บทที่ 9

1860 คำ
พอคล้อยหลังเสี่ยวม่านผู้คนพลันประหลาดใจในท่าทีของนาง และหน้าตาผิวพรรณที่ต่างไปจากเดิม “ท่านเห็นเหมือนข้าหรือไม่ นางม่านดูสดใสและดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เสื้อผ้าก็เรียบร้อยสวยงาม เดินเงยหน้ามองผู้คน ที่สำคัญเนื้อตัวของนางสะอาดและมีกลิ่นหอม” “ย่อมเห็น ข้าว่านางไปเยือนปรโลกครั้งนี้ ต้องได้รับพรดี ๆ จากยมทูตมาแน่” “รึว่า ข้าจะลองตายอย่างที่นางบอกดี” “เจ้าแน่ใจรึ อย่าลืมว่าสามีเจ้าไม่ใช่คนอ่อนโยนแสนดีเหมือนอาหมิง ไม่แน่ว่าพอเจ้าตายเขาจะขุดหลุมฝังเจ้าโดยไม่ใส่แม้แต่โลง” “เจ้าก็ว่าไป ข้าว่าตาแก่นั้นจะเอาจอบมาสับหัวข้าจนขาด เพราะกลัวข้าฟื้นนะสิ” ทั้งคนพูดคนฟังต่างพากันหัวเราะขบขัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเคร่งเครียดอันใด เพียงหยอกล้อกันตามประสา ก่อนจะแยกย้ายกันไป “นี่นะหรือ ตลาดยุคโบราณ ก็ไม่ได้เหนือจากที่คาดไว้เท่าไรนัก” ไม่มีของขายหรือแม่ค้าหลงเหลืออย่างที่คนบอก แต่ยังเห็นโต๊ะแผงที่ยกขึ้นเก็บอย่างเป็นระเบียบ มีสองช่องสี่แถวยาว ดูเหมือนถ้ามาแต่เช้าจะมีคนเอาของมาขายกันเป็นจำนวนมาก ไว้ค่อยมาอีกครั้ง แต่วันนี้ขอออกไปสำรวจเพิงน้ำชาที่ว่า มันจะเหมือนในทีวีมั้ยนะ อันนี้ต้องลองไปดู “เหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางเลยแฮะ ต่างแค่ไม่ใช่หม้อต้มซุป แต่เป็นต้มชา” มองเพิงไม้เก่า ๆ เบื้องหน้าที่มีคนนั่งอยู่สองสามคน เสี่ยวม่านจึงเดินไปนั่งบ้าง นางอยากรู้ว่าน้ำชาของจริงของดั้งเดิมมีรสชาติอย่างไร ก่อนจะมาถึงตอนไม่มีคนเห็น นางแอบหยิบเงินในบัญชีออกมาสองตำลึง เคยได้ยินว่าน้ำชาจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยของยุคนี้ คิดว่าคงไม่แพงจนหมดตัวหรอกมั้ง “อ้าว! นางม่าน ลมอะไรหอบเจ้ามาถึงที่นี่ได้ ออกมาเดินเล่นหรือมารออาหมิง” “มาเดินเล่นเจ้าค่ะ เลยอยากแวะดื่มน้ำชาดู” “หือ.. นี่แม้แต่รสชาติของน้ำชา เจ้าก็ลืมด้วยรึ” “เจ้าค่ะ ข้าลืมหมดเลย แต่ว่ามันแพงหรือไม่” “เจ้าจะเอากาเล็กหรือว่ากาใหญ่ กาเล็กร้อยอีแปะ กาใหญ่สองร้อยห้าสิบอีแปะ ใบชาของข้านั้นรับมาอีกหลายทอด ถึงได้ขายแพง” สำหรับเพิงเล็ก ๆ ข้างทางราคานี้คือราคาที่สูงมาก แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อเขาซื้อมาแพง ไหนจะต้องเสียแรงเสียเวลาอีก หากไม่มีกำไรคงไม่มาเปิดร้านขายหรอก แม้ว่าลูกค้าจะมีแต่ขาจรก็ตาม “ข้าเอากาเล็กเจ้าค่ะ ต้องจ่ายเลยหรือไม่” “เจ้าพกเงินมาหรือ ข้าคิดว่าจะดื่มรอแล้วให้สามีมาจ่ายเสียอีก” “ข้าจ่ายได้เจ้าค่ะ ไม่อยากรบกวนสามีนัก เท่านี้เขาก็เหนื่อยมากแล้ว” เสี่ยวม่านหยิบถุงเงินออกมา แล้วนับส่งให้เถ้าแก่หนึ่งร้อยอีแปะ ในใจอดคิดไม่ได้ว่าหามาง่ายก็จริง แต่ใช้ออกไปง่ายกว่า เห็นทีจะรอแค่ของรางวัลจากการทำภารกิจไม่ได้เสียแล้ว ต้องหาอะไรทำเพื่อให้มีเงินมากขึ้น ผู้คนจะได้ไม่สงสัยว่านางนำเงินจากไหนมาใช้จ่าย “ดี เจ้าเป็นเช่นนี้ดีกว่าคนเดิมเยอะ อย่างน้อยยังรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น อาหมิงสามีเจ้าทำงานขายของ ฟังดูแล้วอาจคิดว่างานสบาย แต่ข้างบนมีเจ้านาย ข้างล่างมีลูกค้ากับเพื่อนร่วมงาน ย่อมมีปัญหาให้หนักใจไม่น้อย” “ต่อไป ข้าจะเป็นภรรยาที่ดีของเขา จะพยายามไม่สร้างเรื่องสร้างปัญหาให้เขาลำบากใจอีก” “ฮาฮาฮา มันต้องแบบนี้สิ รอเดี๋ยวนะ ข้าจะไปเอาน้ำชามาให้” “เจ้าค่ะ” ไม่นานเถ้าแก่ยกน้ำชากาเล็ก กับจอกชาใบกระจิริดมาให้ กาน้ำชาว่าเล็กแล้วเจอจอกชาเข้าไป ทำเอานางนั่งอมยิ้ม แต่ว่างานปั้นยุคนี้ดูดีไม่เบา จ๊อก ๆ ๆ เทน้ำชาใส่จอกทีละน้อย อย่างระมัดระวัง เพราะมันแพง ยกขึ้นมาเป่าไล่ไอร้อนออกไป แล้วจึงยกขึ้นจิบ สัมผัสแรกคือขมก่อนจะได้กลิ่นหอมตามมา ถึงว่าคนนิยมดื่ม เพราะโดยรวมมันค่อนข้างดี ถูกจริตกับตัวนางมาก “เป็นอย่างไร” “หอมกลิ่นใบชา ข้าชอบมากเจ้าค่ะ” “หึ ๆ เช่นนั้นก็ค่อยนั่งดื่มไป อีกเดี๋ยวสามีเจ้าคงใกล้จะถึงแล้ว” เสี่ยวม่านพยักหน้ารับ แล้วหันไปเพลิดเพลินกับการดื่มชา ริมฝีปากชมพูระเรื่อเพราะทาลิปสติกยกยิ้มอย่างพอใจ ทำให้คนที่เหล่ตาแอบมองรู้สึกว่านางดูดีขึ้นมา หากมีเนื้อหนังและบำรุงให้ดีกว่านี้ อาจจะสวยกับเขาบ้าง “เสี่ยวม่าน” ในขณะที่กำลังจิบชาอย่างสบายใจ เสียงเรียกจากคนที่คุ้นเคยดังขึ้น เมื่อหันไปมองพบว่าเป็นอาหมิง เขาดูแปลกใจที่เห็นนางอยู่ที่นี่ “อาหมิง แล้วกล่องข้าวเล่า ไม่เห็นถือกลับมาด้วย” “เอ่อ สุนัขคาบไป ข้าจึงไม่ได้นำกลับมา” สุนัขที่ว่าก็คือเพื่อนร่วมงานของเขา เพียงเรียกกินเป็นมารยาท ไม่คิดว่าจะถูกเจ้าพวกนั้นแย่งไปทั้งกล่องเสีย หลายคนยกหลายคนกิน จนไม่รู้ว่าสุดท้ายกล่องไปอยู่ที่ใคร ทั้งยังหน้าหนาบอกให้เขาห่อมาใหม่และทำมาให้เยอะ ๆ หน่อย ดูเอาเถิดความเกรงใจหาได้มี เขาจึงแสร้งทำลืมกล่องข้าวเสีย ไม่มีกล่องแล้วจะห่อไปได้อย่างไร ทนเหนื่อยเดินกลับมากินที่บ้านจะดีเสียกว่าไม่ต้องถูกใครแย่งกิน “เหนื่อยรึไม่ มาดื่มชาแก้กระหายก่อนสิ” ภรรยากวักมือเรียกสามี เถ้าแก่จึงนำจอกชามาให้เพิ่ม อาหมิงกล่าวขอบคุณแล้วรับชาที่นางรินให้ขึ้นดื่ม “เป็นอย่างไร วันนี้งานที่ร้านยุ่งหรือไม่” “ยุ่งดังเช่นทุกวัน แล้วนี่เจ้าออกมารอข้าหรือ” “ก็ไม่เชิง ข้าออกมาเดินเล่น เห็นว่าใกล้เวลาที่เจ้าจะกลับมาจึงนั่งรอ” “เอาเพิ่มอีกกาไหม ข้าจะสั่งมาให้ ดูเหมือนเจ้าจะชอบดื่มชา” “ไม่ล่ะ ข้าดื่มมาครู่ใหญ่ อีกทั้งเจ้าดูเหนื่อยล้า หมดกาแล้วลุกขึ้นกลับบ้านกัน ข้ายังไม่ได้เผาปลาเลย แต่ทำน้ำจิ้มไว้แล้ว” “เช่นนั้นข้าจ่ายค่าน้ำชาก่อน” “ข้าจ่ายแล้ว” “จ่ายแล้ว? เช่นนั้นก็กลับกันเถอะ” อาหมิงสงสัย ก่อนจะคิดว่านางคงนำเงินที่ได้จากการทำนามาใช้ บางทีมันอาจจะพอเหลือ เพราะเท่าที่เขาทราบ นางจะนำเงินไปซื้อเสื้อผ้าสีฉูดฉาดเหล่านั้น สองสามีภรรยาเดินคุยกันผ่านไป มีหลายคนที่ชะเง้อคนมองตามอย่างสนใจ ดูเหมือนพวกเขาจะเข้ากันได้ดีกว่าแต่ก่อน อย่างว่าต่อให้ตีกันหัวร้างข้างแตก แต่อย่างไรเสียก็เป็นผัวเมียกันวันยังค่ำ “บ้าจริง สลัดภาพนั้นออกจากหัวไม่ได้เลย” “หยุดทำไม มีอะไรตรงนั้นหรือ” ผู้เป็นสามีเห็นภรรยาหยุดเดินแล้ว หันมองไปยังป่าจึงเอ่ยถามออกมา “ไม่มีอะไรหรอก เรากลับบ้านกันเถอะ” ที่จริงก็มีนั่นแหละ แต่จะเปิดประสบการณ์แรกทั้งที ขอทำในห้องดี ๆ ไว้วันหลังเบื่อค่อยชวนเขามาเปลี่ยนบรรยากาศ “อะไรของนาง?” ดวงตาคมอดหันไปมองในป่าไม่ได้ เขาอยากรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่านางกำลังคิด.. ถ้าใช่อย่างที่เขาสงสัยนะ มันจะดีมาก สิ่งที่นางทำเมื่อเช้า เขายังอยากให้ทำอีก วันนี้ตัดสินใจกินข้าวเย็นก่อน แล้วค่อยไปอาบน้ำ เสี่ยวม่านไม่อยากให้ตัวเหม็นควัน มื้อนี้อาหมิงยังคงเติมข้าวจนหมดหม้อ ปลาเผาอร่อยไม่น้อยไปกว่ากุ้งกับปูเมื่อวาน ภรรยาเขายังทำปลาแดดเดียวที่แล่เอาแต่เนื้อไร้ก้างไว้ทำอาหาร เห็นความใส่ใจพิถีพิถันของนางแล้ว ค่อยรู้สึกว่านางเป็นผู้หญิงเป็นแม่บ้านแม่เรือนขึ้นมา “พรุ่งนี้ข้าจะทำข้าวต้มให้กินเป็นมื้อเช้าแล้วจะห่อข้าวหน้าปลาให้ไปกินที่ทำงาน” “ข้าไม่ห่อ จะกลับมากินที่บ้าน ไม่อยากหิ้วไปหิ้วมา เสียดายกล่องข้าว” “เอาแบบนั้นก็ได้ เช่นนั้นข้าจะหุงข้าวไว้ให้มากหน่อย เดินไปเดินมากลัวจะหิวง่าย” “ดี นี่เจ้าเองก็กินเยอะ ๆ ข้างหน้ากับข้างหลังจะได้ดูต่างกันบ้าง” กึก! อาหารมื้อนี้กำลังอร่อย แต่จะมาเสียรสชาติก็เพราะเขานี่ล่ะ จะพูดขึ้นมาทำไมกัน “ปลายังมีอีก หากปากเจ้าว่างนักก็ยัดมันเข้าไป” “เจ้าโกรธอะไรข้าหรือ ข้าพูดความจริงนะ” ก็มันแบนจนเขาแยกไม่ออก จำเป็นต้องโกรธด้วยหรือ “กินข้าว!” “อ่ากินแล้ว” ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจัง พูดความจริงก็ไม่ได้ เก็บโต๊ะล้างถ้วยจานทำความสะอาดนั่งเล่นกันที่หน้าลานบ้าน อาหมิงกำลังให้ความสนใจกับสวนที่ภรรยาทำขึ้นบริเวณมุมหนึ่งของรั้วกำแพง พอมองแล้วให้รู้สึกสบายตาและสบายใจยิ่ง “เจ้าช่างเข้าใจทำ ไปเอาแบบมาจากนรกหรือ” “ปากเจ้านี่ไม่สร้างสรรค์เอามาก ๆ นรกบ้าอันใด ข้ายังไปไม่ถึง” “ก็เจ้าได้รู้อะไรกลับมาตั้งหลายอย่าง ข้าคิดว่ายมทูตจะบอกเจ้านะสิ” “เจ้าคิดว่าตอนวิญญาณข้าล่องลอยไป เฮยไป๋อู่ฉางจะชวนข้าไปจับปลากุ้งมาเผากินกับน้ำจิ้มรึไงฮึ” “ไม่ใช่หรอกหรือ” “ก็ไม่ใช่นะสิ ส่วนว่าข้าจะรู้ได้อย่างไรนั้นช่างมันเถอะ ข้าเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน รู้แค่ว่าข้าไม่พาเจ้ากินยาเบื่อแน่” “ยาเบื่อข้าไม่กิน แต่อยากกินอย่างอื่น เจ้าเก่งขึ้นมากเทียว” “ติดใจละสิ เช่นนั้นตอนอาบน้ำขัดล้างให้ดี วันนี้ข้าเก็บเสื้อผ้าเจ้ารวมถึงเครื่องนอนไปทำความสะอาดใหม่ทั้งหมด รับรองว่าเจ้าได้สบายตัวแน่” “ถ้าอย่างนั้นเราไปอาบน้ำกัน” “ยังก่อน เจ้าบอกเองว่าข้าหน้าหลังเท่ากัน ข้าตั้งใจไว้แล้ว ตราบใดที่ข้ายังอวบอั๋นยั่วยวนพอ ข้าจะไม่แก้ผ้าให้เจ้าเห็นเด็ดขาด” “เอาจริงหรือ” “แน่นอน” “...” เขาไม่น่าปากเสียเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม