น่าสนใจ
รถยุโรปสีดำเลี้ยวเข้ามาจอดในบ้านเดี่ยวสองชั้นสไตล์คอนเทมโพลารี่ นรสิงห์หรือหมอสิงห์ ก้าวลงจากรถด้วยท่าทีสง่างาม เสื้อเชิ้ตสีเข้มที่ถูกพับแขนขึ้นดูผ่อนคลาย เส้นผมดำขลับถูกจัดทรงอย่างเรียบร้อย แม้จะเพิ่งเสร็จงานที่โรงพยาบาลแต่เขาก็ยังคงดูเนี้ยบและเคร่งขรึมอยู่เสมอ
เขาคือศัลยแพทย์ประสาทที่เพิ่งกลับจากอเมริกาหลังจากไปเรียนต่อและทำงานที่นั่นจนมีชื่อเสียง คุณหมอหนุ่มย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านใหม่หลังนี้ได้ไม่นาน ชีวิตของเขาถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบตามตารางที่วางไว้ 34 ปีของเขาไม่มีคำว่าหลุดหรือผิดแผน
เขาเปิดตู้เย็นหยิบน้ำแร่เย็นเฉียบออกมาดื่ม ก่อนจะเดินไปยังห้องทำงานที่เต็มไปด้วยตำราและเอกสารทางการแพทย์ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏหน้าจอก็รีบกดรับสายทันที
“ว่าไงทิว ราวน์เสร็จแล้วเหรอ”
“เพิ่งเสร็จ นายอยู่ที่ไหน ราวน์เสร็จหรือยัง” ทิวากรหรือหมอทิวคุณหมอหนุ่มประจำแผนกศัลยกรรมทั่วไปเพื่อนสนิทของนรสิงห์ถามกลับ
“เสร็จแล้วเพิ่งกลับมาถึงคอนโด”
“เฮ้ย!....จะรีบกลับไปคอนโดทำไม ออกมาดื่มกันไหม คืนอาทิตย์นี่ฉันไม่มีเวรคอนซัลนายก็เหมือนกันใช่ไหม” ทิวากรหมายถึงเวรให้คำปรึกษาซึ่งถ้าเป็นเวรในความรับผิดชอบของตัวเองก็จะต้องสแตนด์บายตลอดเวลา
“ไม่มี แต่นี่ยังหัวค่ำเลยนะ จะดื่มตั้งแต่ตอนนี้เหรอ”
“ก็ดื่มไปคุยไปไง เดี๋ยวฉันรอที่เดิมนะ”
“อือ เดี๋ยวจะตามไปนะ”
นรสิงห์วางสายแล้วก็รีบเดินเข้าห้องน้ำก่อนจะขับรถออกมายังผับหรูกลางกรุงที่สุรัชเพื่อนสนิทของเขาเป็นเจ้าของ เพื่อนส่วนใหญ่ของเขาเป็นหมอหรือไม่ก็อาจารย์จะมีก็แค่สุรัชที่ทำงานต่างจากคนอื่นแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
นรสิงห์มาถึงผับของสุรัชในเวลาต่อมา บรรยากาศในผับเต็มไปด้วยเสียงดนตรีคึกคักและนักท่องเที่ยวที่พากันมาผ่อนคลายหลังจากทำงานหนักมาตลอดทั้งสัปดาห์
คุณหมอหนุ่มเข้ามาถึงก็รีบตรงไปยังมุมประจำของเขาที่อยู่บริเวณชั้นสองซึ่งเป็นโซนของลูกค้าวีไอพี
“นั่งสิ เอาเหมือนเดิมไหม”
“อือ
“เดี๋ยวให้เด็กขึ้นมาดูแลนะ”
“ขอบใจนะ นายไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นเถอะ”
“อือ เดี๋ยวถ้าว่างจะมาคุยด้วย นายสองคนคุยกันไปก่อนนะ”
“งานยุ่งไหม” ทิวากรเริ่มชวนคุยเพราะตั้งแต่เพื่อนย้ายมาหนึ่งเดือนก็แทบไม่ค่อยได้คุยกันเลย
“พอตัวเลย คนไข้มาจากไหนก็ไม่รู้ มีผ่าตัดเกือบทุกวัน”
“ก็นายมันหมอชื่อดังจากอเมริกานี่หว่า โรงพยาบาลเขาซื้อตัวนายมาแล้วก็ต้องใช้นายให้คุ้ม” ทิวากรหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก
“ก็คงงั้น นายล่ะ ได้ข่าวว่าวันหนึ่งก็ผ่าหลายรายนี่”
“แต่ฉันก็ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน ไม่เหมือนหมอสมองอย่างนายที่ผ่ามีลากยาวหลายชั่วโมง”
“ก็งานมันละเอียดนี่ แต่อย่าคุยเรื่องงานเลย”
นรสิงห์กวาดมองไปรอบ ๆ แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินถือเครื่องดื่มไปให้แขกอีกมุมหนึ่งของผับ เธอดูแตกต่างจากพนักงานคนอื่น ๆ ที่เขามักจะเห็น เธอสวมชุดเดรสขาว ไม่เปิดเผยเนื้อหนังมากเกินไป แต่ก็ดูโดดเด่นสะดุดตาอย่างน่าประหลาด เธอสวยสะกดสายตาเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ใบหน้าของหญิงสาวสวยหวาน ดวงตากลมโตมีความกังวลฉายอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเธอส่งยิ้มให้กับลูกค้าในโต๊ะที่เดินผ่าน รอยยิ้มนั้นกลับสดใสท่ามกลางความมืดมิดของผับ
เขาจ้องมองหญิงสาวไม่วางตา ท่าทีเคร่งขรึมหายไปมีเพียงแววตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ เขามองตามเธอที่เดินไปรับออเดอร์ ไปเสิร์ฟเครื่องดื่มและกลับมาที่เคาน์เตอร์
“มองอะไรวะสิงห์” สุรัชที่ดูแลลูกค้าเสร็จแล้วขึ้นมาคุยกับเพื่อนต่อ
“ก็มองทั่ว ๆ ไป คืนนี้คนเยอะดีนะ ดูไม่น่าเบื่อเลย”
“ดีแล้ว ผับฉันไม่ทำให้นายเบื่อแน่ คืนนี้มีเด็กใหม่มาทำงานด้วยสวยใช้ได้เลยล่ะ”
คำว่าเด็กใหม่ทำให้เขาหันไปมองผู้หญิงคนเดิมอีกครั้ง เธอถูก ลูกค้าเรียกไปพูดคุย แต่ดูเหมือนดูไม่คุ้นกับบรรยากาศรอบตัวเลยสักนิดและนั่นเองที่ทำให้นรสิงห์รู้ว่าเธอคือเด็กใหม่ที่เพื่อนพูดถึง
“คนนั้นชื่อพรีมไงที่ฉันพูดถึง อายุยี่สิบเอ็ดเป็นเด็กดริ๊งค์ใหม่ของร้าน นายสนใจเหรอ?” สุรัชเห็นท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาออก
“ก็ดูน่าสนใจดีนะ”
สายตาของนรสิงห์ไม่ละจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว
เขายกแก้วเหล้าขึ้นจรดริมฝีปากก่อนจะพูดออกไปตามที่ต้องการ
“เรียกเธอมานั่งด้วย”
“แน่ใจนะ หมอแบบแกจะเล่นกับเด็กพวกนี้เหรอ?” สุรัชถามอย่างไม่แน่ใจ
“อยากคุย” เขาตอบสั้น ๆ แต่แฝงบางอย่างในน้ำเสียง
ไม่กี่นาทีต่อมา เด็กสาวคนนั้นก็ถูกพามาที่โต๊ะ เสียงหัวใจเธอเต้นแรงเมื่อเห็นชายตรงหน้าที่นั่งนิ่งแต่มีรัศมีบางอย่างที่ทำให้เธอต้องหลบตา
“นี่เพื่อนฉันชื่อสิงห์” สุรัชแนะนำ
“สวัสดีค่ะคุณสิงห์ หนูพรีมค่ะ” เธอเอ่ยเสียงเบา ยิ้มบาง ๆ แบบที่ฝืนให้ดูเป็นมืออาชีพที่สุด
“นั่งสิ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ฝากดูแลเพื่อนฉันด้วยนะ”
“ได้ค่ะคุณสุรัช” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้มหวาน
ทั้งสุรัชและทิวากรมองตากันก่อนละลุกขึ้นและย้ายลงไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์เพราะอยากให้นรสิงห์คุยกับหญิงสาวตามลำพัง
“เรียนอยู่หรือเปล่า?”
“ค่ะ... ปีสามค่ะ อีกไม่กี่เดือนก็จะขึ้นปีสี่”
“ทำงานที่นี่นานหรือยัง”
“เพิ่งวันแรกค่ะ”
“อืม... ดูออก” นรสิงห์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ดวงตายังจับจ้องหญิงสาวไม่ละไปไหน
“เด็กเกินกว่าจะอยู่ที่นี่” เขาพูดเบา ๆ
“ไม่มีใครอยากออกมาทำงานในเวลาที่ควรจะนอนอยู่บ้านแบบนี้หรอกนะคะ”
“เธอมีความจำเป็นอะไรเหรอ”
“คุณหมออย่ารู้เลยค่ะ ทุกคนที่มาเที่ยวที่นี่ก็อยากมาผ่อนคลาย มาหาความสุข อย่าเอาเรื่องของพรีมไปกวนใจคุณเลยนะคะ” หญิงสาวไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวไปเล่าให้คนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกฟัง
“ฉันเข้าใจ แล้วงานที่นี่โอเคไหม”
“ก็ดีค่ะ พรีมเพิ่งมาทำคืนแรกเลยยังไม่คล่องเท่าไหร่ แต่อีกหน่อยก็คงดีขึ้น คุณหมอล่ะคะมาเที่ยวที่นี่บ่อยไหม”
“ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่”
บทสนทนาของทั้งสองเป็นเรื่องทั่ว ๆ นรสิงห์คุยกับหญิงสาวไม่นานสุรัชก็เรียกให้เธอไปคุยกับแขกท่านอื่นต่อ