01…เก็บรัก
ขอบคุณที่เมื่อวานวายุไม่ได้ทิ้งฉันเหมือนที่เคยทำ เขายังหาเวลามารับฉันอย่างที่เขาสัญญาเอาไว้ เพียงแต่ฉันไม่รู้สึกดีใจเหมือนก่อนหน้านี้เลย อาจจะเป็นเพราะว่าเขาทำตามสัญญามากเกินไปหรือเปล่า
“เมื่อวานวายุมารับใช่มั้ย” มู่ลี่ถามทันทีที่เห็นหน้าฉัน
“อืม! บอกแล้วว่าเขาไม่ทิ้งหรอกในเมื่อสัญญากันไว้แล้ว” ถึงจะไม่ใช่ทุกครั้งก็ตามแต่อย่างน้อยครั้งนี้เขาก็ไม่ปล่อยให้ฉันต้องรอเหมือนที่ผ่านมา
“อย่างน้อยมันก็ยังหาเวลามาแต่หน้าแกดูไม่ค่อยโอเคเลยมีอะไรหรือเปล่า” แอลรินมองหน้าฉันอยู่พักใหญ่
“ก็อย่างที่พวกแกรู้นั้นแหละ...”
ความเสมอต้นเสมอปลายของเขาบางทีก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีสักเท่าไหร่เมื่อวานเขามารับฉันก็จริงแต่รับฉันไปส่งที่คอนโดนอกจากเขาจะไม่ได้ลงไปส่งฉันแล้วเขายังทิ้งฉันให้เดินไปตามลำพังโดยที่เขาขับรถออกไปไม่ได้สนใจใยดีเลยว่าฉันจะรู้สึกกับการกระทำเย็นชาพวกนี้ของเขายังไง
วายุพูดแค่ว่าเขาต้องกลับไปทำงานที่มหาลัยให้เสร็จก่อนแล้วจะรีบกลับมา จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าแฟนเลยสักนิด
“เขาสัญญาว่าจะมารับฉันเขาก็มา
แต่หลังจากนั้นก็อย่างที่พวกแกเห็นเขาแค่ไปส่งเท่านั้นหลังจากนั้นเขาก็หายไปเหมือนเคยจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้เจอหน้าวายุเลย”
“เห้อ~~ ทำใจเถอะมีแฟนอย่างวายุเนี๊ยะ”
มู่ลี่ถอนหายใจออกมา
“แล้วนี้แกจะไม่โทรหามันหน่อยหรอ” แอนรินบอกฉัน
“โทรแล้วแต่ปิดเครื่อง สงสัยแบตจะหมด”
“จร้า~~~~ก็ขอให้เป็นอย่างที่แกพูดก็แล้วกันไม่ใช่จงใจปิดเครื่อง!”
“แอลลิน” มู่ลี่ส่ายหน้าเหมือนกำลังห้ามอะไรที่แอลลินจะพูด
“มีอะไร?????”
สองคนนั้นหันไปมองหน้ากันก่อนจะหันกลับมามองหน้าฉันอีกครั้ง เหมือนพวกมันมีอะไรจะบอกแต่ก็ไม่กล้า
“วายุบอกแกว่าไปทำงานที่มหาลัยใช่มั้ย”
“อืม! เขาบอกแบบนั้น”
ถ้าสมองพวกมันไม่ได้เสื่อมก็น่าจะจำได้ว่าฉันพึ่งจะพูดประโยคนั้นไปเมื่อกี้
“พวกแกสองคนมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกฉันห๊ะ!”
“เปล่า” มู่ลี่สายหน้าพร้อมกับหลบตาแบบนี้แสดงว่ามีแน่ๆ
“ไม่เชื่อพวกแกสองคนต้องมีอะไรที่ยังไม่บอกฉันแน่ๆ”
“.....” ทีนี้ก็เงียบทั้งคู่
“พวกแกทำแบบนี้ฉันอึดอัดนะ”
ก็สองคนนี้เล่นเอาแต่มองหน้ากันไม่มีใครคิดจะพูดอะไรกับฉันเลย
แล้วยังมาถามเกี่ยวกับวายุอีกทำแบบนี้ฉันก็ใจไม่ดีนะสิ
“เมื่อวานฉันเจอพวกเทนที่คลับ”
มู่ลี่เป็นคนพูดออกมาก่อน
“พวกเพื่อนวายุน่ะหรอ”
“อืม”
“แล้วฉันถามหน่อยสิว่าไอ้วาแฟนแกมันไปทำงานกับใครในเมื่อพวกเพื่อนของมันอยู่ที่คลับกันหมด
แต่ฉันไม่เห็นวายุของแกหรอกข้อนี้สบายใจได้”
แอนรินบอกกับฉันก่อนที่สมองของฉันมันจะเริ่มคิดไปต่างๆนาๆ
เขาบอกว่าเขามีงานที่มหาลัยของเขา เท่าที่ฉันรู้มามันเป็นงานกลุ่มที่เขาต้องทำร่วมกับเพื่อนเขา
แล้วทำไมเพื่อนๆของเขาถึงไปโผล่ที่คลับให้สองคนนี้เห็นได้ แล้ววายุละไปไหน
“แกแน่ใจจริงๆหรอว่ะ!ว่าวามันจะเลิกนิสัยเดิมได้จริงๆ
แต่ถ้าถามฉันบอกได้คำเดียวเลยว่ายาก” มู่ลี่ถามขึ้นมา
“นั้นดิ เสือยังไงก็คือเสือโดยเฉพาะเสืออย่างวายุมันคงไม่หยุดง่ายๆหรอกแกก็น่าจะรู้ดี”
“แต่วาสัญญากับฉันแล้วว่าเขาจะหยุดที่ฉันคนเดียว”
ใช่ว่าฉันจะไม่รู้ว่าวายุเป็นยังไง
สองคนนี้ก็เหมือนกันพวกเธอรู้จักนิสัยวายุพอๆกับฉันหรือบางทีอาจจะรู้จักมากกว่าที่ฉันรู้ด้วยซ้ำ
มันอาจจะฟังดูโง่นะแต่จะให้ฉันทำยังไงในเมื่อฉันรักเขาไปแล้วรักมากด้วย
อีกอย่างฉันก็เชื่อใจเขา คำสัญญาที่เขาเคยให้กับฉันไว้ฉันหวังว่าเขาจะจำมันได้และเขาจะไม่ทำผิดสัญญาที่ให้ไว้กับฉัน
“วายุมันเป็นผู้ชายที่ใครๆก็อยากได้แกเป็นคนพูดเอง แล้วไม่คิดบ้างหรอว่ามันจะสนองความอยากของทุกคนอย่างที่มันเคยทำ”
“แอน! แอน! พอเถอะแกจะพูดให้แกมมันใจเสียเพื่ออะไร”
มู่ลี่ขัดแอนรินขึ้นมา ก่อนที่เธอจะพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจของฉันที่มีต่อวายุไปมากกว่านี้
“ฉันขอโทษ! แต่ฉันทนเห็นแกโดนมันทำแบบนั้นไม่ได้
แกไม่ใช่ควายนะแกมม่า”
“ฉันขอตัวนะ!”
“แกม!!!! แกม!!!!! แกจะไปไหน”
หูของฉันมันเหมือนไม่ได้ยินเสียงของสองคนนั้นแล้ว ตอนนี้สมองของฉันมืดมัวไปหมดทุกอย่างฉันไม่ได้โกรธที่พวกเธอพูดถึงวายุหรอกนะแต่ที่ฉันเดินออกมาเพราะฉันยังไม่พร้อมจะรับรู้อะไรในตอนนี้ที่ผ่านมาใช่ว่าฉันจะไม่รู้เพียงแต่ฉันยังไม่แน่ใจเท่านั้นว่าเขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
หรือว่าที่จริงแล้วเขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
‘เลขหมายปลายทางที่ท่านเรียกใน….ตู๊ดดดดดดดด’
“วายุ! นายอยู่ที่ไหน”
จนถึงป่านี้ฉันก็ยังติดต่อเขาไม่ได้
มันคงจะไม่บังเอิญแบตหมดไปตลอดหรอกมั้ง
ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่สองคนนั้นพูดมันคือเรื่องจริงหรือยังไง
แล้วถ้าเป็นแบบนั้นตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันอยู่กับใครแล้วทำไมเขาต้องโกหกฉันด้วยสารพัดคำถามที่พุ่งเข้ามาแต่ฉันไม่สามารถหาคำตอบเหล่านั้นได้