Talkดาว
เขาจับฉันนอนหงายแล้วเอานิ้วดันเข้าออกที่รูสวาทของฉันเร็วๆ ฉันกรีดร้องเพราะเขาใช้สามนิ้วใหญ่ๆดันมันเข้ามาทีเดียว มันเจ็บมากแต่ฉันก็รู้สึกเสียวมาก
เขารัวนิ้วส่วนปากของเขาก็ดูดดื่มที่ทรวงอกของฉันอย่างเมามัน
ฉันร้องจนแทบไม่มีเสียง เพราะมันเจ็บมาก ฉันพยายามคิดว่าเดี๋ยวมันก็ชิน แต่มันไม่ชินเลย มันเจ็บจะขาดใจตาย ไอ้ผีบ้า
"ลุกขึ้น"
คุณเสือจับตัวฉันขึ้นนั่ง เขาถอดเสื้อผ้ากางเกงของเขาออก มือหนาจับท่อนเอ็นมาตีทีปากของฉันหนึ่งที ก่อนจะยัดมันเข้าไปในปากของฉัน
มือหนาทั้งสองข้างกำผมของฉันอย่างแน่น เอวของเขาก็กระแทกท่อนเอ็นเข้าปากฉัน
น้ำตาฉันไหลเพราะมันเข้ามาลึกมาก เขายังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขายังคงยัดท่อนเอ็นเขากระแทกรัวเร็ว มือของเขาจับหัวของฉันไว้แน่น ฉันตาเหลือกทุกครั้งที่ท่อนเอ็นใหญ่กระแทกมาแรงๆจนถึงคอหอย
ปึก!ปึก!ปึก!
"อ๊า ปากเธอนี่สุดยอดจริงๆ" เขารัวสะโพกกระแทกคอหอยฉันแทบขาดใจ
แค๊ก แค๊ก แค๊ก
ฉันยังไม่ได้ตั้งตัวเขาจับฉันยืนขึ้น พร้อมกับเอามะเขือยาวออกมา ไม่รู้เอามาจากไหนฉันไม่ทันมอง เขาถูไถเล็กน้อยแล้วยัดมะเขือยาวเข้ามาในรูของฉัน แล้วก็ดันมันเข้าออก
“อ้า เสียวมากเลย" ฉันร้องครางเพราะมันทั้งเจ็บทั้งเสียว มืออีกก็บีบเค้นเนินอกของฉันอย่างเมามัน มันเสียวซ่านสะใจทุกครั้งที่เขารัวมะเขือเข้ามา
"อ๊า"
หลังจากเสร็จจากมะเขือยาว เขาเปิดหน้าต่างออกแล้วก็พาฉัน ไปยืนที่ระเบียงจับขาฉันอีกข้างขึ้นไว้บนโต๊ะส่วนขาอีกข้างอยู่ที่พื้น เขาดันแก่นกายเข้ามาจากทางด้านหลัง
"อ๊า คุณเสือ" ฉันโคตรเสียวเลยเพราะท่านี้มันลึกมาก เขาจับแขนทั้งสองข้างของฉันไว้ แล้วเขาก็รีบรัวสะโพกกระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างเร็ว
"อ๊า คุณเสือดาวเสียวจังเลยค่ะ"
ปัก ปัก ปัก
ปึกๆ ปึกๆ เสียงเนื้อกระทบกันดังระงม เขาไม่สนใจมาว่ามีใครเห็นหรือมองอยู่ เราสองคนบรรเลงเพลงรักใส่กันอย่างไม่ลืมหูลืมตา มันเสียวซ่านสะท้านทั้งกาย สายลมเยือกเย็นพัดแผ่วๆปะทะกายสาว แต่ไม่สามารถดับไฟสวาทของฉันกับคุณเสือได้
รถขับผ่านไปมา ระเบียงตรงนี้มันติดกับถนนใหญ่ ใครจะเห็นไม่เห็นก็ช่าง แต่ขอกูมันก่อนแล้วกัน
หลังจากที่จัดท่ายืนเสร็จ เขาก็เอาฉันนั่งลงที่โต๊ะจับขาฉันแยกออกกว้างๆ แล้วยัดท่อนเอ็นเข้ามาในรูสวาทฉันอีกรอบ
ตอนนี้เขายืนแต่ฉันนอนราบไปกับโต๊ะ สองมือจับขาทั้งสองข้างฉันไว้แน่นมาก ก่อนที่เขาจะกระแทกแก่นกายใส่ฉันอย่างเมามัน เขาอึดทึกทนมากฉันชอบนะ เอามันกีฉันแทบไฟลุก
"อ้า เสียว อา คุณเสือ อ๊า”
"ร้องชื่อกูแรงๆ”
“อ๊า อ่า คุณเสือ”
เราสองคนเปลี่ยนท่าเปลี่ยนที่กันไปมา หลายท่าหลายที่มาก จนมาหยุดอยู่ที่เตียงนอนฉันไม่เคยมีอะไรกับใคร ทั้งอึดถึกทนนานแบบนี้เลยจริงๆ มันสะใจสุดๆ
Talkเสือ
หลายวันต่อมา....
ตั้งแต่วันนั้น วันที่ผมกลับมาจากเกาหลี เหมยก็มาตามง้อผม อ้อนวอนคืนดีกับผมเกือบทุกๆวัน เธอร้องไห้น่าสงสาร แต่ผมก็ไม่ให้อภัย
ผมไม่กลับไปคืนดีกับเธอหรอก ผมอยากให้เราต่างคนต่างไป ไม่ใช่ว่าผมไม่รักเธอ ผมรักเธอมากแต่สิ่งที่เธอทำกับผม ผมก็เจ็บมากเหมือนกัน
ช่วงแรกๆผมก็ได้เจอเธอ แต่ช่วงหลังๆมานี้ผมไม่ได้เจอเธอเเล้ว สงสัยเธอคงจะถอดใจ เธอคงจะกลับไปหาผู้ชายคนนั้น เธอมีความสุขผมก็ยินดีด้วย แต่ถ้าจะให้ผมกลับไป ผมคงไม่กลับไปแน่
แรกๆผมก็รู้สึกเสียใจมาก แแต่ตอนนี้ผมเข้มแข็งแล้ว ผมไม่คิดมากเหมือนช่วงแรกๆ ตอนนี้ผมสบายใจไม่มีใครผมก็อยู่ได้ และผมจะไม่ไขว่คว้าหาความรักอีก อยู่แบบนี้แหละสบายดีจะตาย
แต่ในหัวผมกลับเเปลกไป ผมกลับคิดถึงผู้หญิงที่ผมมีเซ็กซ์ด้วยวันนั้น
เธอเด็ดมาก เธอสุดยอด ผมอาจจะรุนแรงกับเธอไปบ้าง แต่เธอก็ไม่ได้ติดใจเอาความผม เธอยังบอกผมว่า ของผมใหญ่สะใจดี ผมโคตรชอบเร่าร้อนเป็นบ้า
“พรุ่งนี้ก็งานแต่งไอ้คิมแล้วนะ มึงเตรียมตัวหรือยัง” ไอ้กายเดินตรงเข้ามาถามผม ผมถึงกับตกใจที่อยู่ๆมันก็โพล่งขึ้นเสียงดัง
"เฮ้ย ไอ้ห่านี้กูตกใจหมด”
"แหม๋ตั้งแต่เลิกกับแฟนนี้ขวัญอ่อนนะมึง”
“อย่าพูดถึงเรื่องเก่ากูไม่ชอบ มึงมีอะไรมึงก็พูดมา”
"กูบอกว่าพรุ่งนี้งานแต่งไอ้คิม มึงเตรียมตัวเตรียมชุดหรือยังวะ”
"กูไม่จำเป็นต้องเตรียมตัว เพราะถึงยังไงหน้าตากูก็ดีอยู่แล้ว”
“ขี้โม้ชิปหายเลยมึง” ไอ้กายมันด่าผม
"...” ผมยักคิ้วให้มันก่อนที่ผมจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน
ไอ้กายมันก็มานั่งมองหน้าผม มองเหมือนผมเป็นตัวตลกยังไงไม่รู้ ผมไม่ชอบให้ใครจ้องหน้าผมนานๆ เพราะผมจะอดขำไม่ได้
ผมเหมือนคนเป็นโรคบ้าจี้ เวลามีคนจ้องเวลามีคนจักจี้ ผมก็รู้สึกเสียวๆ แล้วก็อยากหัวเราะออกมาดังๆแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ เดี๋ยวพวกมันจะรู้จุดอ่อนของผม
พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของไอ้คิมกับชิลลี่ แฟนที่มันคบกันมานานเกือบแปดปี มันหนักแน่นต่อความรักของมันมากมันก็เลยมีวันนี้
แต่ผมนี่สิ ขนาดหนักแน่น ไม่เคยคบซ้อนไม่เคยมีเรื่องผู้หญิง แต่แฟนผมมันก็ทำกับผมได้ลงคอ ทั้งเจ็บทั้งจุก ผมเลิกคิดแล้วเรื่องผู้หญิง ปล่อยวาง เดี๋ยวอะไรอะไรมันก็จะลงตัวเอง
"พวกมึงกูมีเรื่องจะมาบอก” ไอ้ยะวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาผมกับไอ้กาย
“มีอะไรวะ” ไอ้กายเอ่ยถามเพราะความสงสัย
“คือ... เจนนี่แฟนมึง ไอ้กายกูเห็นแฟนมึงไปกับคนอื่น”
“ไม่จริง เจนนี่ไปต่างประเทศยังไม่กลับมา มึงจำผิดคนหรือเปล่าวะ”
“กูไม่ได้จำผิดคน แต่กูเห็นเต็มสองตาว่ามันเป็นเจนนี่แฟนของมึงจริงๆ มึงดูในรูปแล้วมึงจะรู้เอง” ไอ้ยะมันเอารูปมาให้ผมกับไอ้กายดู ผมก็ได้แต่มองดู เพราะภาพมันเห็นหน้าผู้หญิงไม่ชัด แต่รูปร่างคือแฟนของไอ้กายเลย ผู้หญิงมันมีนิสัยเหมือนกันแบบนี้ทุกคนปะวะ เวลาที่จริงจังกับใคร แม่งก็โดนเททุกที
“ไม่ใช่หรอก กูว่าคงจะเป็นคนหุ่นคล้ายๆกับแฟนกูก็ได้” ไอ้กายแก้ตัวแทนแฟนมัน ที่จริงผมรู้ว่าไอ้กายมันดูออกว่านั่นคือแฟนมัน นั่นคือเจนนี่จริงๆไม่ใช่คนอื่น
“มึงอย่าบอกนะว่ามึงดูแฟนมึงไม่ออก มึงไม่คิดจะโทรถามแฟนมึงเลยเหรอ หรือว่ามึงจะยอมให้เขาสวมเขาให้มึง เหมือนกับแฟนไอ้เสือที่แฟนมันสวมเขาให้กับมัน” อ้าว เอากูเข้าไปเกี่ยวซะงั้น
“เดี๋ยวกูโทรถามเอง...” ไอ้กายมันแกล้งถือโทรศัพท์ออกไปข้างนอก แต่ที่จริงแล้วมันไม่ได้โทรหาเจนนี่หรอก มันรักเจนนี่มาก เจนนี่จะโกหกอะไรมันมันก็เชื่อไปหมด
ไอ้นี่มันหลงผู้หญิงมากกว่าอะไรซะอีก แต่ก็ช่างมันเถอะชีวิตมัน ไม่ใช่ชีวิตผม มันอยากเจ็บก็ช่างมัน ต่อให้พยายามบอกมัน มันก็คงจะหลอกตัวเองต่อไป
"ไอ้เสือมึงเชื่อกูป่ะ กูเห็นว่าเป็นเจนนี่ จริงๆนะมึง ” ไอ้ยะมันพยายามทำให้ผมเชื่อมัน ผมก็เลยพยักหน้า แล้วก็ยักคิ้วให้มัน แค่นี้มันก็รู้แล้วว่าผมเชื่อมัน
“เอาไงดีวะ ถึงจะช่วยมันได้ กูว่าตอนนี้เจนนี่ กำลังหักหลังมันนะเว้ย”
"มันอยากโง่ให้เขาหลอกมันต่อไป แล้วก็ปล่อยให้มันโง่ไป มึงคอยดูนะ ว่าเจนนี่จะหาข้อแก้ตัวอะไรมาแก้ตัวกับมัน ปล่อยมันไปเถอะมันเจ็บไม่เคยจำ มันอยากเป็นควายก็ช่างมัน กับผู้หญิงคนนี้มันให้อภัยเขามาเป็นสิบรอบแล้วมั้ง”
"แต่กูอยากจะกระชากหน้ากากผู้หญิงคนนั้นออกมา ให้มันได้เห็นว่าผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้รักแล้วก็ไม่ได้จริงจังกับมันเลย”
"พูดไปก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง มันไม่เชื่อพวกเราหรอก มันต้องเจอกับตัวมัน ไปทำงานได้แล้วกูก็จะทำงาน"
"เราควรช่วยไหมวะ!"
"จะช่วยคนที่เขาไม่อยากให้ช่วยได้ยังไงเล่า อีกไม่นานหรอก ไอ้กายมันก็ได้ย้ายออกจากบริษัทเรา"
"ย้ายไปทำไมวะ?"
"ออกไปดำรงตำแหน่งประธานบริษัทแทนพ่อมันแล้ว เห็นมันบอกว่าพ่อมันไม่สบาย กูว่าผู้หญิงคนนี้มันต้องมีแผนอะไรแน่ๆ”
"แผน... แผนจะจับไอ้กายไงล่ะ มึงก็รู้ว่าไอ้กายมันโง่ คอยดูนะถ้าแม่ของเจนนี่บอกให้ไอ้กายไปสู่ขอ ไอ้กายมันจะบีบบังคับแม่มันไปสู่ขอเจนนี่”
“เออ!! มึงคิดเหมือนกูเลย แต่ก็ช่างแม่ง เพราะเงินมันไม่ใช่เงินเรา 55555”
“เออ! งั้นกูไปทำงานต่อดีกว่า”
“โอเคเพื่อน มีอะไรไม่ต้องมาบอกกูนะ กูไม่อยากปลอบใจมัน เวลามันอกหัก”
“เหมือนกับมึงอกหักใช่ไหม?”
"เรื่องของกูมันนานมาแล้ว มึงไม่ควรที่จะเอามาพูด หัดเกรงใจกูบ้าง กูเพื่อนมึงนะเว้ย เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย”
"เอออ!! ไอ้คนเก่ง เก่งจริงๆเลยมึง”
บางทีผมก็คิดว่าการที่ไม่มีความรักเลย มันก็สบายไปอีกแบบนะ มันสบายอกสบายใจไม่ต้องมาคิดให้ปวดสมอง
ถ้ามีแล้วต้องมานั่งคิดมากเหมือนไอ้กาย ต้องมานั่งโกหกตัวเอง ต้องมานั่งปลอบใจตัวเองว่ามันไม่ใช่ ทั้งๆที่มันใช่ แบบนี้มันก็แย่อยู่นะ
ผมเลือกถูกแล้ว อยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีใครเลย สบายใจไม่ต้องคิดไม่ต้องเครียด อยากกินอะไรก็กินอยากเที่ยวก็เที่ยว อยากนอนก็นอน เวลาทำงานก็คือทำงาน เวลาเงี่ย..นก็เที่ยวตีหรี่แค่นั้น