📚 มิวปรากฏ ˚₊·—̳͟͞͞✰

2173 คำ
📚 “10” ˚₊·—̳͟͞͞✰ เช้าวันเสาร์ วัน “เกมเชิญแขก” ยิมเปิดไฟสว่างตั้งแต่ยังไม่ถึงเก้าโมง สปอตไลต์สองข้างคอร์ตอุ่นแล้ว พื้นไม้สะอาดจนสะท้อนแสงไฟเป็นเส้นยาว พิมมาก่อนเวลาเหมือนสัญญา เสื้อยืดครีมตัวเดิม กางเกงยีนส์พอดีตัว สะพายถุงผ้าที่ข้างในเต็มไปด้วยแบตสำรอง เทป กรรไกร และผ้าไมโครไฟเบอร์พับเรียบร้อย เธอคุ้นกับกลิ่นกาวและเสียงลูกบาสกระทบพื้น “ตึง ตึง” ที่เหมือนหัวใจเต้นตามเอง ตอนเช้ายังไม่คึกคัก ซุ้มชมรมหน้าประตูที่เมื่อวานเต็มคน วันนี้เงียบ มีเพียงป้าย “ยินดีต้อนรับทีมเยือน” กับโต๊ะลงทะเบียนว่าง ๆ แสงแดดจากกระจกสูงส่องโลโก้ชมรมเหมือนมันขยับหายใจช้า ๆ “มาก่อนเวลา — ผ่าน” เสียงเรียบดังจากด้านหลัง พิมหันไป ธันวายืนพาดแฟ้มบนแขน เสื้อโปโลชมรมสีเข้ม มีผ้าพันข้อมือเปื้อนชอล์กนิด ๆ ที่ปลายนิ้ว เขามองเธอแค่จังหวะสั้น ๆ เหมือนตรวจเช็ก มากกว่าทักทาย “ค่ะ” พิมยิ้มออกมา เธออยากถามว่าเมื่อคืนเขานอนพอไหม แต่รู้ดีว่าภาษาของเขาคือ “ทำงานก่อน คุยทีหลัง” “ไปเช็กไมค์ก่อน” เขาพยักหน้าไปทางโต๊ะเทคนิค พิมพยักหน้า หยิบกล่องคิทไปด้วย ทุกอย่างไหลลื่น เธอสลับถ่านไมค์ เช็กความถี่ A/B ทวนในหัวตามที่ธันวาเคยบอก “อย่าขวางเลนวิ่ง อย่าทับเทปผืนไม้” เหมือนเสียงป้ายไฟเล็ก ๆ ก้องอยู่ในหู เก้าโมงครึ่ง เด็ก ม.ปลายเริ่มทยอยมา เสียงคุยคึกคัก แบกเป้ใบโต เพื่อน ๆ โบกมือเรียกกันตรงบันได พิมยืนประจำโต๊ะลงทะเบียน เช็กชื่อ แจกสติ๊กเกอร์ แนะนำทางเข้าคอร์ต เธอชอบโมเมนต์นี้ งานเล็ก ๆ ที่ทำให้ภาพใหญ่เดินต่อได้ สิบโมงตรง โค้ชเคาะไมค์ ธันวาขึ้นเวทีเปิดงาน คำพูดสั้น ชัด “ยินดีต้อนรับ เล่นให้สนุก เคารพกติกา ทุกตำแหน่งสำคัญเท่ากัน” เสียงเขาผ่านลำโพงนิ่งจนทั้งยิมเงียบ บทเปิดงานไม่ถึงสองนาที แต่ได้ผลกว่าพูดยาวเป็นสิบหน้า พิมยิ้มกับตัวเอง—นี่แหละ “หัวหน้า” เธอหันกลับไปเตรียมเช็กลิสต์ต่อ แต่เสียงรองเท้าผ้าใบดังเข้ามา เงาผู้หญิงสูงโปร่งในเสื้อช็อปปลดกระดุมหนึ่งเม็ด กางเกงทรงตรง ผมยาวรวบต่ำ หน้าเรียวคม เดินตรงไปทางธันวาแบบรู้เส้นทาง “ธัน” ธันวาหัน ไม่ตกใจ ไม่เปลี่ยนสีหน้า แค่นิ่งตามแบบเขา “มาแล้วเหรอ” “อืม” ผู้หญิงยิ้มบาง ๆ แต่ดูอบอุ่น “เมื่อคืนสรุปบอร์ดโปรเจกต์เก่าที่ศูนย์กีฬาเสร็จ เอามาคืน” เธอยกแฟ้มสีน้ำตาลขึ้น กันต์ที่ยืนใกล้ ๆ โผล่มาแซวทันที “โอโห—นี่ไง ‘มิว’ ตำนานชมรมเรา” น้ำเสียงขี้เล่นเหมือนประกาศว่าคนนี้ไม่ธรรมดา พิมหยุดมือที่กำลังจัดสติ๊กเกอร์ เธอไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่เสียงสนทนาชัดเจนเพราะรอบนั้นเงียบ มิววางแฟ้มบนโต๊ะข้างคอร์ต เสียงเล็บแตะกระดาษเบา ๆ “จำได้ไหม ปีที่เราทำ ‘คืนสนามให้ชุมชน’ เอาไฟเก่ามารีโนเวท?” ธันวาพยักหน้า “ปีสองของเธอ” “ใช่” มิวหัวเราะเบา ตาเป็นประกาย “เราไปเดินตลาดของเก่าด้วยกันจนปิด เพื่อตามหาโคมเหล็กที่พอดี แล้วโดนลุงเจ้าของร้านบ่นว่า ‘เด็กนักศึกษานี่เรื่องเยอะ’ จำได้ไหม” “จำ” ธันวาตอบสั้น ๆ แต่มุมปากเขากระตุกจาง ๆ แบบที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก มิวเปิดแฟ้มให้ดู “ฉันคัดรูปไว้ด้วย โปสเตอร์โปรเจกต์ก็อยู่ในนี้ รูปตอนเราติดป้ายไฟทางหนีไฟด้วยเทปกระดาษก่อนทับด้วยเทปผ้า ฉันจำได้เพราะเธอย้ำเองว่า ‘พื้นไม้ห้ามทับตรง ๆ’ ” คำว่า “พื้นไม้ห้ามทับตรง ๆ” ทำให้พิมสะดุ้งเล็กน้อย นั่นคือประโยคเดียวกับที่เธอเพิ่งได้ยินเมื่อวาน เหมือนเธอกำลังมองฉากถ่ายภาพที่ตัวเองไม่อยู่ในเฟรม แต่ก็ชัดเจนขึ้นเพราะมีคนเล่า กันต์ตบมือ “โครงการนั้นตำนานของชมรมจริง ๆ ได้รางวัลจากคณะด้วย” เขาหันไปทางพิม “น้องพิม นี่พี่มิว ปีสาม สายโปรดักชันตัวแม่ เคยทำโปรเจกต์ใหญ่กับหัวหน้าด้วยกัน สุดมาก” พิมยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะพี่มิว” ยิ้มสุภาพทั้งที่ในใจสะดุด มิวหันมายิ้มรับ ไหว้คืน “สวัสดีจ้ะ ยินดีที่ได้รู้จัก ได้ยินชื่อจากกันต์บ้างแล้ว เก่งงานหลังบ้านใช่ไหม” “ยังไม่เก่งค่ะ กำลังหัดอยู่” พิมตอบตรง ๆ มิวพยักหน้า “ดีแล้ว งานหลังบ้านถ้าทำดี คนจะลืมว่ามีเรา แต่ถ้าพลาด ทุกคนจะจำชื่อทันที” เธอยิ้มบาง “อย่ากังวล ฉันก็เคยพลาดเหมือนกัน” กันต์หัวเราะ “เธอเคยพลาดวันไหนนับได้เลย โอ๊ย อย่าจิ้มสีข้างดิ” สามคนนั้นคุยกันอย่างเข้าจังหวะ กันต์โยนมุก มิวรับและต่อ ธันวานิ่ง ๆ แต่พยักหน้าทีเดียวก็ทำให้ทุกอย่างเข้าที่ พิมยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนต้องหาตำแหน่งใหม่ของตัวเองในวงที่มีความทรงจำร่วมกัน “แล้วตอนนี้ทำโปรเจกต์อะไรอยู่” ธันวาถาม “กำลังทำไฟสนามเล็กของโรงเรียนฝั่งคลอง ครูอยากให้เด็กซ้อมตอนเย็นแล้วไม่แสบตา ฉันเลยลองใช้ไฟอมเหลือง จำหลอดที่เราเจอในตลาดได้ไหม โทนเดียวกันเลย” “อืม” ธันวาตอบ “มันอุ่นตา” “ใช่ อุ่นตา” มิวหัวเราะ ดวงตาเป็นประกาย “เธอยังพูดน้อยแต่จับคำได้ตรงเหมือนเดิม” กันต์ทำท่าล้อ “โอ้โห ถ้าฉันพูดน้อยบ้าง จะดูเท่ขึ้นมั้ยนะ” “แกพูดน้อยห้านาที เดี๋ยวยิมมืด” ธันวาพูดเรียบ ๆ จนกันต์หัวเราะลั่น พิมยืนฟังเงียบ ๆ หัวใจเต้นช้าสลับเร็ว บางคำของทั้งคู่เหมือนตรงกับกล่องเล็ก ๆ ในหัวที่เธอเพิ่งเริ่มเรียนรู้ เทปผ้า เทปกระดาษ แสงไฟอุ่น—ทั้งหมดคือภาษาเดียวกัน แต่รุ่นพี่สองคนพูดจากความทรงจำที่มีร่วมกันมานานกว่า ความรู้สึกจิ๊ด ๆ ผุดขึ้นกลางอก ไม่ใช่อิจฉา ไม่ใช่ไม่ชอบใคร แต่เป็นการตระหนักว่า เรื่องนี้ไม่เคยมีแค่ “เธอกับเขา” ตั้งแต่แรก มันมีชั้นของเวลาและงานที่ซ้อนอยู่มาก่อน และมัน “สวยงาม” จนเธอต้องยอมรับ “พี่ธัน เดี๋ยวฉันไปช่วยฝ่ายสื่อแปะเครดิตสปอนเซอร์ก่อนนะ” มิวบอก “ถ้าขาดอะไรเรียกได้เลย ฉันอยู่ทั้งวัน” “อืม” ธันวาพยักหน้า มิวหยิบแฟ้มขึ้น “โปรเจกต์เก่าอยู่กับแกก่อนก็ได้ เผื่ออยากดูไดอะแกรมไฟ” เธอยื่นให้ธันวา มือชนมืออย่างคุ้นเคย แล้วหันมายิ้มให้พิม “ยินดีที่ได้เจอนะ พิม” “ค่ะ” พิมยิ้ม ตอบได้แค่นั้น มิวเดินไปทางโต๊ะสื่ออย่างเบา ๆ เหมือนรู้ทางยิมดีกว่าคนอื่น กันต์มองตามแล้วยักไหล่ขำ ๆ “ตำนานก็คือตำนานเนอะ” ธันวาเปิดแฟ้มดูแวบหนึ่ง เห็นกระดาษ A4 เรียงเป็นระเบียบ เขาปิดแล้ววางไว้ใกล้ตัว ก่อนหันกลับมาเข้าสู่โหมดทำงาน “อีกสิบนาทีเริ่มเกมแรก โต๊ะสกอร์พร้อมไหม” “พร้อมค่ะ” พิมตอบทันที “ใช้ไมค์ A เป็นหลัก สำรอง B ถ้าสัญญาณตก แผนที่นั่งติดแล้ว เทปพื้นตรวจรอบสุดท้ายเรียบร้อย” “ดี” เขาพยักหน้าแล้วเดินไปเช็กคอร์ต พิมมองตามแผ่นหลังเขาผ่านแสงบนพื้นไม้ ใจที่จิ๊ด ๆ เมื่อครู่ยังไม่หาย แต่มือเริ่มทำงานอัตโนมัติ จัดปากกาเรียงหัวเดียวกัน วางเทปผ้าไว้ด้านซ้ายสุด โน้ต “อย่ากด CLR” อยู่ตำแหน่งเดิม เสียงในหัวเตือน กลับเข้าระบบนะพิม เสียงนกหวีดเกมแรกดัง “ปรี๊ด!” เธอสะบัดรอยคิดออกแล้วโฟกัส ระหว่างกดสกอร์ นิ้วขยับตามจังหวะ พอกรรมการส่งสัญญาณผิด เธอยกมือถาม “ขอเช็กค่ะ สามแต้มใช่ไหมคะ” ทุกอย่างนิ่งเหมือนผิวน้ำ ยกเว้นข้างใต้ที่กระเพื่อมเบา ๆ พักควอเตอร์ กันต์วางน้ำให้ “เอ้า น้องพิม น้ำเย็น ๆ” เขาก้มลงขำ “หน้านิ่งขึ้นนะ แต่ตา…เล่าเรื่อง” พิมยิ้มแห้ง “เล่าเรื่องอะไรคะ” “เล่าว่า—โอ๊ะ เกมเริ่มยากขึ้นนิดแล้วสินะ” กันต์ยักคิ้ว “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่บรรยายให้ ฟังนะ ‘พี่มิว’ = ปีสาม เอกโปรดักชัน เคยทำโปรเจกต์ใหญ่กับหัวหน้าสองปีก่อน เคมีเข้ากันดีมาก ช่วงนั้นเขาคุยกันอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่เคยคอนเฟิร์มว่าแฟน พอปีสาม งานก็แยกไปตามทาง” พิมก้มมองขวดน้ำ คำว่า “คนคุย” มันไม่แรงเท่า “แฟน” แต่ก็ไม่เบาพอให้ใจเธอเฉยได้ “อย่างไรก็ตาม—” กันต์พูดต่อ “ตั้งแต่ฉันอยู่มา ‘พี่ธัน’ มีสองโหมดกับผู้หญิง หนึ่ง ‘สุภาพเว้นระยะ’ สอง ‘ทำงาน ไว้ใจ’ ถ้าเธออยู่โหมดสอง ถือว่ามีแต้ม ส่วนจะไปถึงขั้นไหน มันขึ้นกับ ‘งาน’ กับ ‘เวลา’ มากกว่ากุหลาบช่อใหญ่ เข้าใจป่ะ” พิมหัวเราะน้อย ๆ “พี่นี่พากย์จนหนูเห็นกราฟในหัวเลย” “ดี ขอให้กราฟขึ้นชัน ๆ” กันต์ยกกำปั้น “แล้วจำไว้นะ เกมยากขึ้นก็จริง แต่สนามนี้ชนะด้วย ‘เงียบแล้วทำให้เดิน’ ไม่ใช่ตะโกนดัง” ประโยคสุดท้ายทำให้พิมดึงตัวเองกลับมาได้ เธอสบตากันต์ ขอบใจในใจที่เขาไม่ทำให้เรื่องดูเหมือนละคร แต่ยังคงใช้ภาษาแบบ “ระบบ” สนามนี้คือที่ทำงาน ไม่ใช่เวทีแข่งความน่ารัก เสียงไซเรนดังจบควอเตอร์ พิมกดปุ่มตามขั้นตอน มองนาฬิกานับถอยหลังแน่วแน่ เธอท่องในใจ “ทำให้เดิน” จนใจนิ่งลง ช่วงบ่าย ทีมเยือนเปลี่ยนคอร์ต พิมวิ่งไปมาระหว่างโต๊ะสกอร์กับโต๊ะเทคนิค เช็กไมค์ สลับความถี่เมื่อสัญญาณสะดุด ธันวาสั่งสั้น ๆ “สลับ A เป็น B…โอเค ไป” มิวที่โผล่มาตอนซุ้มไฟช็อตเล็ก ๆ ก็แก้สายให้ฝ่ายสื่อคล่องมือ ทั้งคู่คุยกันสั้น ๆ เข้าใจกันทันที ไม่มีคำเกิน แต่พอจบก็แยกย้ายทำหน้าที่ พิมมองแล้วเหมือนเห็นคนสองคนที่เคยซ้อมเพลงเดียวกันมาก่อน แต่วันนี้ยืนคนละเวที เธอไม่ได้เศร้ามาก แค่แน่นหน้าอกคล้ายคนกินข้าวเร็วไปนิด “พิม” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง เธอหันไปเห็นธันวายืนห่างหนึ่งช่วงแขน “ทางเข้าฝั่งตะวันตก สายพ่วงล้นพื้นไปสองนิ้ว เทปเพิ่ม” “ค่ะ” พิมรับ แล้วคว้าคิทวิ่งไปทันที เธอคุกเข่า ตบเทปแนบพื้น นิ้วกดตามแนวสัน เทปกระดาษรองชั้นหนึ่งก่อน ร่างกายทำงานอัตโนมัติไม่ต้องคิดซ้อน พอเสร็จเธอยืนขึ้น เห็นธันวายืนไกล ๆ คุยกับโค้ช พอเขาหันมา เธอยกนิ้วโป้งให้ เขาพยักหน้าสั้น ๆ เกมสุดท้ายผ่านไปอย่างราบรื่น เสียงปรบมือดังทั่วคอร์ต เด็ก ๆ ถ่ายรูปรวมกับรุ่นพี่ พิมยืนข้างหลังถือกล่องคิท ไม่เข้ากล้อง แต่กลับรู้สึกเต็มกว่าการไปยืนหน้า พอเริ่มเก็บของ แดดเย็นส่องพื้นไม้เป็นสีส้ม พิมม้วนสายไมค์เส้นสุดท้ายเป็นเลขแปด รัดตีนตุ๊กแก วางลงกล่อง จังหวะนั้นแยมเดินมาจากหลังคอร์ต ถือขนมปังไส้กรอกสองชิ้น ยื่นให้เธอหนึ่ง “กินหน่อย” แยมว่า “เห็นทั้งวันไม่หยุดเลย” “ขอบใจ” พิมกัดไปคำเล็ก ๆ เสียงแยมเบาลง “เมื่อเช้ายังไม่ได้เล่า…พี่มิวคืออดีต ‘คนคุย’ ของหัวหน้า ฉันเพิ่งยืนยันกับฝ่ายสื่อมา” พิมหันมองหน้าแยม เพื่อนไม่ได้ทำหน้าดีใจ แต่เหมือนบอกข้อมูลที่ควรรู้ นี่แหละที่พิมชอบ “โอเค” พิมตอบสั้น ๆ “โอเคจริง?” แยมเลิกคิ้ว พิมพยักหน้า วางขนมปังบนกล่องคิท ถอนหายใจ “โอเค…เกมยากขึ้น” แยมยิ้มบาง “ฉลาด” “ไม่รู้ฉลาดไหม แต่รู้กติกาเพิ่ม” พิมหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่ตายังอุ่น “วิธีชนะไม่ใช่ไปชนเขาหน้าเวที แต่ทำให้ระบบเดิน แล้วอยู่ตรงนั้นให้นานพอ” แยมเอาหัวไหล่ชน “แล้วถ้าใจมันจิ๊ดล่ะ” “ก็ให้มันจิ๊ด” พิมยักไหล่ “แล้วเอามือทำงาน” ทั้งคู่ยืนเงียบไปพักหนึ่ง ธันวาเดินผ่านหน้าคอร์ต หยุดเช็กเช็กลิสต์ เขาหันมาเห็น พยักหน้าสั้น ๆ แบบเดิม แต่พิมรับรู้ได้ถึงคำว่า “เห็น” ในแววตา เธอยิ้มกลับเบา ๆ โดยไม่ต้องพูดอะไร คืนนี้กลับหอ เธอจะเปิดสมุดแล้วเขียนเพิ่ม 💗 เขาจำชื่อเราแล้ว (7) 💗 เขาบอกให้มาก่อนเวลา (8) 💗 วันนี้—ตั้งใจดี (9) 💗 เกมยากขึ้น (10) — แต่เราอยู่ฝั่ง “ระบบ” รู้กติกา มือยังนิ่ง พิมเก็บปากกา เทป กล่องคิทเข้าห้องเก็บของพร้อมแยม พรุ่งนี้อาจไม่มีแขกเยอะ แต่ระบบยังต้องเดิน และเธอจะอยู่ตรงนั้น ตั้งใจดีเหมือนเดิม นี่ไม่ใช่สนามของคำหวาน แต่เป็นสนามของ “คนที่ไว้ใจได้” เกมอาจยากขึ้น แต่เธอไม่ถอย เธอเลือกยืนมั่น ขยับไปทีละขั้น และยิ้มบาง ๆ ทุกครั้งที่หัวหน้าเดินผ่านแล้วพยักหน้าให้. ✿ ྀི ☆ ྀི ୨୧ ྀི ❀ ྀི
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม