ตอนที่ 1 ความเจ็บปวด

1837 คำ
หลันจิวฮวาโฉมสะคราญผู้อาภัพโชค เมื่อโชคชะตาไม่เป็นใจและกำลังล้อเล่นกับชีวิตน้อยๆ ของนางที่ต้องพบเจอกับเดรัจฉานทั้งห้า ร่างอรชรพริ้มหลับตาลงอย่างขมขื่น พลางคิดในใจว่าหากนางผ่านพ้นราตรีนี้ไปได้ นางจะตัดสินใจปลิดชีพตัวเองให้ตายเสีย ในเมื่อสวรรค์ไร้ตา ก็ปล่อยให้นางถูกย่ำยีให้ตายไปเสียเถอะ สายลมยามราตรีหอบหนึ่งพัดวูบผ่านใบหน้างามคล้ายกับกำลังปลอบปละโลมกับโชคชะตาของหญิงสาว หยาดน้ำตาหนึ่งหยดไหลไปตามหางตาช้าๆ ด้วยความระทมทุกข์ “แม่นางน้อย ข้าสัญญาว่าจะอ่อนโยนกับเจ้า” ชายที่มีฟันเหยินก้มลงกระซิบข้างใบหูร่างแน่งน้อยที่กำลังสั่นเทาดั่งนกน้อยตกน้ำช้าๆ “ครั้งแรกไม่เจ็บอย่างที่เจ้าคิดหรอก” ลิ้นสากระอุเลียไปที่ใบหน้าเนียนช้าๆ ราวกับชิมอาหารเลิศรสก็ไม่ปาน คำพูดอันแสนโสมมของชายกักขฬะทำเอาร่างอรชรสั่นสะท้านไปทั้งตัว ดวงตาคู่งามไหวระริกไปมา “ชั่วช้า เลวทราม สัตว์เดรัจฉานเช่นพวกเจ้า...อ๊า!!!” หลันจิวฮวายังไม่ทันได้พูดจบ นางก็ถูกชายฟันเหยินกัดใบหูอย่างรุนแรง ก่อนที่ลิ้นสากร้อนของมันจะชอนไชรูหูของนางด้วยความชอบใจ  “เจ้า!!!” หญิงสาวถึงกับตัวแข็งทื่อและรู้สึกสั่นสะทานไปทั้งตัว ความรู้สึกแปลกใหม่เช่นนี้ทำให้หลันจิวฮวาไม่เป็นตัวของตัวเอง เสียงแหบพร่าของเดรัจฉานฟันเหยินพร่ำกระซิบอย่างพอใจ “แม่นางน้อย...เหตุใดเจ้าถึงได้หวานล้ำถูกใจข้านัก” มันไม่พูดเปล่า มือหยาบกร้านฉีกทึ้งอาภรณ์ของนางในทันที ท่าทางของมันหื่นกระหายราวกับสัตว์ป่าที่หิวโซ “ไม่นะ! ปล่อยข้า!” ร่างบอบบางดีดดิ้นไปมาอย่างขัดขืน แต่ไม่ว่านางจะพยายามเช่นไรก็เปล่าประโยชน์ เพราะเดรัจฉานทั้งห้าช่วยกันรุมฉีกทึ้งเสื้อผ้าของโฉมงามจนขาดไม่มีชิ้นดี เสียงกรีดร้องปานจะขาดใจของหลันจิวฮวาดังก้องไปทั่วผืนป่า แต่เดรัจฉานทั้งห้าหาได้ใส่ใจไม่ พวกมันจับแขนขาของนางตรึงไว้ไม่ยอมปล่อย “ฮ่าๆ ฮวาเอ๋อร์ ราตรีนี้พวกข้าจะมอบความสุขให้เจ้าได้อิ่มหนำใจเลยล่ะ” มือหยาบกร้านของเดรัจฉานฟันเหยินค่อยๆ ลูบไล้ไปทั่วผิวกายขาวเนียนอย่างหื่นกระหาย ตั้งแต่แก้มขาวเนียนไล่ลงมาจนถึงลำคอระหง และไล่ต่ำลงมาถึงเนินอกสวยอวบอิ่มก่อนจะหยุดชะงัก เสียงกลืนน้ำลายของเดรัจฉานทั้งห้าดังเอื๊อก ดวงตาทั้งห้าคู่เป็นประกายเมื่อเห็นยอดถันชูชันแข็งเป็นไต “งาม...งามเหลือเกิน จนข้าแทบจะทนไม่ไหวแล้ว…” ชายหัวล้านพูดพลางเลียริมฝีปากไปพลาง “ใช่ๆๆ พวกข้าแทบจะรอไม่ไหวแล้วนะลูกพี่ ขอข้าจัดการกับแม่นางผู้นี้ก่อนท่านได้หรือไม่?” ชายหน้าบากพูดเสริม ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความหื่นกระหายอย่างปิดไม่มิด “ฮ่าๆ ใจเย็นๆ สิหานตง รอข้าเชยชมนางเสียก่อน แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้ากลืนกินนางให้หนำใจเลยเชียว” ชายกักขฬะฟันเหยินแสยะยิ้มอย่างพอใจ ในฐานนะที่ตนเองเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาต้องได้เชยชิมนางก่อนอยู่แล้ว “ไอ้พวกสวะ เลวทรามต่ำช้า ข้าขอสาปแช่งให้พวกเจ้าไม่ตายดี ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์พวกเจ้า!” ร่างแน่งน้อยดิ้นรนและขัดขืนอย่างสุดชีวิต นัยน์ตาคู่งามจ้องมองสัตว์เดรัจฉานทั้งห้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก็ไม่ปาน “ดี! ดี! พูดได้ดี พวกข้ามีรางวัลให้” ดวงตาหยักยิ้มของชายฟันเหยินมองไปที่ลูกน้องของพวกมันอีกสี่คนเป็นเชิงนัย สายตาอีกสี่คู่หยักยิ้มอย่างรู้กัน ไม่รอช้าชายหน้าบากที่มีรูปร่างบึกบึนที่สุดในกลุ่มรีบดึงกางเกงของมันลง ก่อนจะชูท่อนเอ็นแข็งขึงออกมารับลมในทันที มันค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นราวกับรับรู้ความรู้สึกของผู้เป็นนาย ฉับพลันชายหน้าบากที่มีนามว่าหานตงก็จับแท่งเอ็นแข็งของมันยัดใส่ปากจิวฮวาอย่างเลวทราม ใบหน้างามถึงกับตาค้างเมื่อมีสิ่งประหลาดแทรกเข้ามาในช่องปากของตนกะทันหัน “อื้อออ...” ดวงตาคู่งามจ้องเขม็งอย่างหวาดกลัว “ฮ่าๆ ลูกพี่ ปากของหญิงสาวบริสุทธิ์นี่ช่างคับแน่นได้ใจข้าจริงๆ ไม่เสียแรงที่พวกเราอุตส่าห์ไล่ต้อนนางมาถึงที่นี่” เดรัจฉานหน้าบากแสยะยิ้มร่าอย่างไม่อายฟ้าดิน มันทั้งบีบบังคับและเบียดบังท่อนเอ็นร้อนๆ ใส่ปากหลันจิวฮวาอย่างย่ามใจ แถมยังแทงเข้าแทงออกจนเกิดเสียงแจะๆ จนฉ่ำน้ำ “ดี! พวกเจ้าอย่ารุนแรงกับนางมากล่ะ เดี๋ยวนางจะช้ำมือเสียก่อน ฮ่าๆๆๆ” เดรัจฉานฟันเหยินสั่งการลูกน้องเสร็จสรรพ มันก็จัดการถลกกางเกงของมันลงในทันที แสงจันทร์สาดส่องกระทบเจ้างูลำตัวดำที่นอนหลับใหลปลุกให้มันลืมตาตื่นขึ้น! “อ่าห์...ซี๊ดดด” ชายฟันเหยินถึงกับซี๊ดปากเสียงดังด้วยความกระสันครั่นไปทั้งตัว “อื้อ…” หลันจิวฮวาถึงกับร้องลั่นอย่างหวาดกลัว แต่เสียงที่ดังออกมากลับอู้อี้ดังแค่ในลำคอเท่านั้น หยาดน้ำตาหยดไหลเป็นทางยาว หัวใจของนางเต้นเร่าๆ แทบจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอกเสียให้ได้ “ครั้งแรกไม่เจ็บหรอกนะคนงาม ข้าสัญญาว่าจะค่อยๆ ไม่รุนแรงกับเจ้า ฮ่าๆ” ชายฟันเหยินแสยะยิ้มอย่างย่ามใจ ก่อนจะค่อยๆ จับอาวุธประจำกายพร้อมออกศึก “อื้อ!!!” ดวงตาคู่งามแข็งขึงอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ว่าร่างกายของนางจะถูกสัตว์เดรัจฉานพวกนั้นตรึงเอาไว้ แต่หลันจิวฮวาก็ยังคงพยายามฝืนแรงเฮือกสุดท้ายขัดขืนดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉับพลันเกาทัณฑ์ปริศนาลอยมาตามสายลม ก่อนที่คมของมันจะปักร่างเดรัชฉานทั้งห้าตายคาที่ในทันที เสียงสายลมยามราตรีพัดมาเป็นระรอกคลื่นเฉกเช่นเดิม ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นคือร่างไร้วิญญาณที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้นเสมือนรูปปั้นขี้ผึ้งก็ไม่ปาน หากไม่เพ่งเล็งมองอย่างตั้งใจคงคิดว่าเป็นหุ่นแน่แท้ ความเงียบสงบกลับคืนมาอีกครั้ง แสงจันทร์ยามรัตติกาลยังคงสาดส่องมาเฉกเช่นเดิม ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงความฝันเพียงตื่นหนึ่ง หลันจิวฮวาได้แต่นอนแน่นิ่งแข็งค้างราวกับหุ่นไม้ ดวงตาคู่งามยังคงฉาบด้วยหยาดหยดน้ำตาราวกับน้ำค้างยามรุ่งอรุณ ใสสดแต่ทว่ากลับหมองหม่นด้วยหมอกยามเช้าตรู่… ร่างบอบบางสั่นระริกราวกับนกน้อยพลัดรัง ความหวาดกลัวก่อนหน้านี้ยังคงหลอกหลอนหญิงสาวราวกับภาพฝัน ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นความจริง ทุกอย่างมันคือความจริง....หาใช่ภาพฝันไม่ พวกมัน....ตายแล้วจริงๆ ใช่หรือไม่? สัตว์เดรัจฉานพวกนั้น...ตายแล้วจริงๆ หรือ? ข้าไม่ได้กำลังหลับฝันอยู่ใช่ไหม!? “สวรรค์...ในที่สุด...พวกมันก็...” ตาย ฮ่าๆ พวกมันตายแล้ว.... ริมฝีปากบางที่เต็มไปด้วยรอยปริแตกจากการทารุณค่อยๆ เขยิบคลี่ยิ้มบางออกมาช้าๆ ในที่สุดสิ่งที่หญิงสาวพยายามมาตลอดหลายชั่วยามที่ผ่านมาก็เป็นผล พวกคนสารเลวพวกนั้นมันตายไปแล้วจริงๆ ฮ่าๆ ตายไปแล้วจริงๆ ร่างบอบบางที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ยังคงหัวเราะร่าราวกับสตรีวิปลาส นี่ข้าเพิ่งจะผ่านสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมาหรือ? ทว่า...ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างกลับผ่านไปอย่างง่ายดาย ที่จริงแล้วชีวิตคนเรามันก็เป็นเช่นนี้เองหรือ? ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยสักอย่าง แม้แต่เศษเสี้ยววินาทีที่ความตายมายืนรอเราอยู่ตรงหน้าเพียงแค่เอื้อม ที่จริงแล้วมีอะไรที่เที่ยงแท้แน่นอนบ้าง หรือว่าไม่มีอะไรเลย... “ฮ่าๆ ช่างน่าขำเหลือเกิน น่าขำจริงๆ” แม้ว่าความเจ็บปวดจากขาทั้งสองข้างจะค่อยๆ บั่นทอนชีวิตและเรี่ยวแรงของหลันจิวฮวาให้ค่อยๆ ถดถอยลงทีละนิดๆ แต่หญิงสาวกลับยังคงหัวเราะลั่นกับโชคชะตาที่นางเพิ่งจะพานพบ โดยไม่รู้เลยว่ามีดวงสีนิลคู่หนึ่งแอบมองหญิงสาวอยู่เงียบๆ ผ่านม่านราตรีกาล “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตของข้าจะน่าขันถึงเพียงนี้ กลายเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็กยังไม่พอ เกือบจะโดนผู้อื่นย่ำยีจนไม่เหลือแม้แต่ศักดิ์ศรีให้น่าภาคภูมิใจ ที่จริงแล้วข้าทำอะไรผิดกันแน่ สวรรค์! ข้าทำผิดอันใดกัน ทำไม! ทำไมท่านถึงได้ใจร้ายใจดำกับข้าเช่นนี้! เหตุใดท่านถึงได้กระทำย่ำยีชีวิตข้าให้ไม่เหลือแม้แต่ความภาคภูมิใจ…ที่ผ่านมา....ข้ายังไม่เจ็บปวดมากพอหรือ? หรือว่าท่านต้องการให้ข้าตายทั้งเป็นถึงจะสาสมใจ ฮ่าๆ ข้าต้องตายทั้งเป็นสินะท่านถึงจะสาสมใจ เพราะตอนนี้ชีวิตข้ามันก็เหมือนตัวโง่งมที่แสนไร้ค่าอย่างที่ท่านต้องการ...ใช่หรือไม่!?” คำตัดพ้อต่อว่าต่างพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากบางแห้งเกรอะกรังที่เต็มไปด้วยรอยปริแตกอย่างน่าเวทนา ดวงตาคู่งามที่เคยเฉิดฉายงดงาม ทว่าตอนนี้กลับอับแสงราวกับโดนคลื่นลมพายุสาดซัด ความสดใสที่เคยมีก่อนหน้านี้กลับถูกหยาดหยดน้ำตาบดบังจนหมดสิ้น อิสรภาพ ชีวิตที่ซึ่งปราศจากอดีตที่ขมขื่นอย่างที่นางวาดฝันก่อนหน้านี้....มันจบสิ้นไปหมดแล้ว ต่อจากนี้ไปคงจะเหลือไว้เพียงหมอกเมฆดำเท่านั้นที่คอยตามติดชีวิตหญิงสาวไปตลอดทุกชั่วยามที่นางยังคงลืมตาและหายใจ… “กาลเวลาไม่เคยเปลี่ยนอันใดได้เลย แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปก็ตาม...” รอยยิ้มที่แสนขมขื่นยังคงสะท้อนกับแสงจันทร์ยามราตรีกาล ราวกับจะบอกมันว่าข้าเหนื่อยเหลือเกิน สติสัมปะชัญญะอันเลือนรางของหญิงสาวกำลังร่ำร้องตะโกนอยู่ในใจในเวลาที่สิ้นหวังที่สุดของชีวิต ข้าคาดหวังอันใดกับชีวิตหรือ? ชีวิตของคนเรามีสิ่งใดที่น่ากลัวหรือ? สุดท้ายทุกคนล้วนมีจุดจบเดียวกันคือความตายมิใช่หรือ? เป็นเพราะข้าที่ยึดมั่นถือมั่นกับการวาดหวังในอนาคตมากไปใช่ไหม? ข้าถึงได้เจ็บปวดถึงเพียงนี้…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม