3

1219 คำ
10.30 น. ธรรม์บดีเงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้อง เขาวางปากกาลงบนโต๊ะ เอนตัวพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ นรภัทรยิ้มให้เพื่อน ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงกันข้าม “ฉันนัดนายเที่ยง มาทำห่าไรตอนนี้วะ” เจ้าของห้องถาม “มาส่งคุณแม่ที่โรงพยาบาลน่ะ เลยแวะมาเลย” “แล้วไม่รอท่านกลับบ้านเหรอ” “ไม่อ่ะ เดี๋ยวพี่เมฆมารับ” นรภัทรตอบ เขามองถุง แซนวิชบนโต๊ะทำงาน ไม่ถามเจ้าของห้อง คว้าถุงมาวางตรงหน้า หยิบของว่างออกมาหนึ่งชิ้นแล้วลงมือรับประทานทันที “อืม แซนวิชนี่อร่อยดีนะ” สายตาแปลกใจของธรรม์บดีมองหน้าผู้พูดที่เคี้ยวของกินในปาก “แค่แซนวิชธรรมดา อร่อยตรงไหนวะ” “ตรงน้ำสลัดไง ไส้แซนวิชเหมือนกันทั้งนั้นแหละ ต่างกันก็ตรงน้ำสลัดที่สูตรใครสูตรมัน” นรภัทรตอบเพิ่มเติม “ว่าแต่นายซื้อที่ไหนมา อร่อยดี” “ไม่ได้ซื้อ ลูกมะ...ลูกหมีทำให้ฉันกิน” ธรรม์บดีเกือบหลุดปากเรียกผิดชื่อ ดีที่รู้ตัวทัน “ฉันยังไม่ทันกิน นายดันกินซะก่อน” “ช่วยไม่ได้ นายไม่กินเอง” พูดจบก็กัดกินที่เหลือเข้าปาก “ฉันไม่อยากกินต่างหากล่ะ เพราะถ้าอยากกิน มันคงไม่เหลือถึงนาย” ธรรม์บดีย้อน “ฝีมือการทำอาหารของลูกหมีดีนะ ดีมากๆ ด้วย ครั้งก่อนไปบ้านนาย ได้กินแกงเลียงใส่กุ้งสด ฉันติดใจเลย คราวหน้าต้องบอกให้ลูกหมีทำให้กินซะแล้ว” “ไม่เห็นอร่อยเลย กินไปคำนึงแทบจะคายทิ้ง” “คายทิ้ง” นรภัทรทวนเสียงสูง “คายทิ้งออกจากปากหรือกลืนลงคอวะ วันนั้นนายกินข้าวสองจานเชียวนะ นี่ขนาดไม่อร่อยนะเนี่ย ถ้าอร่อย ข้าวคงหมดหม้อ” “กวนตีนนะมึง” ธรรม์บดีถึงกับหน้าตึง เมื่อเพื่อนเอาความจริงมาย้อน “แล้วเมื่อไหร่ลูกหมีจะท้องวะ นี่ก็เดือนนึงแล้วนะ ไม่มีวี่แววเลย มีน้ำยาหรือเปล่าวะไอ้อิฐ” “ฉันไม่เคยมีอะไรกับเธอ แล้วลูกหมีจะท้องได้ไง ถ้าท้องคงไม่ได้ท้องกับฉันแน่ๆ” ธรรม์บดีตอบตามจริง ซึ่งเรื่องนี้นรภัทรรู้ดี ที่เอ่ยออกไปก็แค่แซวเพื่อนเล่นๆ “อย่าบอกนะว่าพึ่งหมอ” “ก็คงอย่างนั้น เห็นหน้าแล้วกินไม่ลง หมดอารมณ์ดื้อๆ” ความที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ธรรม์บดีเลยเปิดอกพูดกับเพื่อนได้ตามตรง “จริงๆ แล้วฉันไม่อยากยุ่งเรื่องนี้หรอกนะ แต่ก็อดคิดไม่ได้” “คิดอะไร” “คิดว่าคุณย่านายขาดทุนยับน่ะสิ นายคิดดูนะ คุณย่าเสียเงินให้ทางนั้นไปสามสิบล้าน ถึงจะมีที่ดินมาค้ำประกันก็เถอะ แต่ก็เสียความรู้สึกที่ถูกเล่นแง่ เปลี่ยนตัวคนมาเป็นเมียนายซะงั้น ถ้านายไม่ทำอะไรเลย ปล่อยไปอย่างนี้ ไม่เรียกขาดทุน ไม่พูดว่าเสียเปรียบก็คงไม่ได้ เพราะทางนั้นมีแต่ได้กับได้” ธรรม์บดีฉุกใจเรื่องนี้ขึ้นมาทันใด “แล้วที่ดินผืนนั้น ตอนขายจะได้ราคาสามสิบล้านหรือเปล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะขายได้ แล้วที่นายบอกว่า พึ่งหมอ นายจะเสียเงินซ้ำซ้อนทำไม ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ใช่น้อยๆ นะ ครั้งแรกไม่ติดก็ต้องมีครั้งที่สอง สามตามมา คนที่ฉันรู้จักหมดไปสองล้านยังไม่ติดเลย ทางนายนี่มีแต่เสียกับเสียนะ” ธรรม์บดีคิดตามคำพูดนรภัทร ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดว่า ทางบ้านตนขาดทุน ไม่ได้อะไรเลยกับการช่วยเหลือลัดดา แล้วยังอาจถูกหัวเราะเยาะที่โง่ ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม หากทางนั้นรู้ว่า ต้องพึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อมีลูก เสียเงินเพิ่มไปอีก คงถูกนินทาสนุกปาก เจ็บใจไปอีก “ไหนๆ ลูกหมีก็เป็นเมียนายแล้ว ดื่มเหล้าย้อมใจ จัดการลูกหมีซะ เอาทุนคืนไงล่ะ ถ้าไม่ท้องจริงๆ ค่อยพึ่งหมอ” นรภัทรแนะนำ “แล้วแต่นายนะ มันไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันแค่แนะนำ ไม่อยากให้นายขาดทุน เพราะอย่างน้อยก็ได้ลูกหมีเป็นเมีย ถอนทุนคืนมาหน่อยก็ยังดี” “มันก็จริงของนายนะ แบบนี้ฉันเสียเปรียบ ทางนั้นมีแต่ได้กับได้” “ก็คิดดูเอาเองล่ะกัน” นรภัทรไม่พูดต่อ “ฉันว่าเราไปกันเลยดีกว่า ไปหาไรกินก่อน ค่อยไปที่งาน ฉันยังไม่หายหิวเลย” ธรรม์บดีตกปากรับคำ เพราะเขาเองก็หิวไม่แพ้กัน ด้วยความที่มีอคติกับกุลธิรัตน์เป็นอย่างมาก เขาจึงไม่ได้กินมื้อเช้าและแซนวิชที่หล่อนทำ ตอนนี้ท้องเลยร้องประท้วง ขณะที่เขาลุกขึ้นออกไปจากห้องไปพร้อมกับนรภัทรด้วยความหิว ทว่าสมองยังนึกถึงคำแนะนำของเพื่อน เห็นทีเขาต้องตัดสินใจว่า จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ บ่ายสองโมง กุลธิรัตน์เดินเข้ามาในร้านกาแฟแบรนด์ดัง ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา หล่อนโบกมือให้เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านใน ก่อนเดินไปหา “มานานหรือยัง ขอโทษนะที่มาช้า” กุลธิรัตน์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แกนี่ขยันขอโทษนะ มาทีหลังเพื่อนทีไร ขอโทษทุกที ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลานัดเลย” พัชรินทร์อดว่าเพื่อนไม่ได้ “ฉันเพิ่งมาไม่ถึงนาทีเลย” “ก็แกมาก่อนไง ฉันเลยขอโทษ” “ย่ะ แม่คนดี ขอโทษอยู่นั่น เซ็งกับแกจริงๆ” กุลธิรัตน์กลับยิ้มให้พัชรินทร์ เพื่อนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่หนึ่ง สนิทกันจนถึงทุกวันนี้ “รอปูจาก่อน เดี๋ยวมันมา” ปูจาหรือมิ่งเมือง ชาวเขาเผ่ามูซอบนดอยสูง เพื่อนสนิทอีกคนในรั้วสถานสงเคราะห์ อยู่ด้วยกันจนจบมัธยมศึกษาปีที่หก “ว่าแต่ทำไมแกนัดที่นี่ล่ะ ของกินที่นี่แพงนะ เสียดายเงิน ไปกินร้านข้างทางดีกว่า” “วันนี้ฉันเงินเดือนออก ฉันก็อยากกินอาหารในห้างบ้างน่ะสิ” พัชรินทร์ตอบเพื่อน “ฉันได้เงินพิเศษจากเจ้านายมา เพราะฉันดิวงานกับลูกค้าได้ ได้มาตั้งหมื่นนึงแน่ะ ฉันเลยโทรนัดแกกับปูจามาหาไรกินกันที่นี่ไง” “ฉันอยากมีงาน มีเงินเดือนเหมือนแกจัง หาตั้งหลายที่แล้ว ไม่ได้สักที” ก่อนหน้ามาเป็นเมียธรรม์บดี หล่อนทำงานในบริษัทเอกชน ทำได้ร่วมสองปี หล่อนจำต้องออกจากงาน เนื่องจากบริษัทตกอยู่สภาวะขาดทุนติดต่อกันเป็นปี จำเป็นต้องคัดพนักงานออก กุลธิรัตน์เป็นหนึ่งในสามสิบคน หล่อนจึงตกอยู่ในสถานะว่างงาน หางานมาเป็นเดือนก็ยังไม่ได้ เงินที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ เป็นเงินที่เก็บสะสมไว้ แม้ไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม