างอวบ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เธอเอามือลูบที่แก้มตัวเอง ก่อนจะพ่นคำด่าออกมามากมาย ที่จริงเธอก็ปากจัดใช้ได้ แต่ผมสนไหม ตอบเลยว่าไม่แคร์ ก่อนยิ้มมุมปาก
“กลับก่อนแล้วกัน เย็นนี้จะมารับไปกินข้าว ก่อนอื่น ขอโทรศัพท์หน่อย” ผมยื่นมือไปตรงหน้าของเธอ แต่ต้องเจอกับสายตาที่จ้องมองมาอย่างระวังของเธอ พูดแล้วก็นึกขำ ถ้าผมจะทำอะไรเธอจริงๆ มันก็ง่ายมาก เธอลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ ผมจัดการเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ของเธอลงบนเครื่องโทรศัพท์ของตัวเอง พร้อมของเธอด้วย ก่อนส่งคืนเจ้าของไป
“ออกไปได้หรือยังคะ”
“ขอเตือน ถ้าเย็นนี้โทรมาแล้วไม่รับ ให้คิดเองว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถือว่าเธอรับปากแล้วนะ” ผมส่งยิ้มให้เธอก่อนเดินออกจากห้องไป
คริสยืนนิ่งอยู่ที่เดิมใจเธอล่องลอยไปในอากาศ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ อยู่ๆ ก็เข้ามาในชีวิตของเธอได้รวดเร็ว ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรไปไกลมากกว่านี้ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ฉันไม่ลืมส่องตาแมวดูผู้มาเยือน ฉันไม่ควรทำพลาดเหมือนเมื่อเช้า ต่อไปคงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้หน่อย พูดแล้วชีวิตของเธอคงไม่สงบสุขอีกต่อไป
“ทำอะไรอยู่วะ กว่าจะเปิดห้องได้” ใบบัวเอ่ยขึ้น เธอถือของพะรุงพะรังเข้ามาภายในห้อง ตามด้วยทอฝัน เธอก็ถือของไม่ต่างจากใบบัว
“เข้าห้องน้ำอยู่ มาๆ เข้ามาก่อน มาฉันช่วยถือ”
“ช่วยจัดจานเถอะยะ ฉันหิวแล้ว” ทอฝันพูดขึ้น เพื่อนทั้งสอง วางข้าวของลงบนโต๊ะตัวใหญ่ในห้องครัว ฉันไม่รอช้าจัดแจงอาหารลงจานให้เรียบร้อย
“คริส ทำไมต้นไม้ฉันเป็นแบบนี้!!!!” เสียงทอฝันตะโกนมาจากระเบียงห้อง ฉันรีบเดินออกไปที่ระเบียบ กระถางต้นไม้เล็กด้านบนทั้งแถบตกลงมาโดนกระถางต้นไม้ใหญ่ด้านล่าง
“ตายแล้ว!! พังหมดเลย!!” ฉันและทอฝันช่วยกันยกกระถางต้นไม้ที่ตกเกลื่อนพื้นขึ้น สงสัยเป็นตอนนั้นแน่ๆ ไม่น่าเลยคริสเอ้ย….
“โห แตกหมดเลย แกต้องไปซื้อกระถางมาเปลี่ยนใหม่แล้วละ ดูท่า” ทอฝันหยิบกระถางที่แตกกองรวมกันเอาไว้
“เซ็งอ่ะ อุตส่าห์จัดเสร็จแล้ว เบื่ออ่ะ” ฉันบ่นออกมาพร้อมนึกถึงหน้าคนที่ทำกระถางต้นไม้แตก หรือไม่มันก็คงหล่นลงมาเอง แต่ก็ช่างเถอะ คิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
“ช่างเถอะ ตอนเย็นค่อยไป เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน ตอนนี้ไปกินข้าวก่อนได้ไหม หิวจะแย่อยู่แล้ว” ทอฝันบ่นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนฉันและเธอจะเดินเข้ามากินข้าว