ฉันเอามือลูบใบหน้าพลางสะบัดหัวหลายครั้งเพื่อเรียกสติให้กลับมา เมื่อหลุดออกจากภวังค์แล้วก็หันไปมองผู้ชายคนนั้นอีกครั้งพร้อมความคิดบางอย่างที่ลอยเข้ามาในหัว
จะว่าไปเขาก็น่าสนใจดีนะ มาเที่ยวสถานที่แบบนี้คงหวังเรื่องใต้สะดือเหมือน ๆ กับผู้ชายคนอื่นด้วยนั่นแหละ ถ้าฉันไปเสนอเขาจะตอบรับข้อเสนอไหมนะ
แต่ฉันไม่ได้ใจกล้าหน้าด้านมากขนาดนั้น ฉันมียางอาย แม้ในสถานการณ์แบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะมีสิ่งที่ฉันต้องให้ความสนใจมากกว่า
เงินห้าหมื่นบาท...
แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ หากถูกปฏิเสธมาก็แค่หน้าแตกหมอไม่รับเย็บแค่นั้นเอง ยังไงฉันก็คงไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีกแล้วล่ะ ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นานฉันก็ได้ข้อสรุป
เอาว่ะ! เสียซิงให้คนหล่อล่ำยังดีกว่าให้ผู้ชายรุ่นพ่อแถมหัวล้านพุงโย่ซะอีก อย่างน้อยก็ดูคุ้มค่ากับซิงที่เสียไป
คิดได้ดังนั้นฉันก็สาวเท้าเดินเข้าไปหาร่างสูงนั้นทันที พร้อมกับท่องคำว่า ‘เงิน’ อยู่ในหัว
“คุณ” นิ้วเรียวของฉันยื่นไปสะกิดแขนของคนตัวสูงสองสามที เมื่อเขาหันมามองสบตาพร้อมเลิกคิ้วถามก็เอ่ยเสนอตัวออกมาไปแบบไร้ยางอาย
“หืม?”
“คุณอยากซื้อฉันไหม ฉันซิงนะ”
“ห้ะ!” เขาร้องอุทานออกมาพร้อมกับบุหรี่ที่หล่นจากริมฝีปากบางหยัก ดูตกใจปนช็อกมากไม่ใช่น้อย คงไม่คิดว่าจะมียัยบ้าเป็นประสาทอย่างฉันมาเสนอขายตัวให้แบบนี้
เขาสะบัดหัวสองสามทีคล้ายกับกำลังดึงสติ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าแววตาดูเจ้าเล่ห์ย้อนถามกลับ จู่ ๆ ก็ดูน่าหวั่นกลัวขึ้นมาซะอย่างนั้น จนฉันเริ่มใจคอไม่ดีแล้วนะ แต่ก็ทำเป็นใจดีสู้เสือต่อ
“เท่าไหร่?”
“หะ..ห้าหมื่นค่ะ”
“แพงไปนะ คุณทำอะไรไม่เป็นเลยนี่ ไม่เคยมี ประสบการณ์ไม่ใช่เหรอ ทำไมตั้งราคาสูงนักล่ะ”
เขาหรี่ตาถามฉันคล้ายลองเชิง ซึ่งฉันไม่ต้องใช้ลูกเล่นหรือเลศนัยอะไรทั้งนั้น บอกความต้องการจริง ๆ ไปเลย ตอนนี้ฉันมันคือหมาจนตรอก ไม่จำเป็นต้องห่วงศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้น
“ฉันจำเป็นต้องใช้เงิน ซื้อฉันเถอะนะ ฉันยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อเงิน ได้โปรดเห็นใจฉันเถอะนะคะ”
รู้ว่าตัวเองดูน่าสมเพชมาก แต่มันไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ
“......”
“อยู่นี่เองแม่หนู มาหาฉันสิ ฉันรับรองว่าจะจ่ายให้หนูงาม ๆ เลยถ้าคืนนี้หนูทำให้ฉันมีความสุข”
ขณะที่กำลังรอคำตอบจากเขา จู่ ๆ เสียงแหบแห้งก็ดังขึ้นพร้อมร่างอ้วนท้วมที่วิ่งเข้ามากระชากเรียวแขนของฉัน แต่ฉันก็รีบสะบัดแขนออกแล้วรีบเดินมาหลบอยู่ด้านหลังของร่างสูง
“ฉันเปลี่ยนใจจะไปกับผู้ชายคนนี้แล้วค่ะ!”
“หา!! ได้ไงวะ!?”
ฉันไม่อยากไปกับคุณ อีกอย่างฉันยังไม่ได้รับเงินมาจากคุณ ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนใจ
“ไม่ยอมเว้ย หนูดีลกับฉันไว้แล้ว จะมาเปลี่ยนใจเสียดื้อ ๆ แบบนี้ไม่ได้ ผิดคำพูดไม่ได้!!”
เสี่ยพิเชษฐ์ตรงปรี่เข้ามาหมายจะดึงตัวฉันไป ฉันจึงเกาะเอวผู้ชายร่างสูงตรงหน้าไว้แน่นพร้อมส่งเสียงอ้อนวอนเมื่อเขาเอี้ยวใบหน้าหันมามองฉัน
“ช่วยฉันทีค่ะ ฉันขอร้อง”
“มานี่นะ!” เสี่ยพิเชษฐ์คว้าเรียวแขนของฉันไว้ได้และออกแรงดึง
“ไม่นะ!” ฉันพยายามสะบัดมือสากออก แต่มือสาก ๆ นี่ก็ปลาหมึกเสียจริง แถมยังติดหนึบยิ่งกว่ากาวตราช้าง
“ผมขอตัว”
ในขณะที่ฉันกำลังยื้อฉุดกับเสี่ยพิเชษฐ์อยู่ พอได้ยินเสียงทุ้มที่ดูไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าฉันจะขอความช่วยเหลือจากเขาก็ตาม ทำเอาฉันถึงกับไปไม่เป็น อ้าปากเหวออย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คะ..คุณ”
ฉันร้องเรียกเขาเสียงอ่อน เขาจึงตวัดตามาเหล่มองฉันเล็กน้อยก่อนที่จะหมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป ก่อนหน้านี้ไม่ว่าฉันจะพยายามส่งสายตาอ้อนวอนให้เขาไปเท่าไหร่ แต่มันก็ไม่เป็นผล เพราะเขาไม่สนใจฉันเลยสักนิดเดียว
“มานี่แม่หนูสุดสวย อย่าเล่นตัวนักสิ ไอ้หนุ่มนี่ไม่แยแสหนูนะ”
ในตอนที่ฉันถอดใจจากคนตัวสูงและหันไปเผชิญหน้ากับร่างอ้วนท้วมของเสี่ยพิเชษฐ์ จู่ ๆ ก็มีมือหนามาโอบที่ไหล่ของฉันพร้อมดึงแขนฉันให้ออกจากการจับมือของมือสาก
“อะไรวะ!?” เสี่ยพิเชษฐ์ตวาดใส่คนตัวสูงอย่างไม่พอใจ ทำเอาฉันสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
“ผมต้องพาเธอไปด้วยเพราะดีลกับเธอไว้แล้ว เสียใจด้วยนะครับ”
พอฉันกับเสี่ยพิเชษฐ์ได้ยินดังนั้นก็ดวงตาเบิกกว้างโตพร้อมกัน ฉันหันขวับไปมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างอึ้ง ๆ เพราะไม่คิดว่าเขาจะยอมช่วยเหลือ แต่พอหันไปมองหน้าเสี่ยพิเชษฐ์อีกรอบก็เห็นเขาถลึงตาและกัดฟันกรอดคล้ายไม่พอใจสุดขีด ลูกน้องที่ประกบอยู่ข้างเสี่ยพิเชษฐ์พยายามที่จะเข้ามาช่วยดึงตัวฉันกลับไป แต่ก็ถูกเสี่ยยกมือห้ามปรามไว้ด้วยแววตาที่ฉายแววดูโกรธเคืองไม่น้อย
คนตัวสูงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างดูเจ้าเล่ห์และร้ายกาจให้เสี่ยพิเชษฐ์ไป ก่อนที่จะโอบเอวพาฉันเดินออกมาจากตรงนั้น