ร่างเพรียวระหงจากไปแล้ว อัญธิยากลับก้มหน้าลงราวกับสำนึกผิดว่าเธอคงพูดอะไรมากเกินไปจึงทำให้เขามองหน้าเธอไม่วางตาเช่นนี้...
“ตั๋นขอโทษค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้เขาด้วยท่าทีเร่งรีบทั้งที่ในมือยังถือมันฝรั่งทอดอยู่ด้วยซ้ำ มือเรียวสวยยกขึ้นไหว้จรดหน้าอก หากไม่นับรวมเสื้อนักศึกษาที่เปรอะเปื้อนนั่นก็นับว่า...ไม่เลว
“คุณพ่อบอกว่าเธอเป็นเด็กเรียบร้อย...เหมือนผ้าพับไว้” ดวงตากระปุกกลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจ เธอหลบสายตาคมเข้มที่มองมาราวกับคาดคั้น
“ตั๋นไม่ได้เรียบร้อยแบบผ้าพับไว้หรอกค่ะ...คุณลุงน่าจะเข้าใจผิด” แววตาสั่นกลัวมองมาทางเขาและหลุบตาลงต่ำมองหน้าตักตัวเอง
“งั้นเหรอ?” เธอไม่รู้จะทำอะไรดี เมื่อกี้เธอคงพูดมากเกินงามจนชายหนุ่มโกรธ แค่คิดก็ลำคอแห้งผากจนต้องยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแทน
“เติมน้ำก่อน...จะดื่มลมหรือไง” ความอับอายที่สองของเธอก็ตามมาอีกระลอกไม่พักเลย! ใบหน้านวลก้มงุดจนน่าอึดอัดแทน ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกมา และใช้นิ้วมือเคาะลงบนโต๊ะ อัญธิยาจึงเงยหน้าขึ้น
“เหลืออีกกี่ตัวจะเรียนจบ?” ชายหนุ่มถามตรงเข้าประเด็นที่มาในวันนี้
“เทอมเดียวค่ะ” เสียงหวานใสอ้อมแอ้มตอบและก้มหน้าลงเช่นเดิม
“เวลาพูดให้มองหน้า...เธอจะกลัวอะไรฉันนักหนา” เสียงเขาเข้มขึ้นนิดหนึ่ง
“เปล่าค่ะ ตั๋นไม่ได้กลัวคุณฐา” ดวงตากระปุกกลมโตช้อนมองนัยน์ตาสีนิลเพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้กลัวเขาจริง ๆ แต่นั่นกลับทำให้หัวใจดวงน้อยแทบกระดอนออกนอกอก
“ใช่...เหมือนว่าเธอจะไม่กลัวใครเลยด้วยซ้ำ เธอกำลังแกล้งกลัวฉัน” นี่คือคำชมหรือตำหนิติเตียนกันแน่...แต่ดูจากหน้าแล้วคงเป็นอย่างหลังมากกว่า
ฐากูรจ้องมองใบหน้านวลลออที่ไร้การตกแต่งใด ๆ เธอกำลังจะเรียนจบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และจะมาเป็นภรรยาเขาในเดือนถัดไปทันทีที่เรียนจบ แต่ดูหน้าตาเธอสิ...อ่อนเยาว์ขนาดนี้ ใครเห็นคงคิดว่าเขาเลี้ยงเด็กมากกว่าจะมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน!
“ทานอิ่มหรือยัง...อาหารถูกปากไหม” เมื่อมองไปเห็นว่าอาหารในจานหญิงสาวพร่องไปไม่เท่าไหร่ ก็เอ่ยถามตามมรรยาทเพราะเขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเสียเวลาในการทานข้าวไป
“ยังไม่อิ่มค่ะ ปกติตั๋นทานเยอะมาก” ว่าแล้วหญิงสาวก็ทานอาหารต่อ
“สั่งสิ...ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบทานอะไร โทรไปแล้วเธอไม่รับสาย” เคร้ง! เธอทำส้อมหล่นอีกแล้ว...
“ทะ...โทรหาตั๋นหรือคะ!” หญิงสาวเงยหน้ามองเขาทั้งที่ยังเคี้ยวแก้มตุ่ย มือบางแหวกกระเป๋าผ้าที่วางไว้ด้านหน้าเก้าอี้เพื่อคว้าหาโทรศัพท์
“โทรศัพท์ งื้อ! หายไปไหนแล้ว” ฐากูรจ้องมองท่าทีของคนหาของที่หายไปก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ นี่คือภรรยาในอนาคตของเขา…ให้ตายสิ!
“โทรศัพท์เธออยู่บนโต๊ะโบตั๋น...” หญิงสาวชะงักนิ่ง ก่อนจะมองไปที่โต๊ะ...เพล้ง! นั่นคือเสียงใบหน้าเธอเอง!!
ฐากูรค่อนข้างแปลกในที่เธอดูสงวนท่าทีกับเขา แต่มันก็ไม่ได้เป็นการปรุงแต่งจนเป็นละคร สิ่งที่เขาได้ยินมาคือ เธอเรียนดี เป็นเด็กดี และเชื่อฟังพ่อแม่มาก ไม่เคยมีแฟน และพ่อแม่เลี้ยงเธอราวกับไข่ในหิน...เพื่อมอบเธอให้แก่เขา
‘แกมีคนที่อยากจะแต่งงานด้วยหรือยัง?’
‘ไม่ครับ...ผมไม่คิดเรื่องแต่งงานในตอนนี้’
‘งั้นก็ดี...แกจำลูกสาวลุงภุชงค์ได้ไหม’
‘...ผมจำได้ครับ แต่ตอนนั้นที่เจอกันเธอเด็กมาก อายุเราห่างกับเกือบสิบปี’
‘ปีนี้น้องยี่สิบเอ็ดแล้ว...ถ้าแกไม่มีใครฉันจะให้แกแต่งงานกับน้อง’
‘ผมบอกว่าเราห่างกันสิบปีครับ...’
‘ฉันกับแม่แกห่างกันสิบสามปี อายุไม่เป็นปัญหาสำหรับเรื่องความรัก’
‘แกไม่ควรปฏิเสธโอกาสจนกว่าจะได้สัมผัสมันก่อน...โบตั๋นเป็นเด็กดีและน่ารัก ฉันเชื่อว่าแกจะต้องรักน้องได้ไม่ยากหรอก’