สายลมพัดโชยในยามเช้า กลิ่นไอทะเลลอยมาพอสดชื่น คนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้มาตั้งแต่เกิดไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับบรรยากาศแบบนี้เท่าไหร่นัก การดำเนินชีวิตก็เช่นคนเมืองกรุง เมื่อรุ่งสางก็ต้องออกไปทำงาน ถนนเส้นริมหาดการจราจรหนาแน่นเพราะเป็นเส้นทางที่จะเชื่อมต่อไปยังนิคมอุตสาหกรรม
เขมิกาขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจที่เก่าซอมซ่อ หลายคนบอกให้ถอดอะไหล่ขายไปได้แล้ว คนพวกนี้ไม่เห็นคุณค่าสิ่งของเอาเสียเลย ถึงจะเก่าแต่เครื่องยังดี อย่างตอนนี้มอเตอร์ไซค์คันเก่าก็พาเธอมาจนถึงตลาดได้
“มาซื้ออะไรจ๊ะพะแนง” แม่ค้าร่างอวบโบกไม้ปัดแมลงวันไปพลาง ๆ เธอเอ่ยถามหญิงสาวที่เพิ่งจอดมอเตอร์ไซค์เสร็จ
“ซื้อน้ำเต้าหู้จ้ะ วันนี้ขายดีไหมพี่อ้อย” เขมิกาถามกลับอย่างสนิทสนม เธอรู้จักกับพ่อค้าแม่ค้าทั่วทั้งตลาดเพราะมาอยู่เป็นประจำ เห็นหน้ากันอยู่แทบทุกวันตั้งแต่เด็กจนตอนนี้โตเป็นสาวสะพรั่ง ขนาดคนที่เพิ่งเข้ามาขายใหม่ก็ยังทำความรู้จักกันได้ไว
“พอได้จ้ะ แล้ววันนี้ไม่เอากับข้าวบ้างเหรอ” แม่ค้ารีบขายของตนเอง เขมิกาส่ายหน้าแล้วคลี่ยิ้มหวานอย่างเอาใจ
“แม่ทำกับข้าว ไว้วันหลังจะมาอุดหนุนนะพี่อ้อย พะแนงไปก่อนนะเดี๋ยวน้ำเต้าหู้หมด” เขมิกาไม่ได้ตั้งใจจะชิ่งหนีเพราะกลัวโดนตื๊อขาย แต่ร้านน้ำเต้าหู้เจ้าประจำมักจะหมดเร็วในทุกวัน ทั้งนักเรียนนักศึกษา และคนทำงาน ใคร ๆ ก็มักมาซื้อไปกินรองท้องกันทั้งนั้น
เธอรีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านมาแต่เช้าเพราะกลัวว่าร้านน้ำเต้าหู้จะหมดไปเสียก่อน หญิงสาวเร่งฝีเท้า ทักทายแม่ค้าพ่อค้าไปตลอดทาง
“กี่ถุงล่ะพะแนง” แม่ค้าน้ำเต้าหู้หันมาเห็นจึงเอ่ยถามออกมา ทว่าพะแนงต้องรอก่อนเพราะยังมีคิวลูกค้าอยู่อีก 3 คิว
“สามจ้ะป้า เอาปาท่องโก๋ด้วยยี่สิบบาท”
“รอแป๊บนึงนะ ทอดปาท่องโก๋เพิ่มก่อน”
“จ้ะ”
เขมิกาลากเก้าอี้พลาสติกตัวกลมเก่า ๆ ของแม่ค้ามานั่ง ทำตัวสบายเป็นกันเองเพราะสนิทสนมกันมาก ขาเรียวยกขึ้นไขว่ห้างด้วยท่วงท่าทะมัดทะแมงอย่างกับผู้ชาย พลางเอาโทรศัพท์ออกมากดเล่นระหว่างรอแม่ค้าทอดปาท่องโก๋เพิ่ม
“พะแนงจะวันที่ 1 อยู่แล้วมีเลขเด็ดอะไรไหม” ป้าแม่ค้าข้าวมันไก่ถามเสียงดังเพราะรู้กันทั่วว่ายัยพะแนงน่ะคอหวย! วันที่ 1 และ 16 ไม่เคยพลาดที่จะซื้อทั้งใต้ดินและบนดิน ส่วนนอกเหนือจากนี้ยังมีตามไปเล่นของประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย ยัยพะแนงมันทุ่มไม่อั้น เวลาถูกก็อย่างกับเศรษฐี ถ้าหากถูกกินทีน้ำตามันก็แทบไหล
“ยังไม่มีเลยป้า พะแนงกำลังหาดูเลขเด็ดเหมือนกัน” โทรศัพท์ที่เอาขึ้นมาเล่นเธอเปิดเพจสำนักแม่หมอที่ชอบออกมาบอกเลขดัง เจ้าก็จ้องแต่จะอั้นอยู่ตลอดทุกงวด
“ถ้าได้เลขแล้วบอกกันบ้างนะ อย่ารวยคนเดียวเชียวล่ะ”
“จ้า ๆ” เขมิการับปากแต่ก็แฝงความคิดบางอย่างไว้ในใจ ‘ถ้าไม่ลืมก็จะมาบอกจ้า!’ ใครมันจะไปสนใจแต่เรื่องหวย เรื่องอื่นก็มีที่ต้องทำ
“แล้วเมื่อไหร่จะมีแฟนวะพะแนง ป้าไม่เคยเห็นแกพาใครมาไหว้แม่บ้างเลย” ปาท่องโก๋เพิ่งจะหย่อนลงกระทะใบใหญ่ แม่ค้าวัยกลางคนหันมาถามลูกค้าที่นั่งไขว่ห้างหาเลขเด็ด
“สภาพพะแนงใครจะสนใจล่ะป้า”
“แกก็สวยนะพะแนง” ป้าพูดไปตามที่เห็น เขมิกาหน้าตาสะสวยไม่เป็นรองใคร เพียงแต่ไม่ค่อยแต่งเนื้อแต่งตัวอวดโชว์รูปร่างของตนเอง
เรื่องสวยและหุ่นดีเห็นทีจะเถียงไม่ได้ ก็แหมหน้าตาฟ้าประทานขนาดนี้ ทรวดทรงก็เป๊ะไปทุกส่วนจะเอาอะไรไปเถียงป้าได้ เขมิกายิ้มกริ่มรับคำชม
“ก็พะแนงห้าวขนาดนี้ ผู้ชายก็คิดว่าพะแนงเป็นทอมเลยไม่มีใครกล้ามาจีบน่ะสิ” เขมิกาตอบติดตลกกลั้วหัวเราะแล้วชะเง้อมองในกระทะ
“แกก็หัดทำตัวอ่อนหวานซะบ้าง ผู้ชายจะได้จีบ”
เขมิกาส่ายหน้าทันที ไม่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ผู้ชายมาจีบ หากจะมีใครสักคนมาตกหลุมรักก็ต้องรักในแบบที่เธอเป็นเท่านั้น
ปาท่องโก๋ร้อน ๆ ขึ้นจากกระทะ แม่ค้าคีบใส่ถุงให้ลูกค้าคิวก่อนหน้าแล้วค่อยจัดให้เขมิกาตามที่สั่ง หญิงสาวจ่ายเงินเสร็จก็เดินกลับมาที่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของตนเอง แวะทักทายพ่อค้าแม่ค้าแค่ไม่กี่คำเหมือนเดิม เนื่องจากมีภารกิจที่ต้องทำอีก
“พะแนงมันเป็นคนที่สวยมากเลยนะ แต่ก็ไม่มีแฟนสักที” ลูกค้าสาวคล้อยหลังไป แม่ค้าร้านน้ำเต้าหู้ก็คุยกับร้านรอบข้างทันที ลูกค้าที่ยืนรออยู่ก็พลอยได้ฟังไปด้วย
“รูปร่างผิวพรรณนังพะแนงก็ดีทีเดียว” แม่ค้าร้านข้าวมันไก่คุยด้วย
“ที่บ้านพะแนงมันก็มีสวน ไม่มีหนี้มีสินอะไร ถึงพะแนงมันจะไม่มีงานการทำดีๆ แต่ก็ดีกว่าสาว ๆ แถวนี้เยอะ” แม่ค้าน้ำเต้าหู้พูดพร้อมกับส่งถุงน้ำเต้าหู้ให้ลูกค้า
แม่ค้าร้านแถว ๆ นั้นต่างหูผึ่ง อีกทั้งยังคิดที่จะแนะนำลูกหลานตนเองให้มารู้จักกับพะแนงคนสวยสักหน่อย
เสียงมอเตอร์ไซค์ดังเข้ามาใกล้บ้าน ชาวบ้านที่จับกลุ่มคุยกันก็สลายตัวไป เหลือแค่เดชาและนพนภาที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่หน้าบ้าน กับข้าวหลายอย่างจัดตั้งบนโต๊ะม้าหินอ่อน เขมิกาจอดมอเตอร์ไซค์แล้วเดินเข้ามาร่วมวงกินข้าวด้วย
“พะแนงซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาเผื่อพ่อกับแม่ด้วยนะ”
“ขอบใจมากลูก” เดชาตอบเสียงเรียบ นพนภาตักข้าวใส่จานมาให้ลูกสาว
พ่อแม่หันมองหน้ากันราวกับเกี่ยงกันพูด ส่วนเขมิกาไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวกลัวว่าจะไม่ทันเวลา
“เมื่อไรพะแนงจะหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งสักที รู้มั้ยชาวบ้านพากันเอาลูกไปนินทากันหมดแล้ว” นพนภาเอ่ยขึ้นมา เธอเองไม่ได้มีความคิดจะต่อว่าลูกสาวในเรื่องนี้ แต่ข่าวเมาท์ที่หนาหูก็จำเป็นที่จะต้องบ่นออกมา
ฐานะของครอบครัวเขมิกาไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีแต่มีพอกินพอใช้ไม่เดือดร้อน มีสวนมีที่ดินปล่อยให้เช่าชาวบ้านก็คิดกันว่ารวยแล้ว
“ช่างเขาสิแม่ ใครมันอยากจะพูดอะไรก็ให้พูดไป” เขมิกาพูดเสียงดังเผื่อว่าจะมีคนแอบฟังอยู่ใกล้ ๆ
ข่าวเมาท์นั่นใช่เรื่องจริงเสียที่ไหน เธอทำงานประจำเงินเดือนตั้งสามหมื่นกว่าบาท ยังมีค่าคอมมิชชัน และยังมีรับจ็อบพิเศษ รายได้รวมต่อเดือนร่วมแสนบาท! เธอเกาะพ่อแม่กินที่ไหนกันล่ะ หนำซ้ำยังแบ่งเงินให้พ่อแม่ใช้เสียอีกด้วย เพียงแต่งานของเธอทำอยู่ที่บ้านผ่านอินเทอร์เน็ตทุกอย่าง แม้แต่ประชุมก็ประชุมในโลกอินเทอร์เน็ต
ไม่ต้องเดินทางไปออฟฟิศแบบนี้ดีจะตาย แค่นั่งทำงานให้ครบชั่วโมงงานตามปกติก็แค่นั้น ชาวบ้านพวกนั้นมาว่าเธอทำไม? หากเป็นการเกาะพ่อแม่กินแล้วทำไม? หนักหัวใคร? ฮึ! เขมิกาคว่ำปากด้วยความรำคาญใจ ไม่รู้ว่าจะมาวุ่นวายกับชีวิตคนอื่นเพื่ออะไร
“แต่พ่อว่าพะแนงทำงานทำการบ้างก็ดี จะได้ไม่ต้องมีใครมาว่าเสีย ๆ หาย ๆ แบบนี้” เดชาพูดด้วยความเป็นห่วง เขาไม่สบายใจที่ลูกสาวต้องโดนนินทา
ด้วยความที่เดชากับนพนภามีอาชีพทำสวนทำไร่ ไม่ได้จบสูงจึงไม่เข้าใจการทำงานแบบยุคปัจจุบัน และเขมิกาเองก็ไม่เคยบอกเรื่องงานที่ตัวเองทำอยู่ เวลาที่เขมิกาให้เงินใช้ก็เข้าใจว่าได้มาจากการเล่นหวยมาตลอด
“ปล่อยให้เขาว่ากันไปเถอะจ้ะ พะแนงอิ่มแล้วเข้าห้องก่อนนะ” เขมิกาเอาถุงน้ำเต้าหู้มาดูดและหยิบปาท่องโก๋ติดมือมาด้วย ใกล้ได้เวลาเข้างานเธอต้องเตรียมพร้อมก่อน