8
เกือบรุ่งสางจอมแผนการอย่างพญาขาลก็กลับมาที่เรือนนอนของตนเอง คิดในใจว่าหากกลับมาพบร่างไร้ลมหายใจของนางจะทำอย่างไร จะเอาร่างของนางไปทิ้งไว้ในป่าช้าหรือจะช่วยจัดงานศพให้นางเพื่อไว้อาลัย ความคิดสองฝั่งแย่งพื้นที่กันในสมองของเขาจนใบหน้ามหึมาลายพาดกลอนทมึงตึงเครียด ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนวางแผนอยากจะกำจัดนางไม่ให้ขวางหูขวางตาแต่กลับกลายเป็นว่ามันทำให้เขารู้สึกว้าวุ่นและรู้สึกผิด
อุ้งเท้ามหึมาเหยียบย่างเข้ามาในอาณาเขตเรือน กลิ่นอายของดวงวิญญาณร้ายยังคงลอยปกคลุมชานเรือน ทว่าเสียงสัญญาณชีพอันแผ่วเบาพร้อมลมหายใจรวยรินของนาง ลอยเข้ามากระทบโสตประสาทของเขาอย่างว่องไว นางยังไม่ตาย!
“เป็นไปได้อย่างไร...” พญาขาลขมวดหัวคิ้วแน่นเป็นปม
เสือสมิงร่างมหึมาเหยียดขยายกลายเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนไร้อาภรณ์บดบังความแข็งแกร่งทุกสัดส่วนบนเรือนกาย พญาขาลเหลือบมองเจ้าพิรุณและเจ้ากำจายที่มีสีหน้างุนงงไม่แตกต่างกัน
บอกเป็นนัยว่าไม่ใช่ฝีมือพวกมัน…
ผู้ใดพบเจอผีกะยักษ์ล้วนแล้วแต่ไม่รอดสักราย ไม่กลายเป็นอาหารอันโอชะจนหาซากศพไม่เจอก็จะถูกดูดกลืนดวงวิญญาณจนร่างกายแห้งเหี่ยวจนหนังติดกระดูก แต่นางไม่เป็นเช่นนั้น นางยังคงเหลือลมหายใจอันแผ่วเบารวยริน แม้นว่าเรือนร่างของนางยังหลงเหลือกลิ่นอายของผีกะยักษ์ล้อมรอบ แต่กลิ่นโลหิตหอมหวนอาบชโลมเรือนร่างระหงของนางกลับเด่นชัดยิ่ง
ท่อนขาแกร่งเดินขึ้นบันไดเรือนเชื่องช้า นี่คงเป็นหนแรกที่เขารู้สึกกระอักกระอ่วนจนทำตัวไม่ถูก คนเจ้าอารมณ์อย่างเขา ก็มีวันที่ถูกผู้อื่นทำให้รู้สึกแปลกใหม่แต่เป็นความแปลกใหม่ที่เขาไม่ยินดีได้เช่นกัน มือสากเลิกม่านมุ้งขึ้นเผยให้เห็นร่างสะบักสะบอมปางตายของกระดังงาเต็มสองตา แววตาของเขาวูบไหวชั่วครู่ก่อนจะทอดมองนางอย่างเย็นชาปราดหนึ่ง
“!!?!!”
“อย่ามาตายเรือนข้า จะตายก็กลับไปตายที่บ้านเอ็ง” พญาขาลยกฝ่าเท้าเขี่ยร่างอ่อนระโหยโรยแรงของนาง หวังจะปลุกนางให้ตื่นขึ้นมา ฝ่าเท้าของเขาแตะสัมผัสเรียวขาขาวของนางพลันสะดุ้งโหยงจนรีบชักฝ่าเท้ากลับคืน
ตัวของนางร้อนผ่าวราวกับอยู่บนเตาถ่าน ร้อนเสียจนมีไอระอุแผ่ออกมาจากร่างระหง ร่างกายของนางเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคราบโลหิตแห้งกรัง ใบหน้ามอมแมมเหมือนพึ่งผ่านสมรภูมิรบมาก็ไม่ปาน ริมฝีปากสีซีดสั่นระริกจนฟันขาวเรียงซี่กระทบกันดังกึก ๆ
“ตื่น!”
“สำออยนัก! ชุมโจรหมานคำบ่มเพาะแม่หญิงมารยาสาไถยเช่นเอ็งออกมาทุกรุ่นเลยหรือ” วาจาเชือดเฉือนเปล่งออกมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ร่างเล็กที่เอาแต่นอนคดตัวรู้สึกตัวเลยสักนิด
“......”
“ใกล้ตายหรือยังส่งสัญญาณหน่อย ข้าจะได้เตรียมขุดหลุมไว้ให้เอ็ง”
“......”
เตียนคำสิงสู่อยู่ในอบเงินได้ยินทุกคำพูด เห็นทุกการกระทำของเขาก็ยิ่งทำให้อารมณ์เดือดดาลพวยพุ่งจนอดใจแทบไม่ไหว แอบค่อนขอดปนด่าพญาขาลอยู่ในใจเป็นร้อยครั้ง นับตั้งแต่นางเป็นผีกะคอยช่วยเหลือหญิงสาวเพิ่มพูนอำนาจ วาสนา และเสน่หาในกาย นางไม่เคยพบเจอชายหนุ่มคนใดที่หยาบโลนและหยาบคายเท่าเขามาก่อนในรอยหลายร้อยปีมานี้ เขาช่างเก่งกาจสรรหาวาจาคมคายราวกับใบมีดเสียจริง
“นะ...หนาว” เสียงสั่นพร่าลอยแว่วมาจากริมฝีปากเล็กที่ยังคงนอนหลับใหลไม่ได้สติ
“เอ็งว่ากระไรพูดให้มันดังๆ หน่อย ข้าไม่ได้ยิน อมเสียงไว้ในลำคอเช่นนั้นผู้ใดจะตรัสรู้ว่าเอ็งพูดกระไร” พญาขาลยกฝ่าเท้าเขี่ยหญิงสาวอีกหน
“......” ครั้งนี้ริมฝีปากขยับขมุบขมิบไร้สุ้มเสียงเปล่งออกมา คล้ายว่านางใกล้หมดแรงเต็มทีแต่เปลือกตาหนักอึ้งยากจะลืมตามาปะทะฝีปากกับเขา
พญาขาลอดรำคาญท่าทีเยี่ยงหญิงสาวผู้อ่อนแอขาดคนปกป้องของนางไม่ได้ จึงถลาเข้าไปในม่านมุ้งเงี่ยใบหูแนบชิดริมฝีปากของนาง เผื่อว่านางต้องการจะสั่งเสียกระไรก่อนตายเขาจะได้จัดการให้
อย่างน้อยก็ไม่ถือว่าติดค้างกันมากนัก เขายันกายโน้มเข้าหาร่างระหงขมวดคิ้วกับกลิ่นโลหิตหอมหวนบนร่างนาง เขาค้างอยู่ในท่วงท่านั้นอยู่นานแต่ก็ไม่ได้ยินสุ้มเสียงที่นางปริปาก มีเพียงริมฝีปากนุ่มนิ่มเฉียดแก้มสากของเขาไปมา ยามนางนอนกระสับกระส่ายไม่คล้ายกิริยาปั้นแต่ง
“รีบๆ สั่งเสียมา” ใบหน้าคมคร้ามไร้อารมณ์เร่งเร้ากระดังงา ดูเหมือนจะเป็นการแช่งชักอยากให้นางตายสักทีมากกว่าให้นางสั่งเสีย
“งัดแรงก่อนตายออกมาพูด”
‘ดูเอาเถิด! ปากคอเลาะร้ายนัก นางน้อยต้องทำให้อ้ายขาลผู้นี้ตกหลุมรักให้ได้นะเจ้าคะ หลังจากนั้นก็โยนเขาลงไปในเหวลึกไม่ให้เขาหลุดออกมาได้ ก็นับว่าเป็นการแก้แค้นที่สาสมแล้วเจ้าคะ!’ เตียนคำเบะปาก
“อือ”
“นะ...หนาว หนาวจัง”
กระดังงาอุณหภูมิสูงขึ้นรีบไขว่คว้าความอบอุ่นข้างกายเข้าไปกกกอดแนบแน่น พญาขาลโน้มยันกายแกร่งใกล้นางเมื่อครู่ไม่ทันระแวะระวังตนถูกนางฉุดรั้งโถมร่างเหยียดกายนอนตะแคงข้างนาง ขณะที่เรือนร่างกำยำแน่นไปทุกสัดส่วนยังคงเปลือยเปล่ากระดังงาซุกใบหน้าจิ้มลิ้มเข้าหาอกแกร่งราวกับลูกแมวน้อยออดอ้อน สองแขนเรียวโอบรัดรอบเอวแกร่งแน่น ไม่ยอมปล่อยให้เขากระดิกหนีหายไปไหน แม้มือสากจะพยายามแกะมือปลาหมึกของนางแต่ก็ไม่เป็นผล
“ไม่มีแรงพูดแต่มีแรงกอดข้า เออดี!”
“กระไรของเอ็ง!” พญาขาลขึงตาใส่หญิงสาวที่นอนละเมอเพ้อพกด้วยพิษไข้ไม่รู้เรื่องรู้ราว มือสากกร้านพยายามดันศรีษระเล็กที่ซุกเข้ามาให้ออกห่าง แต่ยิ่งดันออกนางก็ยิ่งซุกเข้ามาทำเหมือนเขาเป็นหมอนข้างกายสุดแสนจะอบอุ่น
“เนื้อตัวมีแต่กลิ่นคาวเลือด ข้าเหม็น! น่ารังเกียจยิ่งนัก! นั่นเอ็งเอาจมูกมาถูไถอกข้าเพราะเช็ดน้ำมูกงั้นรึ! เอ็ง! เอ็ง!” แววตาของพญาขาลชิงชังรังเกียจเสียเต็มประดา
“เอ็งคิดว่าร่างกายเอ็งมันน่ากอดนักหรือ!” พญาขาลพยายามแยกร่างนางให้ออกห่างอยู่หลายครั้งหลายครา ก่อนจะถอนหายใจพรืดใหญ่รู้สึกหงุดหงิดที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่เขาคิดไว้
ครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีที่เสือสมิงผู้ดุร้ายแฝงอารมณ์หงุดหงิดและเกรี้ยวกราดแนบชิดกับหญิงสาว หากไม่นับรวมในคราที่โดนยาปลุกกำหนัด นี่คงเป็นหนแรกที่เขาแนบชิดสนิทเนื้อกับหญิงสาวในขณะที่ยังมีสติเต็มร้อย เมื่อไร้หนทางดิ้นรนเขาจึงนอนแน่นิ่ง ใบหน้าคมคร้ามของเขาในตอนนี้ย่ำแย่หนักหนาเพียงใดไม่อาจเดาได้
“......” เสียงถอนหายใจพรืดใหญ่ดังขึ้นหลายระลอก
ไม่รู้ว่าค่ำคืนนี้เขาจะนอนก่ายหน้าผากถอนหายใจกี่ครั้ง ก็ไร้วี่แววว่าเธอจะตื่นขึ้นมากลางดึกและปลดปล่อยเขาออกจากพันธนาการที่ทั้งเหนียวและหนึบเหมือนตีนตุ๊กแก พญาขาลเบนหน้าหนีย่นจมูกด้วยความรังเกียจ แต่ก็ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่ทำให้ลมหายใจของเขาเข้าออกสม่ำเสมอเป็นจังหวะ บ่งบอกว่าเขาย่างก้าวสู่นิทราดำดิ่งสู่การพักผ่อนแบบสบายใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“หึ...” กระดังงาเปิดเปลือกตาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่เผลอผล็อยหลับ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แพรวพราวผุดพรายบนดวงหน้า ทั้งหมดทั้งมวลของเธอก็คือการแสดงที่มันอาจจะสมจริงไปหน่อยจนเขาตายใจ
เธอใช้วิชาเสน่ห์ในตอนที่เขาเผลอไผลไปกับท่วงท่าธรรมชาติ กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง ในเมื่อไม่คิดจะให้เธอนอนหลับพักผ่อนอย่างสบาย เธอก็จะไม่ให้เขานอนหลับแบบสบายเหมือนกัน เขาจะต้องระแวดระวัง พะวงกังวลตลอดทั้งคืน
และก็เป็นอย่างนั้นทั้งคืนตามที่เธอหมายมั่นตั้งใจ ฝ่ามือนุ่มนิ่มอยู่ไม่สุขเคลื่อนปัดป่ายเนื้อตัวของพญาขาล ทำเอาเขาสะดุ้งโหยงตื่นกลางดึกหลายรอบ ฝ่ามือนุ่มนั้นสัมผัสหน้าท้องแกร่งบ้าง ขยับไปโดนใจกลางความเป็นชายอันเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกปิดบ้าง ริมฝีปากเล็กร้อนขมุบขมิบพึมพำเบียดเสียดอกแกร่ง เฉียดยอดอกสีเข้มของเขาไปมาพญาขาลผู้หวงเนื้อหวงตัวมาแต่ไหนแต่ไรไหนเลยจะกล้าข่มตานอนหลับได้สนิท คอยปัดป้องมือไม้เหนียวหนึบคู่นั้นตลอดทั้งคืนจนขอบตาดำคล้ำ
“เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเอ็งกำลังเอาคืนข้าทางอ้อม” พญาขาลเหลือบมองกระดังงาที่เอาแต่ซุกเข้าหาความอบอุ่นด้วยน้ำเสียงเค้นลอดไรฟัน
จะให้เขาหลีกหนีได้อย่างไรก็ในเมื่อนางเล่นกอดรัดเขาเหมือนงูเหลือมรัดหมาเสียอย่างนั้น แม่หญิงผู้นี้น่าตายสักร้อยรอบก็ยังไม่ทำให้เขาหายแค้น!
ก่อนใกล้รุ่งสางเสียงไก่บ้านโก่งคอร้องขันส่งเสียงเจี้ยวจ้าว ชายหนุ่มวัยกลางคนลืมตางัวเงียมองคานเรือนด้วยสีหน้าย่ำแย่ที่สุดเกินจะบรรยาย ริมฝีปากหนาขบเม้มเป็นเส้นตรง อารมณ์ของเขาเพรียกพร้อมที่จะกระชากดวงวิญญาณของนางออกจากร่างเต็มทน กระดังงาในเวลานี้แทบจะนอนเกยขึ้นมาบนร่างเขา ใช้ร่างของเขารับน้ำหนักนางแทนฟูกนุ่นอยู่รอมร่อ
“อือ!”
“......”
เสียงคนข้างกายอู้อี้ในลำคอขยี้เปลือกตาสะลืมสะลือ นางคลอเคลียราวกับตนเองเป็นลูกแมวน้อยน่าประคบประหงมอยู่บนแผงอกเขาชั่วครู่ เรียวแขนสองข้างโอบกอดเขาไว้แน่น ประหนึ่งเป็นสิ่งของของรักของหวง ก่อนจะได้สติว่าฟูกนุ่มอัดแน่นด้วยนุ่นนุ่มนิ่มขยับกระเพื่อมขึ้นลงเหมือนหน้าอกบุรุษ
“หลับสบายดีมั้ยนางผีร้าย!” พญาขาลขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหนัก สายตาพิฆาตจ้องมองนางแทบอยากจะบดขนี้นางให้แหลกเป็นผุยผงคามือ
“อะ...อ้ายขาล!” กระดังงาแสร้งตกใจจนหน้าซีด กระถดกายหนีเหลือบมองร่างกายเปล่าเปลือยของเขา พวงแก้มออกสีแดงระเรื่อ
“ตกใจหรือ ข้าตกใจมากกว่าที่เห็นเอ็งยังไม่ตาย เก่งนี่รอดจากเงื้อมมือผีกะยักษ์มาได้ นับว่าเก่งกาจสามารถยิ่ง ทั้งยังเอาคืนข้าด้วยการทรมานข้าจนไม่ได้นอนทั้งคืน! ข้าเลื่อมใสเอ็งยิ่งกระดังงา” พญาขาลกระตุกยิ้ม ขยับแขนกำยำสอดท้ายทอยของตน ตวัดสายตาดุร้ายปราดมองนาง เล่นเอานางเสียวสันหลังวาบ เขาไม่อายและไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตนเองกำลังนอนเปลือยเปล่าเปลือยกายล่อนจ้อนต่อหน้าหญิงสาว
“อ้ายขาลพูดอะไรจ๊ะ ฉันงงไปหมดแล้ว”
“คุยกับข้าอย่าเสแสร้งได้หรือไม่ แววตาอย่าหลุกหลิก” พญาขาลกรอกดวงตาขึ้นลงละเหี่ยใจยิ่งนัก
“......” เธอไม่ตอบ เพียงจ้องเข้าไปดวงตาสีชาดลึกลับ น่าค้นหาของเขาจนค้างนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อนตามคำสั่ง แต่กลับกลายเป็นสมิงร้ายจอมเผด็จการเสียเองที่รู้สึกกระอักกระอ่วนกับการแนบชิดสนิทร่างเช่นนี้
“ถอยออกไป ข้าเหม็นกลิ่นกายเน่าของเอ็ง” มือหยาบผลักศรีษระเล็กให้เบี่ยงข้าง พร้อมลุกพรวดพาร่างเปล่าเปลือยเดินโทงเทงกลับเรือนนอนของตน เสียงกระทืบเท้าดังปึงปังตามแรงอารมณ์โทสะจนเรือนบังเกิดเสียงตามแรงกระแทก
“......” สีหน้าใสซื่อ ไร้เดียงสาเมื่อครู่กลับมาเยือกเย็นดังเก่าพร้อมเสียงผ่อนลมหายใจหนักอย่างโล่งอก ครั้นนึกย้อนไปเห็นแก่นกายตัวเขื่องของเขา เธอต้องตายแน่ๆ ถ้ามันสอดเข้าไปในกายอันคับแคบของเธอ พลางคิดก็ส่ายหน้าพัลวัล
ดวงหน้างามพิลาสประเดี๋ยวหม่นแสง ประเดี๋ยวเขียวคล้ำ ประเดี๋ยวแดงระเรื่อออกสี เรียกได้ว่าในหนึ่งนาทีดวงหน้างดงามล้ำเลิศของนางฉายอารมณ์ที่กักเก็บไว้ในใจกี่ร้อยอารมณ์ไม่อาจทราบได้ เตียนคำที่อิงแอบลอบฟังอยู่นานอดใจไม่ไหวจึงโพล่งปากเอ่ยถาม
“นางน้อยคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ” เตียนคำรีบโผล่ชะโงกศรีษระออกมาจากอบเงินเพียงครึ่งท่อนบน เอียงศรีษระถามเจ้านายสาว
“ถ้าพี่เห็นเหมือนที่ฉันเห็นคงมีอาการไม่ต่างจากฉันหรอก” กระดังงาขมุบขมิบปาก
“เห็นอันใดหรือเจ้าคะ” เตียนคำขมวดคิ้วหน้ามุ่น ไม่เข้าใจความหมายที่กระดังงาต้องการจะสื่อ
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ กระดังงาไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะได้ไปช่วยน้าบุหงาทำกับข้าว”
“อืม”
ภายหลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าของน้าบุหงาเรียบร้อยจึงเก็บที่นอนหมอนมุ้งให้เป็นที่เรียบร้อย ขณะก้าวเท้าลงบันไดเรือน สายตาพลันเหลือบไปเห็นหญิงสาวนางหนึ่งที่ดูจะอายุมากกว่าเธอสี่ห้าปี ยืนชะงักอยู่ตรงหัวบันไดเรือนเช่นกัน กระดังงารีบคลี่รอยยิ้มเป็นมิตรส่งให้หญิงสาวที่ดูอ่อนแอขี้โรคผู้นั้น
เวียงหวันมีดวงหน้าเกลี้ยงเกลา รูปโฉมถือว่าหน้าตาดีระดับหนึ่ง รูปร่างก็ถือว่าสมส่วนแต่ดูเหมือนช่วงที่ควรจะนูนก็ไม่นูน ช่วงที่ไม่ควรจะอิ่มเอิบก็กลับอิ่มเอิบ คงจะเป็นเพราะฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น จึงเผลอไผลดื่มกินมากหน่อยกระมังพอเห็นหญิงสาวแปลกหน้าที่ดูจะอายุน้อยกว่าตนรูปร่างอรชร เย้ายวนยวดยิ่งพลันเกิดความอิจฉาอยู่ในใจเล็กน้อยสลับกับมองรูปร่างตนชวนให้ปวดใจนัก
“สวัสดีจ๊ะ” กระดังงายกมือไหว้ทำความเคารพ หากเธอเดาไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็น เวียงหวัน กระมัง
“เอ็งเป็นใคร เหตุใดจึงมาอยู่ที่เรือนพี่ขาล” เวียงหวันชะงักค้างรอยยิ้มหวาน เหลือบมองหญิงสาววัยแรกแย้มน่าขบเผาะ ดวงหน้าของนางงดงามพิลาสล้ำนัก
“เป็นคนรองมือรองตีนอ้ายขาลจ๊ะ” กระดังงายกริมฝีปากขึ้นยกยิ้มเล็กน้อยก็ดูราวกับมีมนต์เสน่ห์เปล่งประกายรอบเรือนร่างนาง
“หมายความว่ายังไงรองมือรองตีน”
“ก็เบ๊ไงจ๊ะ” กระดังงายังคงเผยรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ให้คนตรงหน้า หากเธอเอื้อนเอ่ยออกไปตรงๆ ว่าหวังจะปีนขึ้นเตียงให้อ้ายขาลถอนคำสาปแช่ง มีหวังคงโดนตบหน้าฉาดใหญ่ อย่าได้นึกดูถูกความอิจฉาริษยาของผู้หญิงเชียว มันมีอานุภาพทำลายล้างไม่ต่างอะไรกับอิทธิฤทธิ์ของโอปปาติกะเยี่ยงอ้ายขาล
“ตระกูลกระดังงาเป็นหนี้บุญคุณอ้ายขาล ก็เลยส่งกระดังงามารับใช้อ้ายขาลตามสมควรจ๊ะ ฉันน่ะก็เป็นคนรู้ความมาอยู่เป็นคนรับใช้ก็เจียมเนื้อเจียมตัว ยอมนอนชานเรือนกางมุ้งเอา” กระดังงาเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว เพยิดหน้าให้เวียงหวันดูที่นอนหมอนมุ้ง ว่าตนเองอยู่อย่างเจียมตัวไม่คิดปีนป่ายขึ้นเตียงอ้ายขาลแม้แต่น้อย จริงจริ๊งง!
แต่ถ้าสบโอกาสเธอก็ไม่มีวันปล่อยให้หลุดรอดลอยไปอย่างแน่นอน…
“หรอ...อืม ก็ดี ข้าชื่อเวียงหวัน ปกติจะมาเก็บกวาดเรือนให้อ้ายขาลอาทิตย์ละหนึ่งวันสองวัน มีเอ็งมาข้าก็เบาแรง” เวียงหวันมีสีหน้าผ่อนคลายลง กระดังงาจึงรีบเดินลงไปเกี่ยวคล้องแขนทำความสนิทสนม
“หนูชื่อกระดังงานะจ๊ะ มาจากเมืองเหนือนู้น เดี๋ยวกระดังงาจะไปช่วยน้าบุหงาทำกับข้าว พี่เวียงหวันไปด้วยกันมั้ยจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงสดใส
“ไปเถอะ ข้าไม่ค่อยสนิทกับพี่บุหงาเค้าเท่าไหร่ ไปจะเกร็งเสียเปล่า” เวียงหวันส่ายหน้า ท่าทางขลาดกลัวและไม่ชอบเข้าสังคมทั้งๆ ที่อยากจะเป็นเมียอ้ายขาลของเธอทำให้คำพูดของน้าบุหงาโลดแล่นเข้ามาในหัว
‘เวียงหวันไม่ใช่แม่หญิงที่พี่ขาลชอบหรอก ดูยังไงก็เข้ากันไม่ได้ ไว้เอ็งเจอก็จะรู้เอง’
สงสัยตาเฒ่านั่นจะต้องเจอกับเด็กเปรตร้อยเล่ห์กลเช่นเธอกระมังถึงจะคู่ควรสมน้ำสมเนื้อ ผู้หญิงเรียบร้อย ไร้เล่ห์เหลี่ยมพิษสง ซื่อตรง และรักสงบ ดีพร้อมปานนี้ยังไม่คิดจะแลเหลียว เฮ้อ...นี่ซิหนาที่เค้าเรียกมีตาแต่หามีแววไม่
“ฮัดชิ่ว!” พญาขาลที่นอนเหยียดผึ่งกายในห้องนอนจามเสียงดัง ดวงตาก็เหลือบมองสภาพฟ้าอากาศว่ามีลมหนาวเย็นหรือไม่แต่ก็ไม่มีอะไรวันนี้ออกจะร้อนอบอ้าวเสียด้วยซ้ำ
“ผู้ใดมันมานินทาเล่าขวัญข้า!”