ตอนที่ 5 : ชังน้ำหน้า

3048 คำ
5 ภายหลังนั่งล้อมวงกินข้าวเสร็จเรียบร้อย บุหงาก็พาสาวน้อยกระดังงามาเลียบเคียงเยี่ยมชมเรือนของพญาขาลที่ตั้งถัดมาจากเรือนของนางเพียงไม่กี่ก้าว เจ้าพิรุณและเจ้ากำจายที่กำลังนอนอาบแดดหน้าเรือนผงกศรีษระกว้างขึ้นมามองอย่างไม่สบอารมณ์ขยับยกมุมปากแยกเขี้ยวคำรามขู่ เจ้าพิรุณดูออกจะชิงชังกระดังงาเหลือทน ทันทีที่เห็นร่างระหงย่างก้าวเข้ามาในอาณาเขตก็พลิกกายขึ้นมานั่งหมอบทำท่าเตรียมกระโจนใส่นาง ทั่วสรรพางค์กายสั่นระริกเกร็งเครียด “กรรร รรร” “พิรุณถ้าไม่มีอะไรจะทำก็นอนหลับไปเสีย มิเช่นนั้นฉันจะไม่เอาไก่มาให้เอ็งอีก” บุหงาเอ่ยเสียงดุ ตวัดหางตามองเสือโคร่งลายพาดกลอนตัวเมียโตเต็มวัยปกติมันจะขี้อ้อนและรู้ความไม่เคยแสดงนิสัยก้าวร้าวออกมา เมื่อได้ยินเสียงดุของบุหงา เจ้าพิรุณจึงสูดลมหายใจเข้าลึกและเบนหน้าหนี เจ้ากำจายย่างสุมเข้ามาหาน้องสาว แลบลิ้นสากสีอมชมพูตวัดเลียตามไรขนสีส้มสลับดำและขาวทำความสะอาดให้น้องสาว หวังว่าจะทำให้น้องสาวสบายตัวและอารมณ์ดีขึ้น นับตั้งแต่หญิงสาวนิรนามตรงหน้าปรากฎ พิรุณก็ดุร้ายคล้ายไม่ใช่เจ้าพิรุณตนเดิม “ไม่เป็นไรหรอกน้าบุหงา ไม่สวบวันนี้ วันหน้าก็สวบอยู่ดี...” กระดังงาพูดติดตลก นางเหลือบมองเจ้าพิรุณที่มองตาขวางตั้งแต่เธอเหยียบย่างเข้ามาภายในเรือนหลังนี้ คงคับแค้นใจเหนือพรรณนา “ยังมีแก่ใจมาพูดเล่น” บุหงากลั้วหัวเราะ “เรือนนี้พี่ขาลเค้าอยู่กับเจ้าพิรุณและเจ้ากำจายกันสามตน ทุกสามวันจะมีแม่เวียงหวันมาปัดกวาดเช็ดถูให้ ถ้าเจอกันก็ฝากเนื้อฝากตัวกันหน่อยนะ” บุหงาเอื้อนเอ่ยเสียงหวาน กระทั่งชื่อนั้นทำให้กระดังงาคิ้มขมวดและเอ่ยปากถาม “เมียที่เมียขาลกล่าวถึงคือแม่เวียงหวันหรือจ๊ะ” “เมียหรือไม่ใช่เมียน้าบอกไม่ได้หรอกจ๊ะ เราก็ลอบสังเกตเอาไม่นานก็น่าจะรู้ เราแน่ใจนะว่าจะมาอยู่ที่นี่กับพี่ขาลตั้งแต่วันนี้เลย” บุหงาถามย้ำ “แน่ใจจ๊ะ” “ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินหรือไม่มีที่นอนยังไงก็ไปบ้านน้านะกระดังงา อย่างน้อยที่บ้านน้าก็มีห้องพับหลายห้อง กะอีแค่เพิ่มถ้วยข้าวมาอีกหนึ่งถ้วยน้าไม่ลำบากอะไร” บุหงาพูดดักเอาไว้ เพราะแน่ใจเต็มร้อยว่าสาวน้อยผู้นี้จะต้องโดนพญาขาลไล่ตะเพิดออกจากเรือนแน่นอน รายนั้นน่ะหวงอาณาเขต หวงความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบให้ผู้ใดกล้ำกลายบุกรุกเรือนโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน กับแม่เวียงหวันยังถูกกระชากคอเสื้อโยนออกนอกเรือนหลายครั้งหลายหน นับประสาอะไรกับหญิงแปลกหน้าที่พึ่งเคยพบเจอกันครั้งแรก… “น้าบุหงาไม่ต้องเป็นห่วง กระดังงาเอาตัวรอดได้จ๊ะ ขอบคุณสำหรับอาหารแสนอร่อยนะจ๊ะ ไว้พรุ่งนี้กระดังงาจะไปช่วยเป็นลูกมือน้าบุหงาตอบแทน” หญิงสาวเอ่ยปะเหลาะบุหงา “เอาเถอะ...ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ เดินทางมาเหนื่อยๆ ” บุหงายืนส่งสาวน้อยที่กำลังเดินขึ้นเรือนด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ ส่งสุดสายตาแล้วนางก็หันไปเอ่ยกับเจ้าพิรุณและเจ้ากำจาย “ใจดีกับนางหน่อยนะ นางอายุเพียงเท่านั้นแต่แววตากลับขมขื่นราวกับทั้งชีวิตของนางมีเพียงรสชาติฝาดขม ฉันเห็นแล้วก็อ่อนใจ” คนเป็นแม่อย่างนางพอเห็นเด็กสาวที่อายุไล่เลี่ยลูกชายก็พลอยอดคิดเป็นห่วงไม่ได้ กระดังงาเดินขึ้นมาบนเรือนทรงไทยที่แตกต่างจากเฮือนบ่าเก่าของนาง ก็อดที่จะสำรวจอย่างใคร่รู้ใคร่เห็นไม่ได้ ดวงตาเฉี่ยวราวกับหงส์เปล่งประกายแวววับ ยามเห็นประตูห้องหับที่คงความเป็นเอกลักษณ์โบราณ เรือนของพญาขาลมีเพียงสามห้องนอน หนึ่งห้องโถงรับแขก และใต้ถุนเรือนมีห้องครัว ถัดออกไปอีกหน่อยถึงจะเป็นลานอาบน้ำโล่งแจ้ง “ใหญ่โตโอ่อ่าเสียจริง” “แล้วห้องไหนที่เราควรอยู่ล่ะทีนี้” กระดังงาพึมพำ มือเรียวเปิดประตูบานไม้สำรวจห้องนอนทั้งสามจึงพบว่าห้องนอนห้องกลางเป็นห้องนอนของเสือสมิงตนนั้น กลิ่นอายบุรุษและกลิ่นอายแห่งความองอาจอบอวลทั่วห้อง ภายในห้องไม่ได้ประดับตกแต่งอะไรมากมาย มีเพียงเตียงนอนสี่เสาไม้สักขนาดใหญ่กลางห้อง หน้าต่างไม้บานกระทุ้ง เรียบง่ายและสมถะ เพียงจินตนาการว่านางอาจจะต้องใช้กลยุทธ์ทอดกายให้เขาเชยชมพวงแก้มก็พลันออกสีชมพูระเรื่อ “บ้าจริง! เรื่องแค่นี้ก็เขินอาย” กระดังงาถอนหายใจให้ความหน้าบางของตนเอง ทั้งๆ ที่พึ่งจะโดนเขาตราหน้าว่าหนังหน้าหนามาหมาดๆ กระดังงาเลือกห้องนอนทางปีกซ้าย ภายในห้องนอนโล่งกว้างไม่มีเครื่องนุ่งห่มใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงพื้นไม้สักอันราบเรียบแข็งทื่อและเย็นเยียบ หญิงสาวพยายามกวาดสายตามองหาฟูกนุ่นก่อนจะพบฟูกนุ่นขนาดสามฟุตและหมอนทรงสี่เหลี่ยมพร้อมผ้าห่มผืนไม่หนาและไม่บาง ด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการระหกระเหินเดินทางรอนแรมมาเกือบครึ่งค่อนเดือน หลงทางก็หลายวัน ต้องคอยเสาะถามทางจากชาวบ้านกว่าจะถึงที่หมาย เงินทองในหีบหับที่มารดามอบให้ก็ร่อยหรอจนเกือบจะหมด สิ่งที่ได้ติดตัวมาก็มีเพียงกระเป๋าย่ามสะพายหนึ่งใบ ด้านในมีเสื้อผ้าผืนเก่าที่ถูกปะเย็บซ่อมแซมหลายต่อหลายครั้ง “ขอนอนเอาแรงก่อนก็แล้วกัน...” วินาทีนี้หญิงสาวไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต่อกรกับผู้ใด ความเหนื่อยล้าและอ่อนแรงสะสมเกือบค่อนเดือน ทำให้หัวถึงหมอนก็ผล็อยหลับลงอย่างง่ายดาย แม้สถานที่อยู่อาศัยจะไม่ค่อยคุ้นเคยแต่กลับทำให้นางนอนหลับสนิทแบบสบายใจในไม่กี่พริบตา ไม่รู้ว่านางนอนหลับไปกี่ชั่วยาม ตั้งแต่ดวงตะวันทอแสงตั้งตระหง่านเหนือหัวจวบจนกระทั่งแสงสีทองอร่ามเริ่มคล้อยลับทิวเขาอันสูงใหญ่ เมฆหมอกสีควันเทาอึมขรึมเคลื่อนลอยมาบดบังดวงจันทรา หยาดพิรุณเม็ดเล็กเริ่มโปรยปรายร่วงหล่นมาจากฟากฟ้ามอบความชุ่มฉ่ำแก่ธรรมชาติสีเขียวขจี เสียงฝีเท้าหนักอึ้งของสัตว์ใหญ่ย่ำเหยียบบนชานเรือน จมูกหนาขยับยกส่งเสียงฟึดฟัด เมื่อได้กลิ่นกายของมนุษย์เพศหญิงที่มีสายเลือดโฉดไหลเวียนอยู่ภายในเรือนร่าง ดวงตาสีชาดตวัดมองพิรุณและกำจายที่นอนหมอบหลบฝนอยู่ใต้ถุนเรือน ท่าทีไม่ยี่หระของกำจายทำให้พญาขาลกรอกดวงตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย ไหนจะท่าทางโกรธเคืองของเจ้าพิรุณอีก “ข้าไม่ได้อนุญาตให้นางมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันอย่ามาโบ้ยความผิดให้ข้า” เสียงเข้มเกือบคำรามเอื้อนเอ่ยกับเสือโคร่งลายพาดกลอนทั้งสอง เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหนัก สมิงร่างยักษ์เหยียดขยายกลายเป็นชายวัยกลางคนท่าทางดุดัน เลือดเย็น และลึกลับทรงพละกำลัง มือหยาบกร้านคว้ากางเกงผ้าฝ้ายขึ้นมาสวมใส่ เดินมุ่งตรงไปยังห้องนอนปีกซ้าย ท่อนขาแกร่งถีบเปิดประตูเสียงดังปัง เผยให้เห็นร่างสะโอดสะองนอนคดตัวอยู่บนฟูกขนาดเล็กที่นางถือวิสาสะนำออกมาปูวาง หมับ! มือหยาบกร้านคว้าหมับเข้าที่ลำคอขาวผ่อง บีบเคล้นลำคอเนียนราวกับต้องการบดกระดูกนางให้แหลกลาญคามือ กระดังงาที่กำลังนอนหลับลึกเป็นหนแรก สะดุ้งเฮือกตัวสั่นเทาทั่วทั้งร่างพลันพยายามสูดลมหายใจเข้าเพื่อตั้งสติและสงวนท่าทีดั่งนางพญา มือสากลงแรงเพิ่มน้ำหนักมือ ดวงหน้าพริ้มเพรางดงามพิลาสล้ำซีดเผือด ไม่มีสีเลือดไปหล่อเลี้ยง ทว่ายังคงความดื้อรั้นในแววตา ริมฝีปากสีแดงระเรื่อเหมือนลูกไหนยกยิ้มหยัน แววตาตื่นตระหนกถูกกลบด้วยแววตาล้ำลึกตามฉบับแบบแผนที่ฝึกฝนมาจนช่ำชอง “!!?!!” “ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าขึ้นเรือนข้า” น้ำเสียงเหี้ยมเค้นเสียงลอดไรฟันเกรี้ยวกราด ดวงตาคมคายสีชาดเพ่งมองหญิงสาวรุ่นราวคราวหลานที่พยายามสูดลมหายใจเข้าออกทางปากอย่างยากลำบาก มือนุ่มเหมือนก้อนแป้งของนางเอื้อมมาสัมผัสหลังมือกร้านแผ่วเบา “ทะ...ท่านบีบคอฉันอยู่ ฉันพูดไม่สะดวก” “หืม พูดไม่สะดวก ไยจึงสะดวกขึ้นมาหลับนอนบนเรือนของผู้อื่นเยี่ยงนี้เล่า คงจะหน้าหนาไร้ยางอายเหมือนที่ข้ากล่าวกระมัง!” ใบหน้าคมคร้ามเคลื่อนใบหน้าแนบชิดพวงแก้มนุ่มอันเย็นยะเยือก เขากระซิบเปล่งวาจาเย้ยหยันกระดังงาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับต้องการให้คำพูดตบหน้านางฉาดใหญ่ แต่ขอโทษทีที่นางหน้าหนาไม่รู้สึกรู้สาจริงๆ “......” “รีบร้อนอยากจะปีนขึ้นเตียงข้า ใจร้อนหรือแม่นาง ระวังตัวเอาไว้เถิดอยากจะเป็นเมีย เดี๋ยวจะได้เป็นอาหารอันโอชะของข้าแทน ข้าชอบนักแลหญิงสาวกระดูกกระเดี้ยวอ่อนนุ่มขบเผาะเช่นนี้” พญาขาลกระตุกยิ้มเย็น พลอยทำให้หญิงสาวเสียวสันหลังวาบแต่ยังยืดหน้าทำใจดีสู้เสือ แถมเสือตัวนี้ยังต่อกรยากอีกต่างหาก “ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!!!” มือสากที่กอบกุมลำคอขาวกระชากร่างระหงออกมาจากห้องนอนปีกซ้าย เขาลงมือกระทำอย่างอุกอาจ ไร้ความปรานี ไร้ความเมตตา และไม่มีคำว่าเบามือสำหรับแม่นางผู้นี้ พญาขาลกึ่งลากกึ่งจูงหญิงสาวออกมาโยนทิ้งบริเวณกลางลานเรือนเสียงดังตุบ ราวกับโยนทิ้งสิ่งของไร้ค่า นัยเนตรสีชาดกระตุกวาบเปล่งแสงสีดำทอพาดผ่าน มองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยามและดูถูก เขาชิงชังผู้คนชุมโจรหมานคำเพียงใด ย่อมชิงชังนางไม่น้อยหน้าใครในชุมโจร “อย่าให้ข้าชังขี้หน้าเอ็งไปมากกว่านี้ ไสหัวกลับไปซะ!” สุรเสียงของพญาขาลเปรียบเสมือนคำประกาศิต ที่ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องทำตาม “ฉันไม่มีที่ไป” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อน “มาทางไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้น เรื่องกระไรข้าต้องมารับภาระสายเลือดชั่วอย่างเอ็งที่ข้าสะอิดสะเอียนนักหนา” “......” กระดังงาสะอึก หลุบสายตาลงต่ำ ขบเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงแน่น ปล่อยให้เม็ดฝนตกกระทบชโลมร่างแน่งน้อยของนางอยู่อย่างนั้น “สายเลือดชั่วของพวกเอ็งมีแต่คนต่ำตมที่ข้าไม่อยากเกลือกกลั้ว” สายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกที่พาดมองมายังกระดังงาช่างหนาวเหน็บจนสั่นสะท้านเข้าไปลึกถึงด้านในกระดูกดำ หยาดพิรุณโปรยปรายหลั่งไหลรินราวกับต้องการกลั่นแกล้งซ้ำเติมกระดังงา ทั่วร่างระหงเปียกปอนสาบเสื้อแนบชิดไปกับทรวดทรงองค์เอว เผยให้เห็นว่านางซ่อนรูปอวบอิ่มปานใด พญาขาลสะบัดหน้าหนีเดินขึ้นไปบนเรือนคว้าย่ามเก่าโยนลงไปให้นาง ก่อนจะทิ้งท้ายไว้อย่างเจ็บแสบ “อย่าริอ่านหาญกล้าเดินขึ้นมาบนเรือนข้าซ้ำสอง มิเช่นนั้นคืนนี้ข้าจักให้เอ็งสมสู่กับอ้ายคำจายให้ดูเป็นขวัญตา” พญาขาลแค่นเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเรือนโดยไม่คิดจะหันหลังกลับมามองหญิงสาวซ้ำสอง เหมือนจะรำคาญเกินกว่าจะใส่ใจ ดวงหน้านวลละออก้มงุดสะอื้นไห้หลั่งรินหยาดน้ำตาสีใสเคล้าคลอหยาดพิรุณจนแยกไม่ออกว่าดวงหน้าเปียกชื้นไปด้วยน้ำตาหรือหยาดพิรุณ กระดังงานั่งแช่อยู่กลางลานเรือนเช่นนั้นอยู่นาน ท่ามกลางสายตาเย้ยหยันของเจ้าพิรุณและเจ้ากำจายที่นอนเหยียดแข้งเหยียดขาอยู่บนชานเรือน หากใครมาเห็นเข้าคงอดที่จะสงสารแม่นางน้อยไม่ได้ เรือนร่างระหงสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ ลมพายุคล้ายอยากจะกลั่นแกล้งซ้ำเติม จึงส่งสายลมกระโชกแรงพร้อมลูกเห็บโปรยปรายลงมาไม่ขาดสายแต่มีสิ่งหนึ่งผุดขึ้นมาภายในใจอย่างแรงกล้าเธอจะต้องทำให้เขาศิโรราบ! ภายใต้หยาดพิรุณที่โหมกระหนำกระดังงาแสร้งก้มหน้ารับชะตากรรม ท่าทีอ่อนแอไร้คนปกป้องชวนให้ผู้คนปวดใจกับชะตากรรมของนางหยาดพิรุณชโลมอาบทั่วร่างแนบเนื้อจนขาวซีดน่าหวาดหวั่น รอยยิ้มหวานแสนเจ้าเล่ห์ผุดพรายบนดวงหน้างามเพริศล้ำรอยยิ้มของนางกลบความเศร้าหมองในดวงตาที่พยายามตีสีหน้าให้เศร้าสร้อยและทุกข์ระทมที่สุดเท่าที่นางจะทำได้ ‘ถ้าจะให้เธอยอมง่ายๆ ไม่นับว่าเธอแพ้หรอ’ ‘มารยาหญิงมีร้อยเล่มเกวียน ก็คอยดูเถอะจะรับมือไหวหรือเปล่า เรามีเวลาเล่นด้วยกันอีกเยอะอ้ายขาล’ กระดังงาแสร้งนั่งสะอื้นอยู่อย่างนั้นทั้งคืน จวบจนกระทั่งฟ้าสางไร้วี่แววของชายหนุ่มวัยกลางคนจะมาเหลียวแล ขอบใต้ตาดำคล้ำที่ผ่านการอดหลับอดนอนมาตลอดทั้งคืนเป็นแผนกดดันให้เขายินยอมรับเธอไว้อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ตาขาวมีเส้นเลือดฝอยเล็กๆ กระจายทั่วรอบดวงตาเผยให้เห็นความอิดโรยอ่อนแรง หญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราทนความง่วงไม่ไหวจึงสัปหงกด้วยความง่วงงุน ข้างลำตัวมีย่ามที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดพิรุณ แสงแดดรำไรในยามเช้าสาดส่องกระทบผิวนวลนางให้ความอบอุ่นแทนความหนาวเหน็บตลอดทั้งคืนแต่ก็ไม่เพียงพอจะปลอบประโลมร่างสั่นระริกให้สงบลง ปึก! ชายหนุ่มร่างยักษ์อ้าปากหาววอดออกมาจากห้องนอน เขานอนหลับไม่สนิทเพราะเกรงว่าหญิงสาวจะบุกรุกขึ้นมาบนเรือนอีก ทว่าเขาพลันชะงักเหลือบมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังนั่งสัปหงกอยู่กลางลานเรือนเสื้อผ้าเปียกปอน ผิวขาวซีดบ่งบอกว่านั่งตากฝนไม่ยอมขยับอยู่ที่เดิมทั้งคืนตั้งแต่ถูกเขาจับโยนออกมา พลอยทำให้พญาขาลขมวดหัวคิ้วชนกัน “โง่เง่า อวดดี” เสียงเข้มเปล่งสุรเสียงเพียงสี่ประโยค แต่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้กระดังงาดีดกายเหยียดหลังตรง มองขึ้นมาบนเรือนท่าทางสะลึมสะลือ “อ้ายขาล...” หญิงสาวเอ่ยทักทายยามเช้า “ผู้ใดอ้ายเอ็ง” พญาขาลปรายหางตามองหญิงสาวร่างระหงอย่างไม่สบอารมณ์ ผู้ใดอยากจะนับญาติกับนาง ช่างใฝ่สูง! ก็ไม่ได้อยากนับญาติเพราะตั้งใจจะมาจับทำผัว! ร่างกำยำผิวคร้ามแดดกระโจนลงมาจากเรือนเผยร่างมหึมาของเสือสมิงลายพาดกลอน ไรขนสีส้มเงาวับมันวาว อุ้งเท้ามหึมาย่างสุมเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอ พญาขาลกระโจนเข้าใส่กระดังงา ทำเอาเธอหงายท้องนอนแน่นิ่งใต้อาณัติเสือสมิง อุ้งเท้ามหึมาเหยียบหน้าอกอวบจนเธอรู้สึกเจ็บ ทว่าเสือสมิงตนนี้ไม่มีกลิ่นสาปเสืออย่างที่ควรจะเป็น กลิ่นกายบุรุษแข็งกร้าวชวนให้เธอใจเต้นระส่ำ จึงเบนหน้าหนีเพื่อสลัดความคิด “ไสหัวไป ข้าไม่ชอบพูดซ้ำซาก” ริมฝีปากหนายกขยับเค้นเสียงลอดไรฟันข่มขู่ “ฉันมั่นใจว่าฉันบอกอ้ายขาลแล้ว ว่าฉันกลับไปไม่ได้และไม่มีที่ให้ไปแล้ว” กระดังงากระดกสะโพกโยกขึ้น สองแขนเรียวค้ำยันพื้นให้หน้าอกอวบอิ่มอันมีสาบเสื้อชุ่มขวางกั้นความอิ่มเอิบแนบสนิทอุ้งเท้ามหึมา ยั่วยวนเขาในท่วงท่าสุดแสนจะธรรมชาติ “อย่าขยับ วิชาเสน่ห์เล่ห์กลของเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ดอกหนา” พญาขาลกล่าวอย่างรู้ทัน จึงลงน้ำหนักบริเวณอุ้งเท้าย่ำหน้าอกนางให้ลงต่ำ แม้ความนุ่มหยุ่นอวบอิ่มของนางจะทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มทั่วร่างแต่เพื่อไม่ให้นางใช้ประโยชน์ตักตวงจากวิชาเสน่ห์จำต้องข่มขู่นาง “กระดังงาไม่ได้ตั้งใจ ขะ...ขอโทษ ฝึกทุกวันมันเลยฝังลึกติดเป็นนิสัย” ดวงตาเฉี่ยวดุจหงส์ฉายแววออดอ้อนจริงใจและไร้เดียงสาเพื่อไม่ให้เขากล่าวโทษ “มารยาสาไถย” พญาขาลหรี่ดวงตามองหญิงสาวร่างเล็ก พลางสบถพึมพำ ขณะเดียวกันหน้าอกนุ่มหยุ่นของนางกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะ ทำให้อุ้งเท้ามหึมาสัมผัสได้ถึงปลายยอดปถุมถันเต่งตึงอันชูชันสู้สัมผัสร้อน “เอ็งไม่ใส่ชั้นใน?” “มันเปียก ฉันมีไม่กี่ตัวกลัวว่าจะไม่มีใส่ก็เลยถอดซักตากก่อนอ้ายขาลจะตื่นไม่นานจ๊ะ” กระดังงาแสร้งทำท่ากระเง้ากระงอด ก้มหน้างุด ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ปล่อยให้ยอดอกชูชันสัมผัสถูไถกับสาบเสื้อหยาบ และไออุ่นจากกายแกร่งอันแผ่ซ่านมาถึงตัวเธอ “เอ็งมันหน้าหนาไร้ยางอายนักกระดังงา” “กระดังงาแค่ถอดชุดชั้นในซักมันผิดตรงไหนหรอจ๊ะ ไม่คิดว่าตื่นมาอ้ายขาลก็จะมากระโจนใส่แบบนี้” หญิงสาวดิ้นขลุกขลักพยายามจะหลีกหนี ไม่ให้เขาสัมผัสเนื้อนุ่มหยุ่น แต่ยิ่งนางพยายามขยับมากเท่าใด หน้าอกอิ่มอันมีปลายยอดชูชันก็เสียดสีอุ้งเท้ามหึมามากเท่านั้น อุณหภูมิภายในร่างกายของสองร่างเริ่มระอุ เจ้าของกายาแกร่งที่มักจะทอดถอนหายใจพรืดใหญ่ ลมหายใจกลับติดขัดจนทำตัวไม่ถูกเป็นหนแรก กระดังงาช้อนสายตามองสมิงร่างยักษ์ยิ่งได้ใจ เหยียดแผ่นหลังดิ้นขลุกขลักล่อลวงให้เขาลุ่มหลง ริมฝีปากอิ่มเฉียดแผงต้นคอไปมาอย่างจงใจ ท่าทางของพวกเขาทั้งคู่ช่างชวนให้ผู้พบเห็นคิดเตลิดไปไกล หูสองข้างอื้ออึง นัยตาพร่าเหม่อลอยคล้ายตกอยู่ในภวังค์ จนเจ้าป่าผู้มีประสาทสัมผัสว่องไวไม่ได้ยินฝีเท้าที่ขยับเข้ามาใกล้ทุกที “จะล่อกันตั้งแต่เช้าเลยหรือ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยหยอกเย้าสหาย น้ำเสียงของเขาคล้ายกำลังขบขันพญาขาล ทำให้พญาขาลสะดุ้งเฮือกหลุดจากภวังค์ “ไอยศูรย์!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม