
ห้องทำงานชั้นบน ร้านกาแฟสำนักงานใหญ่ของภาคิน///
ก้อง (ผู้ช่วยส่วนตัว) เดินเข้ามาในห้อง พร้อมแฟ้มเอกสารบางอย่าง
ภาคินนั่งพิงเก้าอี้ มองออกไปที่หน้าต่าง สีหน้าครุ่นคิด
"คุณคิน...ช่วงนี้คุณดูแปลก ๆ นะครับ เหมือนมีอะไรในใจตลอด"
ภาคิน ถอนหายใจเบา ๆ
"ก้อง...ฉันอยากให้ช่วยอะไรสักอย่าง"
ก้อง เลิกคิ้ว
"แน่นอนครับ บอกมาได้เลย คุณอยากให้ผมตามหาคู่แข่งร้านกาแฟ หรือธุรกิจใหม่ของบริษัท?"
ภาคิน ส่ายหน้า ยิ้มบาง ๆ "ไม่ใช่เรื่องธุรกิจ...แต่เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง"
ก้องพยักหน้า แต่ก็ถามอย่างเป็นห่วง
"ถ้าให้ผมสืบเรื่องส่วนตัวของเธอ...จะไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ? "
"ฉันไม่ต้องการล่วงเกินชีวิตเธอ...แค่จะหาทางเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ ในจังหวะที่เธอพร้อมจะเปิดใจ ไม่ใช่ยัดเยียด"
ก้องพยักหน้ารับ เข้าใจในน้ำเสียงหนักแน่นของเจ้านาย
/////ที่ผ่านมา ผมก้าวตามเธอ/////
วันที่ผมรู้ว่าพาฝันกำลังทำอะไรอยู่...ผมยอมรับเลยว่าผมประทับใจเธอมากกว่าเดิมหลายเท่า
ก้องเอาข้อมูลที่สืบมาให้ผม—
เธอได้ทุนเรียนปริญญาโทในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ และไม่ใช่เพราะอยากมีชื่อเสียงหรือความหรูหรา แต่เพราะเธอมีความฝันชัดเจน
พาฝันอยากเป็นข้าราชการตุลาการ เหมือนคุณพ่อของเธอ
ตอนที่ผมอ่านประโยคสั้น ๆ นั้นในแฟ้ม ข้างในผมรู้สึกเหมือนถูกเขย่าแรง ๆ ..//><
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีดีแค่ความเก่งหรือความฉลาด
แต่เธอมี “หัวใจที่มั่นคง” กว่าคนทั่วไปมากนัก
คืนถัดมา ผมนั่งคุยกับพ่อที่ห้องทำงานใหญ่ของบ้าน
"พ่อครับ...ผมมีเรื่องอยากขอ"
พ่อ เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร
"เรื่องอะไรล่ะคิน? ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจอสังหาฯ ตอนนี้พี่ชายลูกดูแลอยู่แล้ว"
ผม ส่ายหัว
"ไม่ใช่เรื่องอสังหาฯ ครับ...ผมอยากขยายธุรกิจร้านกาแฟของเรา ไปเปิดสาขาใหม่ในย่านมหาวิทยาลัยที่หนึ่ง ผมคิดว่าคงไปได้ดี"
พ่อเลิกคิ้ว
"มหาวิทยาลัย...? นี่ลูกกำลังคิดอะไรอยู่ภาคิน
"ผมอยากเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจที่นั่นเหมือนกันครับ...แล้วก็อยากทำให้ร้านกาแฟของเราเป็นที่พักพิงของนักศึกษาที่มีความฝัน ไม่ใช่แค่สถานที่ขายกาแฟ"
พ่อนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
"แต่ลูกก็จบปริญาตรีด้านธุรกิจต่างประเทศ จะมาเรียนในเมืองไทยอีกทำไม ?
พ่อถามด้วยความงุนงง
เพราะลูกชายทั้งสองถูกส่งไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่จบชั้นมัธยมต้น
"เอาสิ บางทีทางที่ลูกเลือก อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ครอบครัวเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ"
"ขอบคุณครับพ่อ" ผมยิ้มทั้งนอกและในใจแทบปริ
ผมกลับไปที่สำนักงานในคืนนั้น ใจเต้นแรงกว่าที่เคย
—เพราะผมรู้แล้วว่าเส้นทางของผมต่อจากนี้...ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟ
แต่คือการได้ “ก้าวไปอยู่ข้าง ๆ พาฝัน”
ในโลกที่เธอกำลังสร้างขึ้นด้วยความตั้งใจ
และผมก็สัญญากับตัวเองว่า..
ต่อให้เธอยังไม่พร้อมมองผมในฐานะคนพิเศษ
แต่ผมจะอยู่ตรงนั้นเสมอ อยู่ใกล้พอที่เธอจะเห็น
ว่ามีใครสักคนพร้อมจะเดินไปกับเธอ
-----
เสียงพลิกหน้ากระดาษแผ่วเบา
ดังสลับกับลมหายใจที่ไม่เป็นจังหวะของเขา
ทุกครั้งที่เธอยืนอยู่ตรงนั้น
-—ในห้องสมุดที่แสนสงัด—-
มันเหมือนโลกทั้งใบกลายเป็นกรงขังที่บีบหัวใจให้แน่นขึ้นเรื่อย ๆ
เขารู้ตัวดีว่าเธอไม่เคยหันมามอง
รู้ดีว่าเธอมีคนในใจอยู่แล้ว…
ชายหนุ่มนักศึกษาป.โท ที่คอยเดินมาส่งเธอหลังเลิกเรียนเป็นประจำ
ภาพนั้นยังตามหลอกหลอนอยู่ในมุมความคิด แม้พยายามอ่านหนังสือเท่าไร ก็กลับอ่านไม่เคยเข้าใจ
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังเลือกนั่งโต๊ะเดิม เวลาเดิม
เพียงเพื่อรอเธอเดินเข้ามา แม้จะได้แค่เฝ้ามองจากไกล ๆ ก็ตาม
//////หัวใจมันทรมานอย่างประหลาด///////
—เหมือนกำลังทำร้ายตัวเองทุกครั้งที่เห็นเธอหัวเราะกับใครคนนั้น
แต่เขาก็ไม่เคยหยุด ไม่เคยเลิกแอบหวังว่าซักวันหนึ่ง...เธออาจเหลือบมองมาที่เขาบ้าง
ทว่าลึก ๆ แล้ว เขาก็รู้ดีว่า..... ความหวังนั้นอาจไม่เคยเกิดขึ้นเลยตั้งแต่ต้น.
ไม่นาน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังใกล้เข้ามา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น…แล้วโลกทั้งใบก็หยุดหมุน
“เอ่อ…ขอโทษนะ”
เสียงหวานนุ่มเอ่ยขึ้น เธอยืนอยู่ตรงหน้า ใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเส้นผม
“พอดีว่า..เออ..ฉันลืมเอาปากกามา ถ้าจะรบกวนขอยืมใช้ของคุณหน่อยพอจะได้ไหมคะ?”
มือของเขาแข็งทื่ออยู่ชั่วขณะ ก่อนจะรีบหยิบปากกาสีดำที่วางบนโต๊ะ ยื่นให้ทั้งที่ปลายนิ้วสั่นน้อย ๆ
“อ๋อ…ได้ครับ” เสียงเขาเบากว่าที่คิด ราวกับกลัวทำลายบรรยากาศเงียบสงบ
เธอยื่นมือมารับ นิ้วเรียวยาวสัมผัสกับมือเขาเพียงเสี้ยววินาที แต่กลับทิ้งร่องรอยร้อนวาบไว้ในหัวใจ
“ขอบคุณนะ” เธอยิ้มบาง ๆ
เพียงแค่นั้นเอง แต่สำหรับเขา มันกลับเป็นรอยยิ้มที่ตราตรึงกว่าภาพใด ๆ ที่เคยเห็น
เขาเฝ้ามองเธอเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ รู้สึกเหมือนปากกาธรรมดาด้ามนั้นเพิ่งกลายเป็นของมีค่าที่สุดในโลก
///////////////////////
ภาคิน ลูกชายคนที่สองของบ้าน "กฤตยานนท์" ครอบครัวของผมมีชื่อเสียงพอสมควร
พ่อกับแม่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน มีเงินทอง มีชื่อเสียง มีคนรู้จักมากมาย
ผมมีพี่ชายหนึ่งคน เขาสมบูรณ์แบบในสายตาทุกคน เก่ง ฉลาด มุ่งมั่น และพร้อมจะสืบต่อกิจการ ผมจึงกลายเป็น "ลูกชายคนรอง" ที่ไม่ค่อยถูกคาดหวังมากนัก อาจเพราะแบบนั้น...ผมเลยมีโอกาสเลือกเส้นทางของตัวเอง
ตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย ผมชอบนั่งอ่านหนังสือในร้านกาแฟเล็ก ๆ ชอบบรรยากาศกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟยามเช้า ชอบความอบอุ่นเวลาคนเข้ามาแล้วได้นั่งพักผ่อน
-- จนสุดท้าย ผมตัดสินใจเปิดร้านของตัวเอง --
"ภาคิน...ลูกไม่จำเป็นต้องเหนื่อยหรอก ธุรกิจของบ้านเราก็มีพร้อมแล้ว"
ชายผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ลูกชายคนอื่น ๆ เขามุ่งไปข้างหน้า ทำไมลูกต้องเลือกเปิดร้านเล็ก ๆ แบบนี้?" แม่คัดค้าน
ผมตอบพวกท่านไปด้วยรอยยิ้ม
"บางครั้ง ความสุขมันไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะยิ่งใหญ่แค่ไหน...แต่อยู่ที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารักจริง ๆ"
ผมคิดว่า ความถ่อมตัวไม่ใช่การทำตัวต่ำต้อย
แต่มันคือการไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร และใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากเป็นจริง ๆ
และบางที...โชคชะตาก็อาจกำลังใช้ร้านกาแฟเล็ก ๆ นี้ เป็นสะพานพาผมไปพบใครบางคน ที่สำคัญกว่าทุกธุรกิจใหญ่โตในโลกใบนี้ก็เป็นได้

