นาวินจ้องมองใบหน้าแดงซ่านของมินตราในอ้อมแขน รอยยิ้มเย็นๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากขณะที่เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น
"ตอนแรกฉันก็แค่จะกอดเธอให้หายหนาว..." เสียงของเขาทุ้มพร่า แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยและเจ้าเล่ห์ "แต่ตอนนี้ ฉันไม่ไหวแล้ว มินตรา"
เขาก้มลงจูบริมฝีปากบางของเธออย่างร้อนแรง ลิ้นอุ่นแทรกเข้าไปกวาดชิมรสหวานในโพรงปากของเธอ เธอดิ้นรนพยายามผลักเขาออก แต่เรี่ยวแรงที่เหลือน้อยนิดจากไข้ที่รุมเร้าทำให้เธอทำอะไรไม่ได้
"นาวิน! หยุดเดี๋ยวนี้!" เธอร้องเสียงสั่น แต่นาวินกลับเพียงหัวเราะในลำคอ ดวงตาคมกริบมองเธอด้วยความปรารถนาที่ซ่อนเร้นไม่มิด
"ฉันหยุดไม่ได้แล้ว..." เขากระซิบชิดใบหูของเธอ ลมหายใจร้อนๆ เป่ารดทำให้เธอสะท้านไปทั้งตัว
มือใหญ่ของเขาลูบไล้ไปทั่วร่างกายเปลือยเปล่าของเธอ นิ้วเรียวลากผ่านผิวเนียนละเอียดอย่างจงใจ "เธอน่ะ...มันน่าหลงใหลเกินไป"
เขาเลื่อนตัวลงต่ำ ลิ้นร้อนๆ ของเขาแตะไปที่ไหล่เปลือย ไล่ลงมาตามแนวกระดูกไหปลาร้า ก่อนจะลากผ่านเนินอกที่ขึ้นรูปสวย
"นาวิน...หยุด!" เธอพยายามดิ้นอีกครั้ง น้ำตาคลอเบ้า แต่เขายังคงไม่ปล่อย
"ฉันบอกแล้วว่าเธอเป็นของฉัน...ทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจ อย่าคิดหนีจากฉันอีก มินตรา" เขากระซิบเสียงต่ำ ขณะที่มือของเขาเริ่มไล้ลูบต้นขาเรียว และเลื่อนขึ้นไปจนถึงจุดที่ทำให้เธอต้องสะดุ้ง
"เธอทำให้ฉันคลั่งจนทนไม่ไหว เธอต้องรับผิดชอบ..." คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความดิบเถื่อน แต่ในน้ำเสียงกลับแฝงความเจ็บปวดบางอย่างที่เธอสัมผัสได้
เขาครอบครองเธอทั้งร่างกายและจิตใจในคืนนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง ราวกับว่าเธอคือสิ่งเดียวที่เขาต้องการในโลกนี้
นาวินมองร่างบางที่นอนหายใจหอบเหนื่อยอยู่ใต้ร่างเขา ดวงตาคมกริบฉายแววครอบครองอย่างไม่ปิดบัง เขาก้มลงจูบริมฝีปากบางที่ยังสั่นสะท้านจากไข้ แต่กลับเปล่งความเย้ายวนที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้
"เธอแค่เป็นไข้...แล้วไงล่ะ?" เขากระซิบเสียงแหบพร่า พลางไล้ปลายนิ้วตามแนวกระดูกไหปลาร้าของเธอ "เธอทำให้ฉันทนไม่ไหวเอง มินตรา"
"ไอ้บ้า! นาย...นายจะทำอะไร..." เสียงเธอสั่นเครือ พยายามผลักเขาออก แต่แรงที่เหลือน้อยเต็มทนทำให้เธอไม่อาจต้านทานเขาได้
"ฉันทำอะไรน่ะเหรอ? ก็ดูแลเธอไง..." เขายิ้มเย็น ก่อนจะเลื่อนมือไปจับข้อมือเธอทั้งสองข้าง ยกขึ้นไว้เหนือศีรษะ "อยู่นิ่งๆ เถอะ ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้น"
เขาก้มลงครอบครองยอดอกสีชมพูระเรื่อด้วยริมฝีปากร้อน ผสานกับลิ้นที่ไล้วนอย่างชำนาญ เธอสะดุ้งเฮือก ร่างกายอ่อนล้ากลับตอบสนองอย่างไม่อาจควบคุม
"นาวิน...อย่า...ได้โปรด..." เสียงของเธอแผ่วเบา แฝงความวิงวอน แต่สำหรับเขา มันยิ่งเป็นเชื้อเพลิงที่กระพือไฟในใจ
"อย่าขออะไรที่ฉันให้ไม่ได้" เขาพูดเสียงต่ำ ดวงตาคมฉายแววเอาแต่ใจ ขณะที่มือใหญ่เลื่อนต่ำลงไปตามส่วนโค้งเว้าของร่างกาย
"นายมัน...ไอ้คนเลว!" เธอตวาดลั่น แต่เสียงนั้นกลับขาดห้วง เมื่อเขากดน้ำหนักลงที่ต้นขาเรียวของเธอ ก่อนจะลากปลายนิ้วไปตามความอุ่นชื้นที่เผยออกมาจากร่างกาย
"หุบปากแล้วสนุกไปกับมันซะ..." คำพูดของเขาดิบเถื่อนและเด็ดขาด ก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงครอบครองเธอทั้งร่างกายและหัวใจอีกครั้งอย่างไม่ปรานี
เธอพยายามดิ้นหนี แต่ทุกการขัดขืนของเธอกลับยิ่งกระตุ้นความต้องการของเขา เสียงครางต่ำในลำคอของเขาดังก้องในกระท่อมเล็กๆ พร้อมกับจังหวะที่เขาทำให้เธอรู้ว่า ไม่มีทางหนีจากเขาได้อีก...
.............................................
นาวินมองร่างเล็กในอ้อมแขนที่แน่นิ่งไปทันทีหลังจากเสียงครางแผ่วของเธอเงียบลง มินตราสลบด้วยความเหนื่อยล้า ใบหน้าซีดเซียวของเธอซุกอยู่กับอกกว้างของเขา ลมหายใจของเธอเบาและสม่ำเสมอ
เขาก้มมองเธอ ใบหน้าคมคายเต็มไปด้วยความสับสนและความหงุดหงิดที่เขาไม่อยากยอมรับ
"เธออย่ามาทำดูอ่อนแอแบบนี้หน่อยเลย..." เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงความขุ่นเคือง "ฉันไม่หลงกลเธออีกหรอกมินตรา...ผู้หญิงแบบเธอ มันก็แค่แสร้งทำตัวน่าสงสารเพื่อหลอกลวงคนอื่น"
แต่คำพูดในใจนั้นไม่ได้ตรงกับการกระทำ แขนแข็งแรงของเขายังคงโอบกอดร่างเล็กแนบอกแน่นขึ้นอย่างอัตโนมัติ
เขาพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆ ในใจด้วยการหันไปมองหน้าต่างที่มีแสงจันทร์ลอดเข้ามา แต่กลับพบว่าดวงตาของเขาเลื่อนกลับมาจ้องมองที่ใบหน้าซีดเซียวของเธออีกครั้ง
"ทำไมฉันถึงต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย..." เขาพูดกับตัวเองเบาๆ พลางยกมือขึ้นลูบเส้นผมยุ่งเหยิงของเธออย่างแผ่วเบา
แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าเขาไม่สนใจ แต่หัวใจกลับย้ำเตือนถึงความเปราะบางของเธอที่เขาเห็นในค่ำคืนนี้
นาวินกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกครั้ง ความอบอุ่นจากร่างของเธอทำให้เขารู้สึกถึงบางอย่างที่เขาไม่ได้สัมผัสมานาน มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่อยากยอมรับ
"เธอมันตัวปัญหา มินตรา...แต่ฉันก็ทิ้งเธอไม่ได้จริงๆ" เสียงของเขาแผ่วเบา ก่อนที่เขาจะหลับตาลง ร่างใหญ่โอบกอดร่างเล็กไว้อย่างมั่นคงตลอดทั้งคืน...
...............................................
มินตราสะดุ้งตื่นจากความฝันวูบไหว ดวงตาของเธอเบิกกว้างและมองไปรอบๆ ห้องไม้เล็กๆ ที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้ป่า เธอยกมือขึ้นจับขมับ รู้สึกมึนงงและเจ็บเล็กน้อยจากไข้ที่ยังค้างอยู่
"ตื่นแล้วเหรอคะ?" เสียงเล็กใสดังขึ้นจากด้านข้าง ทำให้มินตราหันไปมองทันที
ตรงนั้นมีสาวน้อยคนหนึ่ง อายุไม่น่าจะเกินสิบแปดหรือสิบเก้า ใบหน้ากลมเกลี้ยง มีรอยยิ้มสดใสที่ทำให้ดูไร้เดียงสา เธอสวมเสื้อผ้าสีเรียบง่าย แต่ลวดลายที่ปักด้วยมือกลับบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของชนเผ่าที่เธอสังกัด
"หนูชื่อเอื้องค่ะ" เด็กสาวแนะนำตัวพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ขณะยกผ้าชุบน้ำหมาดๆ ออกจากหน้าผากของมินตรา "นายสั่งให้หนูมาดูแลคุณที่นี่ค่ะ"
มินตราขยับตัวขึ้นนั่งอย่างช้าๆ พลางมองสาวน้อยที่มีท่าทางคล่องแคล่วและจริงจังในหน้าที่ เธอยังรู้สึกสับสนและมึนงงกับสถานการณ์
"เอื้อง..." มินตราเอ่ยชื่อของเด็กสาวเบาๆ "นี่มันอะไรกัน...นายของเธอ เขาพาฉันมาที่นี่ทำไม?"
เอื้องเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย ก่อนจะหัวเราะเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อ "หนูไม่รู้หรอกค่ะ นายไม่ได้บอกอะไรหนูมากไปกว่านี้ แค่ว่าให้มาดูแลคุณเท่านั้นเอง"
เด็กสาวเงียบไปชั่วครู่ แล้วมองมินตราอย่างพิจารณา "แต่พอคุณตื่น หนูว่าคุณสวยมากๆ เลยนะคะ เอื้องไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้มาก่อน"
มินตราขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำพูดของเด็กสาว เธอยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างไม่แน่ใจ "ฉัน...สวย?"
เอื้องพยักหน้าแรงๆ พร้อมกับยิ้มกว้างกว่าเดิม "ค่ะ! คุณสวยเหมือนดอกไม้กลางภูเขาเลย นายคงไม่อยากให้ใครเห็นหน้าคุณแน่ๆ มิน่านายถึงหวงคุณมากขนาดนี้"
คำพูดนั้นทำให้มินตราอึ้งไปชั่วขณะ เธอไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่ได้ยิน มันเหมือนจะเป็นคำชม แต่กลับแฝงด้วยอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
"เขา...หวงฉันงั้นเหรอ?" มินตราพึมพำเสียงเบา พลางมองเด็กสาวที่ยังคงยิ้มอย่างไร้เดียงสา
เอื้องพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและหยิบผ้าชุบน้ำหมาดๆ ไปเปลี่ยนใหม่ "นายหวงสิคะ หนูเห็นเลยค่ะ ตอนนายมองคุณ หนูไม่เคยเห็นนายมองใครแบบนั้นมาก่อนเลย"
มินตรายกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเอง ความรู้สึกปั่นป่วนในใจยังคงคุกรุ่น แต่เธอก็ไม่กล้าตอบอะไรเด็กสาวไป ได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้ความคิดในหัวพาเธอวนเวียนอยู่ในคำพูดของเอื้อง
"แล้วเขาไปไหน?" มินตราเอ่ยถามเสียงแผ่ว แต่ในใจกลับรู้สึกวูบโหวงอย่างประหลาด
"นายไปคุมงานตัดกุหลาบค่ะ" เอื้องตอบทันที ขณะหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าผากของมินตราอีกครั้ง น้ำเสียงของเด็กสาวเต็มไปด้วยความสดใส "วันนี้เป็นวันสำคัญค่ะ ต้องเก็บกุหลาบให้ทันช่วงเช้าก่อนที่แดดจะออกจัด นายบอกว่าไม่อยากให้ดอกไม้เสียคุณภาพ"
มินตรามองเอื้องที่พูดด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา แต่หัวใจของเธอกลับเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ "แล้วเขาไม่พูดอะไรถึงฉันเลยเหรอ?"
เอื้องหยุดมือ มองมินตราเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเบาๆ "พูดสิคะ นายบอกให้หนูดูแลคุณให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่อง แล้วก็..." เด็กสาวชะงักไปเหมือนลังเลเล็กน้อย
"แล้วก็อะไร?" มินตราถามต่ออย่างไม่ยอมแพ้
"แล้วก็..." เอื้องยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าปกติ "นายบอกว่าถ้าคุณดื้อ ให้มาบอกนายทันทีค่ะ"
มินตราเบิกตากว้าง รู้สึกได้ถึงความเอาแต่ใจที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น เธอกำมือแน่น หัวใจเต็มไปด้วยความขัดแย้ง
"เขาเป็นแบบนี้เสมอหรือเปล่า?" มินตราถามเบาๆ น้ำเสียงแฝงความเหนื่อยล้าทั้งจากร่างกายและจิตใจ
เอื้องมองเธอด้วยความสงสัย "แบบไหนคะ?"
"ก็...เอาแต่ใจ แล้วก็ทำเหมือนทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการ"
เอื้องหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบด้วยความใสซื่อ "นายเป็นคนแบบนั้นค่ะ แต่หนูว่ามันเป็นเพราะนายห่วงคุณนะคะ"
คำตอบนั้นทำให้มินตรานิ่งไป ความรู้สึกหลากหลายที่ตีวนอยู่ในใจทำให้เธอไม่แน่ใจว่าเธอควรจะรู้สึกอย่างไรกับคำพูดของเอื้องและการกระทำของนาวิน
"ห่วงฉัน?" มินตราพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ดวงตาเหม่อมองไปยังหน้าต่างกระท่อมที่แสงแดดลอดผ่านเข้ามา
แต่ลึกๆ ในใจ เธอรู้ดีว่าความสัมพันธ์นี้มีมากกว่าคำว่าห่วง... และมันก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นทุกครั้งที่เธอคิดถึงผู้ชายคนนั้น...