หลังจากณนนท์พามินตราตรวจร่างกายเมื่อวันก่อนหญิงสาวก็เก็บตัวเงียบ คล้ายมีบางอย่างให้ครุ่นคิดเพียงลำพัง ชายหนุ่มเองก็มีงานใหญ่เร่งด่วน จึงไม่มีเวลาคอยดูแลหญิงสาวนัก โดยเฉพาะหลังๆ มานี้ กว่าเขาจะกลับหล่อนก็นอนหลับ และกว่าหล่อนจะตื่นเขาก็ออกจากบ้านแล้ว จึงกลายเป็นว่าการใช้ชีวิตระหว่างหล่อนและเขาค่อนข้างจะสวนทางกันอยู่...
สาเหตุที่ทำให้มินตราเก็บตัวนั่นเป็นเพราะความกังวลใจ และครุ่นคิดหาทางออกเรื่องการตั้งครรภ์ แต่ยิ่งคิด กลับยิ่งกลัดกลุ้มและมืดมน...
เสียงเอ่ยทักทายเสียงพูดคุยทำให้เท้าเล็กเรียวของมินตราชะงักอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย แต่เมื่อได้ยินชัดจึงค่อยๆ ก้าวออกไป
“มิ้น...” มินตรายิ้มหวานให้คนที่เดินตรงมายังหล่อน “เป็นไง ได้ข่าวว่าไม่สบายเป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะ”
รัตติยากรนั่นเอง มินตรายิ้มให้พี่สาวข้างบ้านก่อนเดินนำไปยังโซฟารับแขกที่ตั้งเด่นอยู่ตรงหน้า
“ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะพี่แป๋ว ว่าแต่กลับมาตั้งเมื่อไรคะ” เอ่ยถามเมื่อนั่งลงแล้ว
“มาถึงเมื่อคืนนี้จ้ะ อ่ะ... นี่ของฝาก”
“โห... ความจริงไม่ต้องลำบากก็ได้นะคะ มิ้นเกรงใจ” มินตรารับของฝากไว้อย่างเกรงใจพร้อมไหว้ขอบคุณ
“ฮื้อ... เกรงจงเกรงใจอะไรกันนักหนา แค่ของเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง” ตอบพลางกวาดตามองคนตัวบางตรงหน้าแล้วย่นคิ้ว “หน้าซีดจังเลยมิ้น เป็นอะไรหรือเปล่า”
มินตราอึ้งไปครู่ก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อน
“เอ่อ เปล่าหรอกค่ะ พอดีวันก่อนไม่ค่อยสบายนิดหน่อย”
“แล้วไปหาหมอหรือยัง?” มองด้วยความเป็นห่วง เห็นมินตรามาแต่เล็กแต่น้อย ก็รักเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
“ไปมาแล้วค่ะ คุณนนท์พาไป”
“อ้อ…” รัตติยากรพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะหญิงสาวดูจะอ่อนเพลียกว่าปกติ
“เอ่อ พี่แป๋วคะ วันก่อนโน้น คุณพีมาถามหาพี่แป๋วค่ะ…”
คำ บอกเล่าของหญิงสาวทำเอารัตติยากรชะงักไปครู่หนึ่ง ร่างสูงสง่าเจนตาแจ่มชัดในห้วงนึก แต่พอใบหน้าคมคายยียวนกับปากจัดจ้านผ่านเข้ามาก็ให้นึกขัดเคือง แล้วจึงไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก
“เหรอ? ช่างเขาสิ” บอกปัดเหมือนไม่ใส่ใจ มินตราเองก็ไม่มีแก่ใจจะเซ้าซี้ “มิ้น พี่ว่าเราไปพักผ่อนเถอะ หน้าซีดแบบนี้พี่กลัวจะเป็นลม”
มินตราหลบตาคนที่มองมาอย่างสำรวจ กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มจาง
“ยังไงมิ้นขอบคุณมากนะคะที่ซื้อของมาฝาก” รัตติยากรยิ้มเอ็นดู
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่เต็มใจ งั้นพี่กลับก่อนนะ มิ้นจะได้พักผ่อน”
มินตรามองตามร่างระหงของอีกฝ่ายจนลับตา ก่อนถอนหายใจยาวเหยียด รู้สึกอ่อนล้าจนแทบสิ้นเรี่ยวแรง…
“จะทำยังไงดี…”มือเรียววางทาบหน้าท้องที่ยังแบนราบ กังวลหนักหน่วง แต่ไม่ว่าอย่างไรหล่อนต้องหาทางออกให้ได้ จะต้องไม่มีใครรู้ ห้ามไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด…
กลืนไม่เข้า คายไม่ออก บอกใครไม่ได้ สุดท้ายคงต้องช่วยเหลือตัวเอง ด้วยวิธีของตัวเอง…
บนโต๊ะทำงานของณนนท์เต็มไปด้วยอุปกรณ์และแปลนบ้านทับซ้อนกันอยู่ ชายหนุ่มยกมือขึ้นคลึงขมับเบาๆ พลางเงยหน้าขึ้น ตรีภพเพื่อนสนิทของเขากำลังคุยอย่างออกรสกับสาวสวยเพื่อนร่วมงานใหม่ และเมื่อเจ้าหล่อนเงยหน้าขึ้นก็ส่งยิ้มให้เขา ชายหนุ่มจึงยิ้มตอบกลับไปพลางก้มหน้าลงทำงานของตนอีกครั้ง…
ตรีภพแยกกับสาวสวยคนนั้นแล้วหมุนตัวเดินตรงมายังเพื่อนทันทีพร้อมกับลากเก้าอี้ของตนมานั่งใกล้ๆ แล้วยิ้มเผล่…
“เฮ้ยนนท์ เย็นนี้ก๊งกันมะ พวกไอ้ชัด ไอ้นัยก็ไปนะ ที่สำคัญ สาวๆ ฟากโน้นโดยเฉพาะคุณลดาก็ไปด้วยเว้ย…”
คนก้มหน้าก้มตาทำงานชะงักไปนิด นึกถึงใบหน้าของลดาวรรณ ก่อนจะเงยขึ้นมองเพื่อนแล้วถอนหายใจเฮือก
“ไม่เอา ไม่อยากไป” เขาปฏิเสธออกไป ทว่ากลับถูกเพื่อนค้าน
“เฮ้ยไม่ได้นะเว้ย ถ้านายไม่ไปเดี๋ยวคุณลดาเธอก็ไม่ไปกันพอดีน่ะสิ” พูดออกไปแล้วตรีภพก็ชะงักกึก สบตาคมดุของเพื่อนพลางยิ้มแหยแล้วยกมือขึ้นเกาศีรษะ หัวเราะหึหึ “ก็… คุณลดาน่ะ เธอบอกว่ายังไม่รู้จักนายจริงจังเลย ข้าก็เลยอาสามาชวนนายไปกินเย็นนี้ด้วยกัน”
เสียงถอนหายใจเฮือกดังจากคนหน้าขรึม ตรีภพเลยต้องรีบคะยั้นคะยอ
“นะ ไปด้วยกันนะเว้ย แต่จะว่าไปนายกับคุณลดาก็ยังไม่เคยคุยกันสักที มีแต่ตอนที่หัวหน้าแนะนำให้รู้จัก อีกอย่างเธอเป็นถึงหลานสาวเจ้าของบริษัท นายก็น่าจะทำความรู้จักเอาไว้มั่งนะเว้ย”
“ยิ่งเป็นแบบนั้นยิ่งไม่อยากรู้จัก” เขาตอบกลับทันที ทำเอาคนหว่านล้อมพ่นลมหายใจพรืด
“เฮ้ยๆ ไม่ได้นะเว้ย ข้ารับปากคุณลดาเอาไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องลากตัวนายไปให้ได้ ไม่งั้นมีหวังโดนคุณลดาโกรธแน่”
“เรื่องของนาย อยากอาสากันดีนัก ช่วยไม่ได้” เขาว่า แต่อีกฝ่ายทำหน้าเศร้า
“โธ่! ถือว่าช่วยเพื่อนสักครั้งสิวะ” อีกฝ่ายเงียบไปนานจนตรีภพต้องเอ่ยออกมา “เออๆ ต่อไปจะไม่รับปากใครส่งเดชอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ถือว่าช่วยสักครั้งเถอะนะ นะเพื่อน”
ณนนท์ตวัดหางตามองเพื่อนที่มาเซ้าซี้พลางพ่นลมหายใจแล้วส่ายหน้าระอา
“เออ! แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”
ตรีภพยิ้มแป้นเมื่อเพื่อนรักตกปากรับคำ
“ให้มันได้อย่างนี้สิวะเพื่อน! ขอบใจมาก” เอ่ยพลางยกมือขึ้นนวดบ่าไหล่ของเพื่อนหนักๆ สองสามที “เดี๋ยวข้ามานะ ไปบอกคุณลดาก่อน”
ณนนท์เตรียมแย้ง ทว่ายังช้ากว่าฝ่ายนั้นที่เดินตัวปลิวตรงไปยังโต๊ะทำงานด้านในซึ่งเป็นส่วนที่ลดาวรรณและเพื่อนของหล่อนทำงาน
“ไอ้บ้า…” ชายหนุ่มอุบอิบด่าเพื่อน ไม่ได้อยากไป เขาไม่อยากเมา เมาแล้วฟุ้งซ่าน เมาแล้วคิดถึงแต่คนเก่าๆ ที่เขาไม่อยากจดจำ…
ณนนท์ชะงัก เมื่อลดาวรรณพาทุกคนมายังร้านเก่าที่เขาได้พบกับใครบางคนครั้งแรกที่นี่ และตรีภพเป็นเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องนี้
“เออ เรื่องนี้ข้าไม่รู้จริงๆ นะ คุณลดาเธอไม่ได้บอกว่าจะพาพวกเรามาที่ร้านนี้” ตรีภพเอ่ยเสียงแผ่ว เสียใจที่ทำให้อีกฝ่ายต้องมาในที่ที่ไม่อยากมา กลายเป็นคนเปิดแผลที่กำลังจะปิดให้เลือดซิบขึ้นมาอีก…
ณนนท์บดกรามแน่น เขาได้ยินเสียงแว่วๆ ของลดาวรรณบอกให้เพื่อนๆ ของเขาเข้าไปในร้านได้เลย เพราะหล่อนจองโต๊ะเอาไว้แล้วเรียบร้อย ชายหนุ่มกำมือแน่น ขาแข็ง ไม่ขยับ ไม่อยากเข้าไปข้างใน เพราะภาพเก่าๆ มันพร้อมจะขยายให้เขาได้เห็นอีกครั้งอย่างไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย ภายในนั้นมีแต่ความทรงจำที่เขาไม่อยากจำ!
ลดาวรรณชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปภายในร้านเหล้าขนาดกลาง ซึ่งเปิดบริการมานาน มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง มีขาประจำมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งหล่อน…
“เออ มีอะไรกันหรือเปล่าคะ” เอ่ยถามพลางสบตาคมกล้าของ ณนนท์อย่างแปลกใจ รู้สึกถึงความเคร่งเครียดของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ พอดีนนท์มันปวดหัวน่ะครับ เลย ว่าจะขอยืนตรงนี้สักพัก คุณลดาเข้าไปก่อนก็แล้วกันนะครับเดี๋ยวผมสองคนตามเข้าไป”
ลดาวรรณมองคนทั้งสองสลับกันแวบหนึ่ง ก่อนพยักหน้ายิ้มๆ ไม่คิดเซ้าซี้ให้ทั้งสองต้องลำบากใจ
“แล้วตามเข้าไปนะคะคุณนนท์” บอกพลางหมุนตัวเข้าไปภายในร้านอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับหรือปฏิเสธ ทำให้ตรีภพต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก…
“เฮ้อ!” พลางมองตามหลังหญิงสาว ก่อนหันมายังคนหน้าเครียดตรงหน้า “นนท์…”
ณนนท์สบตาเพื่อนแล้วผ่อนลมหายใจยาวเหยียด ค่อยๆ คลายกรามที่บดเป็นสัน ข่มอารมณ์อย่างที่สุด พลางบอกตนเองว่าบางทีเขาควรปล่อยวาง
“เข้าไปข้างในกันเหอะ อยู่ตรงนี้นานๆ เดี๋ยวคุณลดาของนายจะรอ” เอ่ยพร้อมก้าวผ่านหน้าเพื่อนเข้าไปภายในร้าน ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนอึ้ง ไม่ได้ดีใจ แต่แปลกใจต่างหาก ก่อนจะสาวเท้าตามเข้าไปติดๆ