ข้อที่สอง เริ่มต้นการทักทาย อือ ก็ทักทายทุกวันนะ หรือว่าจะส่งไลน์ไปด้วยดี เวลาน้องอยู่ห้องคนเดียว
ข้อที่สาม ตีสนิท ถ้าผ่านข้อหนึ่งข้อสองมาแล้ว ถึงจะมาข้อสาม เราต้องตีสนิท เอ แล้วจะตีสนิทแบบไหน อ๋อ แบบนี้เหรอ เช่น ชวนไปทำธุระเป็นเพื่อน กินข้าว อ่านหนังสือ เป็นต้น เค ๆ เดี๋ยวลองทำดู แบบน้องรินณีน่าจะชอบไปเที่ยว เดี๋ยวตีสนิทพาไปเที่ยวดีกว่า
ข้อสี่ ลองใจ หือ ทำให้หึงและหวงดู จะได้รู้ว่าเขาสนใจเราไหม ถ้าเขาหึงแสดงว่ามีใจให้เรา และติดใจเราโดยไม่รู้ตัว อือ เอาไว้ก่อน กลัวน้องโกรธ ตอนนี้บอกตามตรงว่าเขายังไม่กล้าลองใจน้อง
ข้อที่ห้า สารภาพรัก อาจจะเป็นการพูดไปตรง ๆ หรือหาวิธีเซอร์ไพรส์ก็ได้...
เดี๋ยวนะ! ระพีพัฒน์ชะงักเมื่อเห็นจุดอ่อนของตัวเอง
ทำไมทำข้อที่ห้าไปแล้วโดยยังไม่ได้ทำข้อที่หนึ่งถึงสี่ ข้ามขั้นตอนไปหรือเปล่าเนี่ย น้องเลยจะหย่า ระพีพัฒน์ยกมือกุมขมับพลางถอนหายใจยาวออกมา
ว่าที่คุณหมอและเดือนมหาวิทยาลัยผู้มีความหล่อเหลาเป็นทุนเดิม กำลังคิดไม่ตกเรื่องของความรัก นี่มันยากกว่าวิชากายวิภาคเสียอีก ถ้ารู้ว่ามีเมียแล้วมันยากแบบนี้ เขาคงไม่มีหรอก เรียนหมอก็หนักหนา ต้องมาเจอเรื่องความรักอีก แต่ทำไงได้ เขาไม่อยากหย่า กว่าจะแต่งกับน้องได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ระพีพัฒน์คิดย้อนไปถึงตลอดเกือบสองปีที่รินลณีคบหากับน้องรหัสเขา ทุกอย่างระหว่างรินลณีกับนาวินดูดีไปหมด จนอดคิดไม่ได้ว่าเขาคงเป็นได้แค่พี่ชายข้างบ้าน พอวันนั้นที่นาวินมาบอกชอบเขา ก็คิดว่าชีวิตนี้คงห่างไกลกับน้องสาวข้างบ้านไปอีก แต่ใครจะคิดว่าเขาจะส้มหล่น
น้อง...โอกาสเฮียมาแล้ว เฮียจะไม่ยอมปล่อยน้องหลุดมือหรอก
เอาวะ ถึงจะข้ามขั้นไปข้อที่ห้าแล้ว ย้อนมาข้อที่สองดีกว่า (ข้อที่สอง...ทักทาย)
ระพีพัฒน์ยกมือถือขึ้นมากดเข้าแอปแชตยอดฮิตของคนไทย เลือกรายชื่อ
ห้องแชตส่วนตัว
พัฒน์เองครับ : น้องอยู่ไหนครับ
ผ่านไปเกือบสองนาทีน้องก็ยังไม่ตอบ ไม่อ่านด้วย...อะไรเนี่ย เขาเริ่มเครียด หรือน้องจะหนีไปแล้ว เขาจ้องมือถืออยู่นาน ใจก็เต้นขึ้นเรื่อย ๆ กับเวลาที่ผ่านไป
อ่านแล้ว...ในไลน์ขึ้นว่าน้องอ่านแล้ว อ้าว อ่านแล้วทำไมไม่ตอบ
ใจเขาร้อนกว่าเดิมอีก ยิ่งกว่าตอนที่เธอยังไม่อ่าน
อ่านแล้วไม่ตอบนี่บอกเลยว่า...ใจร้ายสุด
รินณีโยธา : มากินข้าวกับเพื่อน
อ้าว! ทำไมตอบแค่นี้ ไม่ถามเหรอว่าถามทำไม แล้วไม่คิดจะชวนรึไง หญิงสาวตอบแค่นั้นแล้วก็ไม่มีข้อความอะไรต่อมา
พัฒน์เองครับ : เฮียหิวข้าว (สติกเกอร์คนหมดแรง)
รินณีโยธา : เฮียหาไรกินเลย น้องกลับช้า
ระพีพัฒน์นับหนึ่งถึงสิบในใจ ดูสิ เขาบอกว่าหิวข้าว นอกจากจะไม่สนใจผัวที่กำลังหิวแล้ว ยังบอกว่ากลับช้าอีก
พัฒน์เองครับ : น้อง เฮียไปกินกับน้องได้ไหมครับ
เอาวะ ด้านได้อายอด ไม่ชวนก็ขอไปกินด้วยแล้วกัน
รินณีโยธา : อือ...เฮียจะมาทันไหม
พัฒน์เองครับ : บอกมาสิอยู่ไหน เดี๋ยวเฮียไปหา เฮียจะได้เลี้ยงข้าวด้วย
รินณีโยธา : พารากอน จริงอะ! เฮียเลี้ยงจริงนะคะ
แหม ยัยเมียจอมงก พอบอกว่าเลี้ยงละรีบเลยนะ ถึงอย่างนั้นระพีพัฒน์ก็อดยิ้มกับโทรศัพท์ไม่ได้ เมื่อมีข้อความกลับมา
รินณีโยธา : น้องไม่ได้เห็นแก่ของฟรีนะ น้องแค่ไม่อยากให้เฮียกินข้าวคนเดียว
พัฒน์เองครับ : จ้า...เฮียรู้ว่าน้องเป็นห่วงเฮีย ไม่อยากให้เฮียกินข้าวคนเดียว เมียใครน่ารักจัง
ขายอ้อยมาขนาดนี้ ไม่ขายกลับได้ไง จีบไม่เก่ง แต่หยอดเก่งนะครับ
รินณีโยธา : เฮีย! รีบมาเลย รอคนจ่ายตังค์ค่ะ
พัฒน์เองครับ : เดี๋ยวเฮียไปหา ไม่เกินสามสิบนาที เลือกร้านไว้เลย อยากกินอะไรเลือกเลยครับ
รินณีโยธา : เฮียใจดีอะ (สติกเกอร์ตาหวาน)
ระพีพัฒน์นวดหน้าตัวเองเพราะยิ้มจนเมื่อยหน้า
พัฒน์เองครับ : อ้าว นี่ใคร เฮียพัฒน์สายเปย์ เปย์จริงเปย์จัง แต่เปย์เมียคนเดียวนะครับ
รินณีโยธา : รีบมาเลย มัวแต่อวยตัวเองอยู่นั่นแหละ
พัฒน์เองครับ : จ้า (สติกเกอร์ OK)
คนยิ้มกับโทรศัพท์รีบออกจากโรงพยาบาลไปหาน้อง
คิดถึง งู้ย...
ห้างพารากอน
“มดขึ้นโทรศัพท์ค่ะคุณเพื่อน” พอลลี่มองเพื่อนที่นั่งแชตคุยไปยิ้มไปกับโทรศัพท์
“เฮียจะมาเลี้ยงข้าว อยากกินอะไร” รินลณีหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสามคน วันนี้พวกเธอนัดเจอกันเพราะอยู่ในช่วงปิดเทอม กะว่าจะกลับบ้านตอนค่ำเพราะคิดว่าระพีพัฒน์คงกลับช้ากว่าปกติ ถ้าวันศุกร์ บางทีเขาก็ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง
“แหม อิจฉา นอกจากมันจะฟาดเดือนมหา’ลัยแล้วยังมีเผื่อแผ่มาถึงพวกเรา ฉันจะได้กินกับเดือนมหา’ลัยก็คราวนี้”
“กินข้าวย่ะ พูดให้มันเต็ม ๆ หน่อย” รินลณีรีบแก้คำให้เพื่อน จะมากงมากินอะไรเฮียของเธอ เธอยังไม่มีโอกาสได้กินเลย จะมาแย่งกินก่อนได้ไง
“นังคนหวงผัว!”
“พอลลี่ไม่ว่าเพื่อนนะคะ มันจะไม่งาม” ใบบัวผู้เรียบร้อยต้องเตือนพอลลี่ไม่ให้เสียงดัง ตอนนี้พวกเธอนั่งเล่นกันอยู่ที่ร้านกาแฟเกือบชั่วโมงแล้ว ตั้งใจว่าอีกสักพักจะไปหาอะไรกินกันก่อนกลับบ้าน