จุดเริ่มต้นของศึกฝึกงาน

1970 คำ
ลมเช้าปะทะหน้าอย่างอ่อนโยนในวันที่ท้องฟ้าใสจนแทบมองเห็นเส้นขอบฟ้าชัดเจน ความสดชื่นของอากาศเช้าวันจันทร์ไม่ได้ช่วยลดความประหม่าในใจของ พริมา เลยสักนิด ตรงกันข้าม… มันกลับทำให้หัวใจเต้นแรงกว่าเดิม เพราะวันนี้คือวันสำคัญวันแรกของการฝึกงาน ที่บริษัทระดับประเทศอย่าง SKYLINE GROUP บริษัทที่เธอใฝ่ฝันอยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งมาตลอดสามปีในรั้วมหาวิทยาลัย พริมยืนอยู่หน้าอาคารสูงกว่า 40 ชั้น เงยหน้ามองโลโก้ SKYLINE ขนาดใหญ่ที่ติดอยู่เหนือประตูอัตโนมัติ สีเงินวาวสะท้อนแสงแดดยามเช้าอย่างเท่และทรงพลัง เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งทีเพื่อเรียกกำลังใจ ก่อนก้าวเท้าเข้าไปในล็อบบี้ที่โอ่อ่าไม่แพ้โรงแรมห้าดาว พื้นหินอ่อนสีขาวสะอาด ห้องโถงสูงโปร่ง พนักงานเดินเข้าออกอย่างเร่งรีบแต่เป็นระเบียบ ทุกคนแต่งตัวเนี้ยบเหมือนหลุดมาจากนิตยสารธุรกิจชื่อดัง โอเคพริม…ใจเย็นเข้าไว้ ต้องทำได้สิ เราเตรียมตัวมาตั้งนาน ความฝันของเรากำลังจะเริ่มแล้ว! เธอกำมือแน่นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ก่อนเดินไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อตรวจรายชื่อและรับบัตรผ่านชั่วคราว หลังจากแจ้งชื่อและผ่านการรักษาความปลอดภัย เธอได้รับบัตรขึ้นลิฟต์พนักงานพร้อมรอยยิ้มจากพนักงานต้อนรับ “ขึ้นชั้น 28 นะคะ ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กรค่ะ ขอให้โชคดีกับวันแรกนะคะ” “ขอบคุณค่ะ…” พริมตอบพร้อมรอยยิ้มประหม่า ลิฟต์พุ่งขึ้นด้วยความเร็วสูงจนรู้สึกได้ถึงแรงดันในหู เธอเผลอยกมือแตะแก้มตัวเองเพื่อตรวจว่าหน้ายังเรียบกริ๊บอยู่มั้ย ทั้งเมกอัป ทั้งทรงผม ต้องเป๊ะ ตอนไปสมัครยังแต่งตัวธรรมดาได้ แต่ตอนมาเริ่มงานจริง เธอไม่ยอมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแค่ ‘พอใช้’ ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมเสียงติ๊ง ชั้น 28จุดเริ่มต้นของเรื่องวุ่นทั้งหมด ทันทีที่ก้าวออกไป พริมก็พบกับออฟฟิศแบบโค-วอร์กกิ้งสไตล์โมเดิร์น ห้องกระจกใส โต๊ะทำงานเรียงเป็นเซกเมนต์ แสงไฟสีขาวนวลและหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นวิวเมือง ทำให้ที่นี่ดูเป็นสถานที่ที่คนมีความฝันอยากมาฝังตัวอยู่ พริมปรับสายกระเป๋า เดินตามป้ายของฝ่ายการตลาดที่ติดอยู่ด้านขวาสุดของออฟฟิศ เธอกำลังเปิดโน้ตในมือถือเพื่อดูเส้นทางต่อ แต่จู่ ๆ ปึ้ง! เธอชนอะไรบางอย่างเข้าอย่างจังจนแฟ้มเอกสารในมือปลิวหลุดออกมาเป็นวง พริมสะดุ้งจนหัวใจแทบหยุดเต้น รีบก้มลงไปเก็บแฟ้มที่ลอยว่อนบนพื้น “ขอโทษครับ! เดี๋ยว..” เสียงทุ้ม ๆ ดังอยู่ตรงหน้า พริมชะงัก เงยหน้าขึ้น แล้วก็เจอกับ “เขา” ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีดำเข้ารูป กางเกงสแลคแบบพอดีตัว ใบหน้าคมคายจนเหมือนตัดมาจากโปสเตอร์นายแบบ รูปร่างสูงจนเธอต้องเงยคอขึ้นอีกนิดถึงจะสบตาได้ แต่แทนที่เขาจะดูใจดีหรือยิ้มให้แบบสุภาพ— เขาขมวดคิ้ว ดูไม่พอใจนิด ๆ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “เดินดูทางด้วยสิครับ” คำพูดเรียบง่ายแต่ความหมายคือโยนความผิดให้เธอเต็ม ๆ พริมกลั้นหายใจไปวินาทีหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไปอย่างมีมารยาทแต่แอบยียวน “ขอโทษนะคะ แต่ถ้าคุณไม่เดินเร็วเหมือนจะไปแข่งโอลิมปิกก็คงไม่ชนกันหรอกค่ะ” ชายคนนั้นหรี่ตาเล็กน้อย เหมือนกำลังประเมินเธอ เขายืนกอดอกเล็ก ๆ ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท “งั้นคราวหน้าผมจะพยายามเดินช้าลง… ให้เข้ากับความเร็วของคุณก็แล้วกัน” โอ๊ยยยยยย นี่ประโยคสุภาพหรือมีดคัตเตอร์! พริมกัดฟัน “คุณนี่กวนประสาทตั้งแต่เจอครั้งแรกเลยนะคะ” เขาโน้มตัวลงเก็บแฟ้มให้แบบไม่ตั้งใจนัก แต่ก็ยังพูดประโยคเสียดสีได้อีก “ไม่กวนหรอก… ถ้าคุณไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน” เริ่มอะไรล่ะ!? หนูแค่เดิน! พริมอยากจะเถียง แต่สถานที่นี้ไม่ใช่ที่ที่เธอจะสร้างเรื่องตั้งแต่วันแรก เธอเลยจำใจรับแฟ้มกลับมาแล้วรีบเดินหนีด้วยหัวใจที่สั่นทั้งโกรธทั้งอาย พริมมาถึงหน้าห้องประชุมที่ใช้ต้อนรับเด็กฝึกงาน เธอสูดลมหายใจเข้าอีกครั้งเพื่อรีเซ็ตอารมณ์ เปิดประตูเข้าไป… แล้วก็พบว่าเธอไม่ใช่คนแรก มีเด็กฝึกงานอีกสี่ห้าคนนั่งอยู่แล้ว บางคนดูเป็นกันเอง บางคนดูจริงจัง เธอยิ้มให้ทุกคน ก่อนเลือกที่นั่งแถวสองใกล้หน้าห้องเพื่อจะได้ฟังบรีฟงานชัด ๆ ยังไม่ทันนั่งดี เสียงประตูห้องก็เปิดอีกครั้ง หมับ หัวใจพริมหล่นไปอยู่ตาตุ่ม คนที่เดินเข้ามาคือ… ชายที่เธอเพิ่งปะทะคารมด้วยเมื่อกี้! เขาเดินอย่างสงบ เงียบ แต่โคตรดึงดูดสายตาเหมือนตัวละครหลักในซีรีส์ดัง ข้อมือข้างซ้ายมีนาฬิกาหรูที่ดูราคาไม่ต่ำกว่าครึ่งแสน แต่สิ่งที่ทำให้พริมแทบหยุดหายใจคือ บัตรห้อยคอของเขา บนบัตรเขียนว่า:“K E Y Keythanwa Akkarameethakul” ฝ่ายบริหาร – Trainee Program อัครเมธากุล… นามสกุลเดียวกับ CEO บริษัท…” พริมรีบหันไปมองชายที่เพิ่งเข้ามาอีกครั้งทันที เขานั่งที่หัวโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจใคร ราวกับคุ้นชินกับตรงนั้น บ้าแล้ว… อย่าบอกนะว่า หัวหน้าฝ่ายการตลาดเดินเข้ามาพอดี พร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร “สวัสดีทุกคนนะคะ ยินดีต้อนรับเด็กฝึกงานรุ่นใหม่ทุกคนค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำ— คุณคีย์ธันวา ลูกชายของท่าน CEO ที่จะมาฝึกงานกับเราในฐานะ Trainee จากฝ่ายบริหาร อีกสามเดือนเขาจะหมุนเวียนทุกฝ่ายเพื่อเรียนรู้ภาพรวมของบริษัทค่ะ” เสียงเด็กฝึกงานรอบห้องฮือฮาเบา ๆ แต่ในหัวพริมคือเสียงระเบิดดังแบบ ตู้มมม! ลูกชาย CEO คนที่เดินเร็วเหมือนจะเหาะ คนที่พูดจาเหมือนมีมีดซ่อนในคำสุภาพ คนที่เธอเผลอปะทะใส่แบบไม่เกรงใจ เธอเผลอก้มหน้าลงทันที คีย์เหลือบตามองเธออย่างตั้งใจเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นอย่างไม่แม้แต่จะปิดบังความเหนือกว่า เหมือนเขากำลังพูดผ่านสายตาว่า “คราวนี้ล่ะ… สนุกแน่” พริมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอครั้งใหญ่จนแทบสำลัก สามเดือนฝึกงาน… เธอว่าตัวเองอาจต้องฝึกสติด้วย หลังจากการแนะนำตัวและบอกกติกาการฝึกงาน พนักงานรุ่นพี่ชื่อพี่อาย ก็พาเด็กฝึกงานทั้งหมดเดินชมออฟฟิศ พริมตั้งใจฟังทุกคำอธิบาย ทั้งเรื่องโครงสร้างองค์กร วิธีทำงาน การใช้ห้องประชุม แต่จิตใจเธอกลับไม่สงบเลยแม้แต่นิด เพราะตลอดเส้นทาง เธอรับรู้ถึงสายตาแปลก ๆ ของใครบางคนที่เดินอยู่ด้านหลังตลอดเวลา ใช่… คีย์ เขาเดินนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แต่พริมสัมผัสได้ว่าเขากำลังสังเกตเด็กฝึกงานทุกคน รวมถึงเธอด้วย โดยเฉพาะเธอ ระหว่างเดิน พี่อายพูดขึ้น “พริมใช่ไหมคะ เดี๋ยวพี่ดูแล้วน้องน่าจะได้ช่วยงานฝั่งคอนเทนต์กับฝั่งครีเอทีฟนะคะ ดูจากโปรไฟล์แล้วเหมือนน้องถนัดด้านนี้” “ได้ค่ะพี่อาย พริมทำเต็มที่เลยค่ะ” พริมตอบด้วยใบหน้าตื่นเต้น คีย์เหลือบมองเธอครู่หนึ่งเหมือนประเมิน พริมรีบเมินหน้าหนี อย่ามายุ่งกับเราเลยนะคะคุณลูกเจ้าของบริษัท! พอพาเดินชมครบแล้ว พี่อายก็ยื่นแฟ้มกองหนึ่งให้เด็กฝึกแต่ละคนเพื่อเริ่มงานแรก—งานคัดกรองข้อมูล และแน่นอน พริมก็ได้รับหนึ่งแฟ้มเหมือนกัน เธอกำลังจะเดินไปนั่งโต๊ะที่จัดไว้ให้เด็กฝึกงาน แต่แฟ้มในมือกลับถูกชนอีกครั้งไม่แรงมาก แต่พอให้เธอสะดุ้ง เธอหันกลับไป แล้วก็เจอเขาอีก “คุณ!” คีย์เลิกคิ้ว “ผมแค่เดินผ่าน คุณตกใจง่ายไปหรือเปล่า” “ก็คุณเดินเงียบเหมือนผีสิคะ!” คีย์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ “ผมเป็นผีที่คุณอยากให้หลีกไปให้ไกล ๆ รึเปล่า?” “ใช่ค่ะ” พริมตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด คีย์มองหน้าเธอนานกว่าปกติเล็กน้อย ก่อนจะพูดเสียงเบาเหมือนไม่ได้ตั้งใจให้เธอได้ยิน “แต่ผมไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นนะ…” พริมขมวดคิ้ว “คุณพูดว่าอะไรนะคะ?” คีย์ส่ายหน้าเหมือนไม่มีอะไร “ไม่ได้พูดครับ” คนอะไร! กวนประสาทเก่งเป็นที่สุด! พริมยืนเท้าสะเอว มองเขาแบบไม่ยอมแพ้ “คุณจะเดินชนฉันอีกกี่รอบคะเนี่ย?” “แล้วคุณจะโดนผมชนอีกกี่ครั้งล่ะครับ?” คีย์ตอบกลับแบบไม่หลบสายตา กรี๊ดดดด นี่มันประโยคที่น่าต่อยหน้า แต่ก็ทำให้หน้าแดงได้ด้วย! ก่อนที่เรื่องจะไปไกลกว่านี้ พี่อายเดินมาขัดจังหวะพอดี “น้องสองคนโอเคนะคะ? มีอะไรติดขัดไหม?” พริมรีบส่ายหน้า “ไม่มีค่ะ!” คีย์ก็ยิ้มสุภาพแบบไม่เหลือร่องรอยความกวน “ปกติดีครับพี่อาย” พริมอึ้ง ทำไมเขากลับลำเก่งจังคะเนี่ย! ช่วงสาย เด็กฝึกงานนั่งแยกย้ายทำงานกัน พริมกำลังตั้งใจกรอกรายชื่อสินค้าที่ต้องใช้ในการทำแคมเปญลงในไฟล์ความยาวเกือบร้อยรายการ เธอตั้งใจมากจนไม่ทันสังเกตว่ามีเงาเดินมาหยุดอยู่ข้างหลัง เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้หู “พิมพ์ผิดแถวนะครับ” พริมสะดุ้งจนเกือบโยนคีย์บอร์ดทิ้ง “คุณ—! ทำไมชอบเดินมาด้านหลังฉันตลอดเลยคะ!” คีย์ยักไหล่นิด ๆ “ก็โต๊ะคุณมันอยู่ในทางเดินน่ะครับ” “คุณเลือกเดินอีกทางก็ได้!” “ผมชอบเดินทางนี้มากกว่า” “ทำไมคะ?” คีย์ก้มลงเล็กน้อย เงาของเขาทาบบนโต๊ะทำงานของพริม มุมปากเขาโค้งขึ้นนิด ๆ “เพราะมัน… น่าสนใจกว่า” โอ๊ยยยยย นี่จะมากวนหรือจะมาหยอดคะคุณ!? พริมหน้าแดงโดยไม่ตั้งใจ รีบหันกลับไปจ้องหน้าจอและทำเป็นไม่สนใจเขา คีย์ยืนมองเธออีกไม่กี่วินาทีก่อนจะเดินออกไป พริมคว้าปากกาแล้วจิ้มโต๊ะเบา ๆ “บ้าเอ๊ย… เขินทำไม! เขามากวนเราเฉย ๆ นะพริม!” บ่ายแก่ ๆ หลังจากทำงานแรกเสร็จ พี่อายก็เรียกเด็กฝึกงานทุกคนมาสรุปงานของวันนี้ และแจ้งตารางงานต่อไป พริมถอนหายใจโล่งอกเมื่อรู้ว่าใกล้เลิกงานแล้ว แต่ยังไม่ทันดีใจ หลายคนก็เดินออกจากห้องประชุมไปหมด เหลือแค่เธอ… และคีย์ พริมเก็บของเร็วที่สุดเท่าที่เคยทำมา แต่ก่อนจะทันได้เดินออก คีย์ก็พูดขึ้น “พริมใช่ไหม” เธอหยุด “คะ?” คีย์ไม่ได้ยิ้ม แต่ในแววตาเหมือนกำลังเล่นเกมอะไรบางอย่าง “วันนี้… คุณทำงานดีนะ” พริมกะพริบตาปริบ ๆ เพราะตั้งแต่เช้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาชมเธอแบบจริงจัง คีย์มองเธออีกครั้งก่อนพูดต่อ “แต่พรุ่งนี้… อย่าเดินชนผมอีกล่ะครับ” พริมแทบอยากเอาแฟ้มฟาดเป็นการตอบแทน “คุณนั่นแหละอย่าเดินเร็วเหมือนจะบินสิคะ!” คีย์หัวเราะเบา ๆ ก่อนเดินผ่านไป ทิ้งเธอให้ยืนค้างอยู่กับความหงุดหงิดปนเขินไม่รู้ตัว พริมสูดหายใจลึก สามเดือนจากนี้…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม