บทที่ 4

1876 คำ
สบายตัวจึงสบายใจเพราะเนื้อตัวสะอาดหอมฉุย เสื้อผ้าที่เก่าสกปรกถูกซักตากด้วยน้ำยาซักและปรับผ้านุ่ม จึงไม่แข็งกระด้างคันคายอีก แต่ก็พบกับปัญหาใหม่คือเสื้อผ้าที่เสี่ยวม่านคนเดิมใส่ มันไม่ถูกจริตกับตนเอง “ชุดรุ่มร่ามสีแสบยังกับนกแก้ว แบบนี้ไม่ถูกใจเลย” ค้นดูทั้งตู้ก็มีแต่สีจี๊ด ๆ ถึงบางสีจะชอบแต่ด้วยการออกแบบที่เทอะทะ ไม่พอดีตัวและยังใส่ลำบากจึงคิดว่าแบบที่เห็นในซีรีส์ดูสวยและดีกว่าหากจะนำมาสวมใส่แทน อาจจะทำให้เป็ดขี้เหร่กลายเป็นนกหงส์หยก แต่ว่าจะไปหามาจากไหน “นี่ระบบ.” “ไม่ต้องเรียก คุณได้รางวัลไปเยอะแล้ว ภารกิจก็ยังไม่ได้เริ่มสักอย่าง” “ก็ระบบไม่เคยได้ยินหรือ ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง จะพิชิตใจชายก็ต้องทำให้เขาอยากเข้าใกล้ก่อนนะ” “มองบนแป๊บ ก็ได้ แม้ว่าระบบไม่อาจจะมอบรางวัลหรือโบนัสพิเศษให้คุณได้อีก แต่ผู้ถูกเลือกมีทักษะในการตัดเย็บเพราะชีวิตก่อนเป็นช่างตัดเสื้อ ระบบจะมอบดีไซซ์ที่ง่ายในการดัดแปลงเสื้อผ้าทั้งหมด และยังให้คำแนะนำในการหาวัตถุใกล้ตัวเพื่อย้อมสีของเสื้อผ้าให้สวยละมุนไม่แพ้กับโลกที่คุณจากมา” “ก็ยังดี เอาสิขอแบบ ไม่ ๆ ต้องขอสูตรในการย้อมก่อน ตอนนี้ยังบ่ายอยู่ คงมีเวลาที่ผ้าจะแห้งก่อนผู้ชายจะกลับ” ย้อมแล้วจะได้นำมาเย็บ เย็บเสร็จยังต้องหอบขนไปซักอีก วันนี้แค่จัดการเสื้อผ้าสี่ห้าชุดก็อาจจะเย็น เรื่องจำนวนอาจไม่มาก แต่ชุดอุปกรณ์ตัดเย็บโบราณตนไม่ถนัดเลยสักนิด น่าจะทำให้งานล่าช้า สีย้อมผ้าที่ระบบบอกเสี่ยวม่านฟังแล้วไม่คุ้นและไม่เคยได้ยิน แต่ก็ไปหาเอาจากป่าใกล้ ๆ บ้านคนในยุคนี้อยู่ห่างกันค่อนข้างมาก แต่ว่าเจ้าของร่างโชคดีหลายชั้น เพราะอาหมิงเป็นชายหนุ่มที่ฐานะดี บ้านของเขามีรั้วหินสูงประตูไม้หน้าบ้านสองบานก็ใหญ่โต ภายในบ้านสร้างจากอิฐหินฉาบปูน หลังคามุงกระเบื้อง ลานบ้านยังเทปูนทางเดิน ในขณะที่บ้านคนอื่นที่ตนมองเห็นลิบ ๆ เป็นบ้านไม้บ้านที่มุงด้วยลำไผ่และหลังคาเป็นหญ้า ไม่แปลกที่เขาจะเนื้อหอม คนที่สมบูรณ์ขนาดนี้ใครจะไม่อยากได้ ทั้งยังให้เมียอยู่บ้าน แต่นางไม่มีที่ลงเลยกระเสือกกระสนไปหางานทำ หากให้อยู่เฉยอาจมีอาการตะกายฝาบ้านเกิดขึ้นได้ “ไม่คิดว่าก้อนหินที่แค่บดกับเปลือกไม้ จะสามารถนำมาย้อมสีให้ผ้าดูสวยอย่างไม่น่าเชื่อ” “นี่ระบบ แบบชุดฮั่นฝูประยุกต์ที่ให้มา มันดูกลมกลืนกับแบบเดิมมาก” “...” “เอ๋? ระบบ ได้ยินรึเปล่า” “...” “นี่ ๆ” “โอ๊ย! ระบบรำคาญ ถ้าชวนคุยเฉย ๆ ไม่ต้องชวน ระบบมีหน้าที่ไม่ใช่เพื่อนเล่น” “อ่า!” “ระบบรวนจึงมีเสียงบ่นอันเป็นสาเหตุมาจากไวรัส ขอกลับไปรีเซตตัวเองใหม่ก่อน และจะกลับมาเมื่อพร้อม” “แบบนี้ก็ได้ด้วย” เสี่ยวม่านนั่งงงอยู่เพียงลำพัง ชักสงสัยแล้วว่าระบบจะไม่ใช่ระบบ แต่อาจเป็นใครสักคนที่มีพลังบางอย่าง นำตนมายังที่นี่ หอบเสื้อผ้าที่เลาะแยกชิ้นส่วนออกแล้ว มาย้อมสีและตัดเย็บใหม่เสร็จเรียบร้อยเดินไปซักที่ลำคลอง นั่งกินลมชมวิวรอเสื้อแห้ง ราวตากหาไม่ยากมีต้นไม้กิ่งไม้เต็มไปหมด สายตาพลันชำเลืองเห็นเจ้าปูตัวใหญ่แล้วนึกถึงปูนึ่งกินกับน้ำจิ้มรสเด็ด ว่าไปยังไม่ทันได้สำรวจห้องครัวเลย มีพริกมะนาวน้ำปรุงรสรึเปล่า ไม่รู้ว่ายุคนี้เขากินอะไรกัน แต่เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา ขอแค่มีวัตถุดิบทำกินเองก็ได้ ยังไงก็เป็นคนทำอาหารเป็น “อั๊ยยะ! กุ้ง! โหน้ำตื้นแค่น่องขนาดนี้มีกุ้งแม่น้ำด้วย ไม่ไหวแล้วเน้อ เค้าจะกินกุ้งเผาปูเผาล่ะ” เสี่ยวม่านไม่รอช้าพับแขนเสื้อกับขากางเกงขึ้นทันที ถอดรองเท้าพร้อมลุย แต่ปลายเท้ายังไม่ทันแตะน้ำดันคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “เราไม่ได้เอาถังมานี่หว่า จับมาแล้วจะเอาอะไรใส่” ตุบ! “หือ?” หันไปตามเสียงที่เหมือนของหล่น จึงเห็นถังไม้ใบหนึ่งวางอยู่ใกล้ ๆ ตน จำได้ว่าไม่ได้ถือมานะ มีแค่ตะกร้าผ้าเท่านั้น “ถังใบนี้มาจากไหน หรือว่า..” สงสัยระบบจะให้มา ใช้ได้นะเนี่ยรู้ว่าอยากได้ คงรู้สึกผิดจึงอยากจะชดเชยที่เผลอโวยวายใส่กัน รอยยิ้มขบขันปรากฏขึ้นบนใบหน้า เสี่ยวม่านเดินไปหยิบถังไม้มาตั้งไว้เพื่อจะได้จับมาใส่ได้สะดวก “แหม ขู่เก่งนะเรา” มองเจ้าปูก้ามโตที่เดินหน้าเข้าใส่ ชูก้ามอันใหญ่โตมาขู่แล้วอยากหัวเราะ หมับ! รอช้าอยู่ไย ก็จับขึ้นมาสิ ดูเจ้าปูที่เพิ่งรู้ชะตากรรม ว่ามันนั้นคิดผิดที่บังอาจท้าทายสิ่งมีชีวิตร่างโต เจ้าไม่รู้จริงหรือว่ามนุษย์เขมือบทุกอย่างที่คิดว่ากินได้ เดินมาหาแบบนี้เหมือนวิ่งเข้าเครื่องประหารชัด ๆ “ดิ้นไปก็เท่านั้น เป็นเจ้าที่เดินมาหาข้าเอง เจ้าปูเอ๋ย ก้ามใหญ่ของท่านลงถังเสียเถอะ” ว่าแล้วก็โยนใส่ถังดังตุบ! เจ้าปูเดินสำรวจรอบถัง เสี่ยวม่านหันกลับมาพบว่าพรรคพวกของมันก็สู้ชีวิตนะ ถ้าสู้ให้ลงถังไปหาเพื่อนเจ้าเถอะ ตุบ! ตุบ! ตุบ! “ปูได้เยอะแล้ว ต่อไปก็เจ้ากุ้ง ออกมาเสียดี ๆ คิดว่าหินก้อนแค่นั้นจะหลบพ้นหรือ มานี่เลย” ไม่ต้องลงไปไกลจากริมฝั่ง เสี่ยวม่านก็จับกุ้งปูได้จำนวนมากแล้ว นางขนไปแค่พอกินไม่มากไม่มายแค่ครึ่งถัง ได้ยินไม่ผิดหรอกครึ่งถังใหญ่ ไม่แน่ใจว่าจะกินทั้งหมู่บ้านเลยหรือ ก็แหม นางรู้สึกว่ามันจับเพลินไปนิด รู้ตัวอีกทีก็ได้เยอะเลย จะตัดใจโยนลงน้ำก็ทำไม่ได้ กลัวกินไม่อิ่ม “ผ้าแห้งแล้วกลับบ้านได้ เร็วเหมือนกันนะเนี่ย ไม่รู้ว่าเขากลับมารึยัง” มองท้องฟ้าที่ดูอ่อนแสง ลดความร้อนแรงที่แผดเผาลง คิดว่าน่าจะราวสี่โมงเย็นหากเทียบเวลาในโลกก่อน ไม่รู้ว่าที่นี่เขาเรียกกันอย่างไร อีกเดี๋ยวอยู่ ๆ ไปก็คงรู้เอง “เจ้า! หายไปไหนมา แล้วนั่นหอบเอาสิ่งใดมาอีก” เปิดประตูเข้าบ้านก็เจอผู้ปกครองยืนอยู่ สีหน้าของเขาดูแปลกใจ สังเกตได้จากคิ้วเข้มที่หมุดมาเบียดชิดจนแทบจะชนกัน “ซักผ้า แล้วก็จับปูกับกุ้งมา ข้าอยากกินมัน” “หือ เจ้าพวกนี้เนื้อน้อยเปลือกก็แข็ง ถ้าเจ้าอยากกินเนื้อก็บอกข้าจะได้ซื้อเนื้อหมูเนื้อไก่มาให้” เสี่ยวม่านได้ยินแล้วส่ายหน้า แต่ก็ยิ้มให้สามีที่เขาดูใส่ใจภรรยาดี ก่อนจะบอกเหตุผลออกไปให้เขาฟัง “จริงอยู่ว่าเนื้อมันน้อยและเปลือกก็แข็ง แต่แค่กินอร่อยก็พอแล้วไม่ใช่หรือ” “ตามใจเจ้า แล้วจะทำอันใดกิน อย่าบอกนะว่าแค่อยากกินก็จับมาแต่ไม่รู้” “รู้สิ ข้าจะเผามันกิน” “เผารึ? แบบนั้นมีที่ไหน ปกติไม่ต้มน้ำแกงก็ผัดเท่านั้น” “มีที่นี่แหละ นะสามี ข้าอยากกิน” “อยากทำอะไรก็ทำ ข้าไม่ได้ห้ามเจ้า” “ถ้าอย่างนั้น ก่อไฟให้หน่อยสิ” “ข้าหรือ?” นางถึงกับใช้เขาก่อไฟให้ ทั้งที่ตนเพิ่งเลิกงานกลับมา “อือ ข้าทำไม่เป็น” “...” อาหมิงเงียบ ดูเหมือนนางจะลืมแม้การใช้ชีวิตเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปด้วย เอาเถอะอย่างไรก็ไม่อาจทิ้งขว้างภรรยาคนนี้ รับกรรมตามสภาพ แค่ไม่แก้ผ้าวิ่งไล่ปนบังคับให้ทำเรื่องอย่างว่าก็พอ แต่ว่านางในตอนนี้ดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก เนื้อตัวสะอาดสะอ้านไม่เหม็นสกปรกมีกลิ่นหอม ที่เขาไม่รู้ว่ามันคือกลิ่นอะไร ผิวหน้าผิวกายดูผุดผ่องค่อยหน้ามองเวลาพูดคุยหน่อย ถ้าตายแล้วจะเป็นผู้เป็นคน เขาคงเอาหมอนอุดหน้านางไปนานแล้ว เปรี๊ยะ ๆ! “อาหมิง ทำไมถ่านไม้มันจึงแตกขนาดนี้” “ก็แค่เศษไฟ หาได้น่ากลัวไม่” “แต่ข้ากลัว” “เจ้าอย่าเรื่องมากได้รึไม่ ว่าอย่างไร ไหนบอกจะเผาเจ้าพวกนี้” “ตอนนี้ยังเผาไม่ได้ ไฟมันยังลุกไหม้มีควัน รอให้ถ่านติดเสมอกันก่อน หากเราใส่ลงไปย่างตอนนี้จะไหม้ก่อนสุก” ผู้เป็นสามีได้ยินจึงพยักหน้า ก่อนจะชะงักเหตุใดนางจึงพูดรู้เรื่องขึ้นมา ตกลงนางลืมทั้งหมดหรือลืมแค่บางอย่าง แต่เสี่ยวม่านไม่ได้สนใจเขา นางกำลังสำรวจรอบ ๆ ห้องครัวเพื่อหาวัตถุดิบทำน้ำจิ้มสุดแซ่บ “แล้วในครัวมีพริกหรือไม่นะ” “มี ห้อยอยู่หลังตู้เก็บชามข้าว เดินไปอีก อยู่ตรงนั้นจะเห็นได้อย่างไร” “แล้วมะนาวล่ะมีมั้ย ส้มจี๊ดลูกเล็ก ๆ ก็ได้ มีรึเปล่า” “หากหมายถึงส้มเปรี้ยวก็มี ในไหมีน้ำส้มหมักด้วย” “วิเศษเลย ลาภปากข้าแล้ว” “ลาภปาก?” นางพูดภาษาประหลาดที่เขาฟังไม่เข้าใจอีกแล้ว “อาหมิง หากข้าจะตำมันเล่า” “ด้านนั้นมีโกร่งบดยาอันใหญ่ เจ้าเอามาใช้ได้ มันเป็นของเก่าที่ข้าเก็บมา” เสี่ยวม่านมองโกร่งบดยาที่ว่า เหมือนครกหินไม่มีผิด แต่ก็ดีมากถึงมากที่สุด มีครกไว้ทำครัว วันหน้าอยากกินส้มตำแฮะ ไม่รู้ว่ายุคนี้เขามีมะละกอรึเปล่า แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร หาอย่างอื่นก็เอามาตำแทนได้ ขาดแค่น้ำปลาร้า ตำไทยก็ได้ ขอได้กินให้หายอยากเป็นพอ ว่าแล้วก็จ๊วดโลดสาว ป๊อก ๆ! ป๊อก ๆ! “เรามีน้ำปลารึไม่ หรือว่ามีแค่เกลือ” “มี อยู่ในไหอันยาว ข้าหมักไว้อยู่” “อื้อฮือเจ้าทำเองเลย สุดยอด” “ข้าไม่ค่อยชอบเกลือ มันเค็มมากไปหากใส่ในอาหารบางอย่าง” ดูนางทำเข้าแค่หมักน้ำปลามันจะไปยากอันใด บ้านไหนเขาก็ทำกัน “เยี่ยม ข้าก็ชอบ” คุยกันง่ายแบบนี้ ค่อยรู้สึกไม่เหงาอ้างว้างเหมือนอยู่คนเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม