เพราะช่อดอกไม้ในวันนั้นเป็นเหตุฉันจึงได้ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์รักครั้งใหม่ของซันนี่ เดี๋ยวนั้นในอินสตาแกรมฉันไล่ตอบคอมเม้นท์จนนิ้วแทบล็อค
โชคดีหน่อยที่ตอนนี้พักกองรอนางร้ายเบอร์หนึ่งรักษาตัวจากอาการไข้หวัดใหญ่
ฉันคงรอดจากนักข่าวไปได้ในช่วงนี้แต่โลกโซเชี่ยลย่อมไม่ปราณีเก็บภาพไว้จนหมดสิ้นสามารถทำเป็นละครสั้นได้เลย ทางคุณไซรัสก็ยิ้มแก้มปริยืดอกรับแบบแมนๆกับนักข่าวไปว่า "ผมปลื้มคุณซันนี่มานานแล้วครับ"
แต่ยังไม่จบแค่นั้นนักสืบโซเชี่ยลยังตามต่อในอินสตาแกรมของเขาจนแน่ใจแล้วว่า
"ไฮโซไซรัสคือหวานใจคนล่าสุดของนางเอกซันนี่"
ตามนั้น...ฉันก็ไม่คิดปฏิเสธแต่ก็ยังไม่ยอมรับยิ่งมีข่าวยิ่งสงสัยยิ่งทำให้งานอีเวนต์เข้ามาแบบรัวๆ งานละครจ่อคิวยาวเป็นหางว่าวจนถึงปีหน้าอีกสามสี่เรื่อง
โอ๊ย...ฉันรวยเละอีกหน่อยคงมีเงินซื้อโรงงานของคุณพ่อคืนเป็นแน่
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ร้านกาแฟหยุดหนึ่งวันแต่ฉันก็ตื่นเช้าตามปกติตั้งแต่ตีสี่ดูคิวแล้ววันนี้มีงานเดินแบบตอนสายๆที่ห้างสยามพารากอน
"ไปเย่วซินดีกว่า...คิดถึงจัง"
@บริษัทเย่วซิน การ์เม้นท์จำกัด
ฉันจอดรถที่โรงจอดรถของทางร้านสำหรับลูกค้าสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์แต่งหน้าอ่อนๆพอมีสีสันเผื่อ FC จำหน้าได้ขอถ่ายรูปจะได้ตรงปก
ยืนมองห้องกระจกตกแต่งทันสมัยที่เปิดรับลูกค้าเข้ามาชอปปิงซื้อเสื้อผ้าต่างเดินเข้าออกไม่ขาดสาย
ภายในร้านมีสินค้ามากมายตามสมัยนิยมดูมีคลาสฉันหยิบเสื้อยืดมาหนึ่งตัวดูที่คอเสื้อยังใช้ยี่ห้อ Glossy เหมือนเดิมซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าที่ใช้มานานนับแต่ก่อตั้ง
"คุณหนูซัน..." ฉันหันไปตามเสียงเรียกมีไม่กี่คนที่เรียกแบบนี้
"คุณอัมพร..."
คุณอัมพรเป็นผู้จัดการหน้าร้านเก่าแก่เธอยังไม่ลาออกจากบริษัทนี้ด้วยวัยเลขสี่ปลายๆแต่ยังสวยพริ้งดุจเดิม ทันทีที่เราพบกันคุณอัมพรก็จูงมือฉันไปที่หลังร้านทันที
"สวัสดีค่ะ...คุณอัมพร"
"สวัสดีค่ะคุณหนู...คุณเต๋อกับคุณดารินสบายดีไหมคะ"
"สบายดีค่ะตอนนี้กลับไปอยู่เชียงใหม่แล้วค่ะ"
"ดีค่ะ..เชียงใหม่อากาศดีสุขภาพจะได้แข็งแรง"
"ค่ะ..คุณอัม"
"สวยจังเลยนะคะ…คุณหนูของอัม"
"ซันอุตส่าห์มาเงียบๆนึกว่าจะไม่มีใครจำได้ซะอีก"
"ได้...ได้สิคะอัมติดตามผลงานของคุณซันทุกเรื่องเลยนะคะ"
"ขอบคุณค่ะคุณอัม"
ฉันสืบความลับความเป็นไปของบริษัทนี้กับคุณอัมพรอยู่สักพักจึงขอตัวกลับไปทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะๆตามที่ตั้งใจไว้
เป้าหมายในชีวิต.....เย่วซินการ์เม้นท์
"เฮ้อ...พันล้านชาตินี้เมื่อไหร่จะได้เงินครบน้อ"
ฉันทอดถอนใจมองเข้าไปในโรงงานที่มีพนักงานเดินกันขวักไขว่รอบๆโรงงานได้รับการดูแลเป็นอย่างดีทาสีตึกใหม่สดใสจัดภูมิทัศน์สวยงามน่ามอง
"กลับดีกว่า...."
เมื่อได้เห็นกับตาว่าเจ้าของใหม่ดูเหมือนจะรักโรงงานดีไม่แพ้เจ้าของเดิมก็เบาใจ
@ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน
ครืด...ครืด..เสียงเรียกเข้าสมาร์ทโฟนดังขึ้น ฉันชะโงกดูที่หน้าจอก่อนรับ
เป็นเจ๊ท๊อฟฟี่......
ซันนี่: ค่ะ...ผู้จัดการคนสวย
เจ๊ท๊อฟฟี่:ถึงไหนแล้วค่ะเจ้านาย
ซันนี่: กำลังจอดรถค่ะ..ถึงแล้ว..เนี่ยถึงเลยจอดสนิท
เจ๊ท๊อฟฟี่: ดีค่ะ..เจ๊รออยู่นะคะ
ซันนี่: ค่ะ...บาย
ฉันรีบลงจากรถทันทีที่รถจอดสนิทคว้าแอร์เมสแล้วรีบก้าวเท้าไปที่จุดนัดพบตามโลเคชั่นที่เจ๊ท๊อฟฟี่ส่งมาให้
วันนี้เป็นการเดินแบบคอลเลคชั่นสไตล์เกาหลีแบรนด์ใหม่ที่เข้ามาตีตลาดวงการแฟชั่นไทย โดยใช้นางแบบชั้นแนวหน้าของเมืองไทยมีทีมงานจัดเตรียมเวทีระบบแสงสีเสียงกันขวักไขว่
"ทางนี้ค่าน้องซันนี่" พอไปถึงเจ๊ท๊อฟฟี่ก็ยืนสวยรอดักฉันทันที
"ค่ะ...ถึงแล้วค่ะ"
"เร็วค่ะ..รีบแต่งหน้า"
พอเข้าไปในโซนของนางแบบเริ่มมีทะยอยกันมาบ้างแล้วหนึ่งในนั้นคือ แฮนดี้ลูกครึ่งไทยเดนมาร์ก
ฉันถูกต้อนให้นั่งข้างแฮนดี้แบบช่วยไม่ได้ แต่ฉันไม่ทักก่อนเด็ดขาด แต่กับคนอื่นเราคุยกันดีมากตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอย
จวบจนเดินแบบเสร็จสิ้นทุกคนกำลังแยกย้ายกลับอยู่รอมร่อ จู่ๆเธอก็เดินมาหาแบบไม่เป็นมิตรท่ามกลางเพื่อนนางแบบร่วมอาชีพที่รอดูท่าทีทุกคนต่างไม่เคยรับรู้ว่ามีอะไรเคยเกิดขึ้นบ้างระหว่างเราข้างฉันมีเจ๊ท๊อฟฟี่อยู่เคียงข้าง
ถ้าแฮนดี้ตบ...งานนี้มีสองหนึ่ง ใครจะว่าหมาหมู่ก็ช่าง ทะเลาะกับคนบ้าก็ต้องใช้แรงมากกว่าถึงจะถูก
"พี่ซันนี่!...แอบกินคุณไซรัสของแฮนดี้ได้ไงทั้งๆที่รู้ว่าเราคบกัน" แฮนดี้ทบทวนเหตุการณ์จนแน่ใจว่านางเอกสาวรุ่นพี่จะต้องเข้ามีส่วนเกี่ยวข้องแทรกกลางระหว่างเธอกับไซรัสแน่นอน
สายตาทั้งสองสบกันแบบไม่มีใครยอมใคร เมื่อเธอเปิดมาแบบนี้จะให้ฉันนิ่งเฉยก็คงไม่เข้าทีฉันนึกในใจว่าได้...ได้สิแล้วพูดว่า "ยัง...ยังไม่ได้กินแต่อีกเดี๋ยวคงกินแหละ"
แฮนดี้: "อร้าย..อีหน้า ...."
ซันนี่:"หยุด.....บอกให้หยุดแล้วหุบปากเน่าๆซะ"
ซันนี่: "แต่พี่จะถามเธอนิดว่า......เขาเคยบอกกับใครไหมว่าคบกับเธอ"
แฮนดี้ "ไม่อ่ะ..ไม่เคย"
ฉันยังเป็นคนดีอยู่บ้างกระซิบที่ข้างหูว่า"เวลาที่นอนกับคุณไซรัสเสร็จแล้วเขาให้เงินไหม"
พอได้เห็นแฮนดี้ลังเลจึงกระแทกเสียงไปว่า "งั้นเธอก็...น่ะสิ"
แฮนดี้ทำตาเหลือกโกรธจัดร้องกรี๊ดออกมา เงื้อมือหมายจะตบหน้าฉันแต่โดนมิตรสหายห้ามเอาไว้
งานนี้เธอได้พักงานยาวแน่...แฮนดี้
"กลับกันเถอะค่ะเจ๊ท๊อฟฟี่...เสียเวลาชีวิต" ฉันพ่นพิษเสร็จแล้วก็เดินออกมาแบบสวยๆแบบสับพร้อมกับเพื่อนนางแบบกลุ่มนั้นไปชอปปิงเครื่องสำอางค์ที่เคาน์เตอร์แบรนด์ชั้นนำได้ส่วนลดกลับบ้านยิ้มแก้มปริกันทุกคนจากนั้นเราก็แยกย้าย
ตกลงว่าเลิกงานแล้วฉันกลับคอนโดเปลี่ยนชุดใหม่เพื่อไปฉลองวันเกิดเจ๊ท๊อฟฟี่ต่อที่ผับหรูย่านทองหล่อใกล้กับคอนโดที่ฉันพักรับเฉพาะเมมเบอร์
เมื่อเจ๊ท๊อฟฟี่เกิดอยากฉลองวันเกิดสี่สิบพอดิบพอดีที่ผับหรูย่านทองหล่อที่แพงอย่างกับอะไรดีนี่มันเงินน้ำพักน้ำแรงของฉันทั้งนั้นแล้วฉันเสียดายเงินห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง
"ซันนี่ว่า...เราเข้าวัดถือศีลดีกว่าไหมคะเจ๊ ทำบุญเสริมดวง"
"นี่...แม่ชีหนึ่งปีจะทำเพื่อเจ๊ซักวันไม่ได้หรือไง"
"เจ๊น่ะ...หอบหิ้วรองเท้าเสื้อผ้ากันผู้ชายให้สารพัด"
"ค่ะ..ก็ได้ค่ะ...ซันนี่ขอเลือกชุดก่อนนะคะ"
"เอาสีดำชุดที่ร้านส่งมาให้เธอใส่แล้วเซ็กซี่"
"ค่าาาา..."
@ ผับย่านทองหล่อ
โต๊ะVip ที่จองไว้พร้อมให้บริการแล้วทางผับยังใจดีส่งบอดี้การ์ดกล้ามใหญ่ไว้ให้สามคนและพนักงานชงเครื่องดื่มประจำโต๊ะให้อีกหนึ่งคน
เจ๊ท๊อฟฟี่มีเพื่อนในวงการมาด้วยสี่คนซึ่งล้วนเป็นสาวสองเซ็กซี่กินกันไม่ลงแต่งตัวหรูหรา เราคุ้นเคยกันดีรวมเจ๊เป็นห้าคนไม่บอกก็รู้ว่าวันนี้ต้องสนุกแน่ โชคดีที่ร้านนี้เป็นร้านนั่งชิลฟังเพลงเพราะๆ เจ๊แกก็มีอาหารตาดูเพลินไป
"ซันนี่ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ"
"เจ๊ไปเป็นเพื่อนไหม"
"ไม่เป็นไรค่ะ"
อีกโต๊ะหนึ่งของโซนVipไซรัสวันนี้เขามากับแก๊งค์ Business Friends ครบองค์ประชุมจึงมีเรื่องสนุกให้คุยกันมากหน่อยส่วนธุรกิจมีแค่นิดเดียวเท่านั้น
"ไซรัส...เราออกไปคุยกันข้างนอกแพรบนึงสิ" ปกรณ์หรือไฮโซกรที่นักข่าวชอบเรียกนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของโรงแรมย่านสาธร
"ได้สิครับ...เชิญ"
สองไฮโซพากันเดินออกไปอ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ส่วนคนที่นั่งในโต๊ะมองตามอย่างสงสัย
เมื่อได้มุมสงบพอคุยกันรู้เรื่องปกรณ์จึงเปิดฉากขึ้นก่อน "ไซรัสคุณสนใจคุณซันนี่เขาใช่ไหม"
"นายรู้"
"ใช่รู้...ฉันจะบอกให้นะซันนี่เขาเป็นผู้หญิงที่ดีมากนะ "
"เอาน่า..อย่าซีเรียสเลยฉันขอควงซักปีนึงแค่นั้น"
"เฮ้ย..ไซรัสทำไมพูดแบบนี้"
"ปกรณ์นายเลิกกับเขาแล้วจะหวงก้างทำไม"
"ฉันจะรอ...ขอคืนดี" ปกรณ์เดินจากไปทิ้งไซรัสไว้คนเดียวแบบนั้น
ไซรัสนึกในใจแค่ผู้หญิงคนเดียวผลัดกันชมนิดหน่อยไม่ได้เชียวหรือ ก็เลิกกันแล้วคนอื่นย่อมมีสิทธิ์
"อะไรของเขา...หวงไปได้"
ด้านซันนี่ด้วยความตาไวที่เห็นสองคนเดินมาทางนี้พอดิบพอดี เธอแค่อยากออกมาจากเสียงอึกทึกนั่นชั่วคราวเมื่อได้ฟังด้านมืดถึงกับไปไม่เป็นในสมองคิดหาวิธีแก้เผ็ดให้สาสม
"เดี๋ยวรู้กันคุณไซรัส...ว่าใครจะแน่กว่ากัน"
"คุณหรือฉันที่จะแพ้" คิดได้ดังนั้นจึงเดินเข้าห้องน้ำตบแป้งทาลิปสติกปัดแก้มอีกนิดใช้มือดันทรงให้เข้าที่แล้วเรดาร์หาว่าเขานั่งที่โต๊ะไหน วันนี้เธอใส่ชุดดำโชว์เนื้อโชว์หนังมันเด่นมากถ้าหากเดินเข้าไปใกล้ๆ
"คุณซันนี่.."
"คุณปกรณ์..." ฉันยิ้มให้เขา อย่างน้อยเขาคือคนแรกที่เห็นฉันก่อนในระยะไกล ส่วนคุณไซรัสมัวแต่ใช้สายตาส่องหาเหยื่อหิ้วกลับคอนโด
"อ้าว...คุณไซรัสก็มาด้วยเหรอคะ" ฉันแกล้งทักยิ้มให้แบบสวยๆ
"ครับ" เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแอบหวงชุดที่อยู่บนเรือนร่างเย้ายวนด้วยดีไซน์แขนกุดคล้องคอเปิดแผ่นหลังขาวเนียน สั้นจนเกือบจะเห็นข้างในอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเจ๊ท๊อฟฟี่ดูแลนางเอกสาวแบบนี้ได้อย่างไร
ด้านปกรณ์วันนี้เขาโชคดีมากที่ได้พบกับเธอจึงคิดเดินตามไปส่งนางเอกสาวถึงที่โต๊ะแบบกระตือรือร้น
"ผมไปส่ง"
"ค่ะ..คุณปกรณ์" ฉันยิ้มหวานให้เขายอมให้เขาใช้นิ้วมือแตะที่เอวเบาๆแล้วเดินคลอเคลียกันไป ที่จริงเขาก็ดีกับฉันมากนะ
หรือว่า....ฉันจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง
"ไอ้หมาหวงก้าง...." ไซรัสเดือดดาลโมโหจนลมออกหูสบถออกมาแบบพาลๆ กระดกเหล้าเข้มจัดรวดเดียวหมดแก้ว
@@@@@@@@
ออนไรท์