บทที่ 1 เขาชื่อปรานต์
บรรยากาศภายในห้องเต็มไปอุณหภูมิเย็นยะเยือกจากเครื่องปรับอากาศมากระทบกับผิวหนัง ส่งผลให้ขนกายลุกชันจนมือบางต้องลูบแขนขึ้นลงแผ่วเบา สองตากลมโตจับจ้องไปยัง ‘สามี’ ที่กำลังนั่งอยู่อีกส่วนของห้องด้วยความพิจารณา
วีรยา กิจธนวงศ์ หญิงสาวผู้ถูกครอบครัวอ้อนวอนขอร้องให้แต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือธุรกิจของครอบครัวที่กำลังจะเจ๊งไม่เป็นท่า หากไม่ได้เขากิจการต้องโดนเจ้าหนี้ยึดทรัพย์ไร้ซึ่งหนทางทำมาหากิน เธอจึงพูดอะไรมากไม่ได้และตกปากรับคำไป
แม้จะไม่ได้เต็มใจเต็มร้อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่ร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นกัน สามีหนุ่มของเธอคนนี้ไม่ได้จัดอยู่ในคำว่าแย่ เขาดีมากเลยต่างหาก
ปรานต์ ปัญญาวัฒน์ ฐิติอิทอนันต์ นั่นคือชื่อของเขา ปรานต์เป็นนักธุรกิจหนุ่มอายุสามสิบสามปี เป็นเจ้าของแกลเลอรีชื่อดังขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ภายในแกลเลอรีของเขามีงานของศิลปินชื่อดังมากหน้าหลายตาโชว์แสดงอยู่ในนั้น มีหลากหลายอารมณ์ หลากหลายความรู้สึก ความสวยงาม แต่บางครั้งบรรยากาศข้างในกลับสื่อความรู้สึกแปลกประหลาดไปอีกแบบ ซึ่งมันไม่ได้ให้ความน่ากลัวสำหรับคนที่ชอบเสพผลงานศิลปะ แต่มันเป็นจุดน่าสนใจจึงเรียกให้ผู้คนให้หลั่งไหลเข้าชมแกลเลอรีของเขาเป็นจำนวนมาก
ด้วยความที่เป็น ‘ปรานต์’ ใครต่างรู้จักเขาในเรื่องของความเก่งและความสามารถ อีกทั้งหน้าตาหล่อเหลา ประวัติส่วนตัวดูน่าค้นหา เพียงเท่านี้ก็สามารถเรียกใครต่อใครให้หันมาสนใจในตัวเขาได้แล้ว จึงไม่แปลกที่หน้าที่การทำงานของปรานต์จะรุ่งเรืองและเป็นที่นิยมในขณะนี้
ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น กระทั่งเมื่อเดือนก่อนปรานต์ประสบอุบัติเหตุอย่างหนักจึงกลายเป็น ‘ชายสมองเสื่อม’ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะดำเนินธุรกิจต่อไปไม่ได้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมจนใครต่างสงสัยในความสมองเสื่อมของเขา
ไม่เว้นแม้กระทั่งวีรยา…
ดวงตากลมโตยังคงมองไปยังคนเป็นสามีด้วยความสงสัยต่าง ๆ นานา ได้ยินเหล่าแม่บ้านพูดกันว่าตั้งแต่ที่ปรานต์ประสบอุบัติเหตุครั้งนี้เขาดู ‘เปลี่ยนไป’ ซึ่งเธอไม่รู้หรอกว่าเปลี่ยนไปอย่างไร แต่สำหรับเธอมันคือเรื่องดี
“หน้าผมมีอะไรติดอย่างนั้นเหรอวี” เสียงทุ้มเอ่ยพูดให้ได้ยิน เรียกสติของวีรยากลับคืนมา “หรือวีรอเข้าหอ”
“เปล่าค่ะ” ใบหน้าสวยส่ายพัลวัน “เพียงแค่สงสัยว่าคุณทำอะไรก็เลยมอง”
“อ้อ…”
“ฉันไม่รบกวนคุณแล้วดีกว่า” เธอตั้งท่าจะนอน แต่ยังไม่ทันได้ทิ้งตัวลงปรานต์กลับเปิดปากพูดซะก่อน
“อยากรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ก็มาดูสิวี”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากรบกวนคุณ”
“ไม่รบกวนหรอก” คราวนี้ปรานต์เงยหน้าจากงานที่ทำพร้อมส่งยิ้มบาง ๆ มาให้เมียสาว “ผมจะกล้าว่าเมียรบกวนได้ยังไง”
ว่าจบปรานต์ก็ก้มหน้าลงไปทำงานตามเดิม ทิ้งอีกคนให้นั่งมองอย่างแคลงใจอยู่อย่างนั้น วีรยาไม่ได้รู้จักกับปรานต์เป็นการส่วนตัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้จักเขาเลย
ทั้งสองเคยเจอกันมาก่อนที่เกาะสวรรค์ และเคยเกือบลึกซึ้งกันครั้งหนึ่ง…
ร่างบางก้าวลงจากเตียงค่อย ๆ ย่างเท้าเดินไปหาคนเป็นสามีที่เพิ่งแต่งงานกันได้เพียงสองวัน เมื่อไปถึงโต๊ะทำงานของเขาก็ต้องได้เห็นภาพขนาดใหญ่วางอยู่ต่อหน้า เนื้อหาภายในภาพสื่อถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาของปรานต์ เหตุการณ์ที่เขาประสบอุบัติเหตุรถชน
ผู้ชายคนนี้ผีเข้าหรือไร ถึงได้เก็บรายละเอียดตอนที่ตัวเองประสบอุบัติเหตุไว้แบบนี้
“คุณจะเอาไปโชว์ที่แกลเลอรีเหรอคะ”
“อืม” เขาพยักหน้ารับ ตายังคงจ้องมองอยู่อย่างนั้น “มีคนส่งมาให้น่ะ ผมเห็นว่ามันเหมือนเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็เลยว่าจะเอาไปโชว์สักหน่อย”
“…”
“เผื่อจะจำเหตุการณ์ในวันวานได้”
หัวใจของวีรยาเต้นแรงขึ้นดื้อ ๆ เมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของเขา ภาพความทรงจำในวันวานหลั่งไหลเข้ามาเป็นสายน้ำ ตอกย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าว่าอย่าลืมมันเด็ดขาด