“มาสายว่ะ ว่าแต่แยกกันมาอีกแล้วเหรอวะ”
วาโยหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่คิร่าสนิทด้วยลุกขึ้นมาจากการฟุบหลับรออาจารย์ในภาคเรียนช่วงเช้าที่มีคนบางกลุ่มเลือกจะเทแล้วเข้าเฉพาะช่วงบ่ายแทน ที่อีกฝ่ายถามถึงก็คงจะเป็นคนสวยซึ่งไม่เหลือแรงกลับห้องของตัวเองเลยต้องค้างที่ห้องเขาตามระเบียบแล้วเช้าวันรุ่งขึ้นที่มีเรียนตัวเดียวกันโดยบังเอิญจึงเป็นคิร่าที่ชวนเธอติดรถออกมาด้วยกัน
นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ เพราะระหว่างเรานั้นแทบจะมีแค่เรื่องเซ็กซ์ที่น้ำแตกแล้วแยกย้าย
ยังแปลกใจตัวเองอยู่เลยว่าต้องทำถึงขนาดจอดรถแวะร้านเบเกอรี่ชื่อดังเพื่อซื้อครัวซองกับเครื่องดื่มให้เธอเลยหรือ เนื่องจากการกระทำที่ไปเร็วกว่าสมองนั้นไม่เคยจะมีอยู่ในหัวของบุคคลที่ดื่มกาแฟเพียงแก้วเดียวแล้วตรงมาเรียนเลย หลายคนก็คงจะทราบว่าเมืองหลวงรถติดจนต้องเผื่อเวลาทำนู่นนี่นั่นไปหมด เขาที่ไม่ชอบความวุ่นวายเท่าไหร่เลยเลือกใช้ชีวิตง่าย ๆ มากกว่า
“หมายถึง?”
“มึงรู้อยู่แก่ใจยังจะมาถาม นู่น วันนี้ก็มีหนุ่มตี๋มาจีบเธอขาอีกละ ถามจริง เป็นพาร์ทเนอร์กันมานานขนาดนี้มึงไม่คิดอะไรกับเขาเลยเหรอวะ เป็นกูนะ ตายสนิทตั้งแต่วันแรกที่คนสวยอยู่ใต้ร่างแล้ว”
หนุ่มวิศวกรรมคอมพิวเตอร์นั่งลงกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ที่เรียกได้ว่าอยู่เกือบจะท้ายแถวของห้องเรียนรวม มองตามที่วาโยเอ่ยพูด คงจะเป็นรุ่นเดียวกันกับพวกเขาที่เดินเอาขนมไปให้เขียนฝัน เธอปรายตากลับมามองเขาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะรับน้ำใจนั้นมาแล้วกล่าวขอบคุณ เท่าที่เขาอ่านปากได้น่ะนะ ทว่าคิร่าก็ทำเพียงแค่ไหวไหล่ไม่ยี่หระ
“อย่าพูดถึงคนอื่นแบบนั้น”
“ทำไม เป็นห่วงเขาเหรอ กลัวว่าเธอขาจะดูไม่ดี?”
“คนอื่นที่หมายถึงทุกคน”
“ค้าบพ่อ แต่ถามจริงถ้ามึงไม่ได้รู้สึกอะไร ทำไมอยู่นานขนาดนี้วะ ไม่เบื่อเหรอ”
“เข้ากันได้ดี ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องอื่น”
“รู้ แต่ถ้าคุณเขารู้สึกกับมึงขึ้นมาล่ะ”
“นั่นมันเรื่องของใคร”
“แรงมาก ก็ตัวบิดานี่เนอะ เย็นชาไปเถอะมึง อย่าให้กูเห็นว่ามาร้องไห้ตามหลังเขาก็แล้วกัน” วาโยแบะปาก หันไปคุยเล่นกับกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แทน เข้าใจว่าทุกฝ่ายต่างก็วินวินกันทั้งคู่ แต่ถ้ามีคนใดคนหนึ่งรู้สึกขึ้นมาก่อน และหากว่าไม่คิดจะขยับความสัมพันธ์นั่นเท่ากับว่ามีคนที่ต้องเจ็บ
“ไง คิร่า”
“พริ้ม...”
หญิงสาวที่เดินมาทักเพื่อนเก่าซึ่งเคยเรียนอยู่มัธยมศึกษาด้วยกันหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน อีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนไปมาก รวมถึงความสุภาพที่ทำเอาใครหลายคนรอบตัวนั้นหลงใหลมาแล้วนัดต่อนัด
“ไม่คิดว่าจะลงเสรีตัวเดียวกัน พริ้มเห็นคิร่าตั้งแต่ชั่วโมงแรกแล้ว แต่ไม่กล้าเข้ามาทักน่ะ จนวันนี้เพื่อนไม่มาเรียนเพราะป่วย ที่นั่งก็มีว่างแค่ท้าย ๆ ด้วย พริ้มขอนั่งด้วยคนได้ไหม”
“ครับ จริง ๆ ไม่เห็นต้องขอเลย ทุกคนจ่ายค่าเทอมเหมือนกัน มีสิทธิ์ที่จะใช้ของทุกอย่างในห้องเรียนอยู่แล้ว”
“โอ้ว สมเป็นหลานชายท่านอธิการจริง ๆ แต่ยังไงก็ขอบคุณมากเลยนะ”
“ครับ ตามสบายเลย”
พริ้มบอกว่าเห็นเขามาตั้งแต่ชั่วโมงแรก หากแต่คิร่านั้นรู้อยู่ก่อนแล้วว่าอีกฝ่ายจะเลือกลงวิชานี้ การรอคอยของเขาขั้นแรกก็คงจะสำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว
“เป็นอะไร เห็นไม่สนใจที่อาจารย์พูดตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะฝัน”
เฟยเฟิ่งเห็นเพื่อนตัวเองหันไปมองทางด้านหลังอยู่ตลอดก็เริ่มจะทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยถามขึ้น เขียนฝันที่หลายคนบอกว่าหยิ่งไม่สนใจอะไรรอบตัวก็ใช่ว่าจะรวมไปถึงเรื่องเรียน เพราะอีกฝ่ายเป็นที่หนึ่งของสาขามาตลอดตั้งแต่เข้ามาเป็นเฟรชชี่
“เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ”
“ก็ถามแกไงยัยคนสวย เป็นอะไร เอาแต่มองไปด้านหลังอยู่นั่น”
เฟยเฟิ่งคิ้วขมวด หันกลับไปมองตามเพื่อนก็พบว่าเป็นกลุ่มของคิร่าที่นั่งอยู่ด้านหลังห้องเรียน ทว่าวันนี้มันกลับแปลกตาไป
เมื่อมีหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มนั่งอยู่ร่วมด้วย อีกทั้งยังดูสนิทสนมพูดคุยออกรสออกชาติกับคู่นอนเพื่อนเป็นอย่างมาก นั่นทำเอาเธอถึงบางอ้อโดยทันที
“คิดว่าใคร”
“คนนั้นเหรอ เคยเห็นผ่าน ๆ อยู่นะ ชอบนั่งกับเพื่อนอีกคนที่มุมซ้ายอะ แต่ไม่รู้ว่าวันนี้ไปนั่งกับพวกคิร่าได้ไง แต่ออร่าออกมาแปลก ๆ ว่ะ หรือจะเป็นคนคุย แต่คงจะไม่ใช่หรอก เฮ้ย! ขอโทษ ๆ เลอะหมดเลย แกโอเคไหม” เฟยเฟิ่งไม่น่าถาม เมื่อตัวเองตั้งใจจะเปลี่ยนท่านั่งเพราะเริ่มเมื่อยแต่ข้อศอกดันไปโดนแก้วน้ำหวานของเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกันจนมันเกือบจะหกลงพื้นถ้าหากว่าเขียนฝันนั้นไม่เอามือรองรับไว้ได้ทันท่วงทีก่อน และนั่นก็ทำเอาเสื้อนิสิตที่เป็นสีขาวเปรอะเปื้อนไปให้เห็นเสียหมด
“อ่า ก็เปียกน่ะสิ ถามมาได้ ยัยเด็กไม่รู้จักระวัง”
“ไม่ใช่เด็กนะ”
“ไม่ใช่เด็กแล้วจะซุ่มซ่ามแบบนี้ได้ยังไง ขยับออกไปเลย ฉันจะไปล้างตัวก่อน” เธอถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก ควรจะชิมชากับนิสัยของเฟยเฟิ่งได้สักทีแต่ก็ไม่เลย ทว่าก็ดีแล้ว ออกไปสูดอากาศหน่อยเผื่อจิตใจที่กำลังว้าวุ่นจะสงบลงได้บ้าง
เขียนฝันเดินออกมาที่ห้องน้ำคนเดียวเงียบ ๆ ปล่อยให้เพื่อนที่ทำเสื้อเธอเลอะตั้งใจฟังผู้สอนพูดไป ถึงจะเซ่อซ่าไปบ้าง แต่เรื่องเรียนแน่นอนว่าเฟยเฟิ่งนั้นก็พึ่งพาได้มากอยู่
“ฝันครับ”
ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ชุบน้ำจากอ่างล้างมือมาเช็ดที่ตัวเสื้อของตัวเองได้ไม่กี่ครั้งก็ต้องเงยหน้าขึ้นหันไปมองคนที่มาใหม่ ตรงนี้เป็นห้องน้ำหญิง คิร่าเลยหยุดเรียกเธอได้แค่ตรงทางที่จะเดินเข้ามาภายในเท่านั้น และยิ่งเห็นหน้าอีกฝ่ายจิตใจที่นิ่งแล้วก็ต้องขุนมัวขึ้นมาอีกรอบ เธอไม่ได้เห็นว่าอย่างไรผู้หญิงคนนั้นถึงมานั่งข้างคู่นอนของตนเองได้
ทว่าในตอนที่หันไปพบเข้ามันยิ่งกว่านั้นเสียอีก แอร์ในห้องเรียนมีกี่ตัวเขียนฝันไม่ได้นับ เข้าใจว่ามันคงจะหนาวอยู่มากในตรงที่แอร์ตกใส่
และสิ่งที่เธอเห็นคือคิร่ายอมถอดเสื้อกันหนาวตัวโปรดให้หล่อนไปใส่คลุมเอาไว้ ก่อนทุกอย่างจะฉุกละหุกแล้วเป็นเหตุให้เขียนฝันต้องออกมาอยู่ตรงนี้ รู้ดีว่ามันไม่ควรที่จะต้องไปหงุดหงิดใส่เขา แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลย
“คะ? ไม่ทราบว่ามีอะไรกับฉัน”
“อ่า หงุดหงิดอยู่เหรอครับ” จากสัพพนามที่เปลี่ยนไปคิร่าก็คงจะสามารถเดาได้ไม่ยาก แน่นอนว่าเขานั่งอยู่ด้านหลังเกือบสุดอย่างไรก็ต้องเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขียนฝันอยู่แล้ว จึงเดินออกมาเพื่อดูเนื่องจากน้ำมันค่อนข้างจะเลอะจนเห็นไปถึงเสื้อด้านในที่ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใส่ซับ
“ตรงนี้มันห้องน้ำหญิง มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะค่ะ ถ้าคนอื่นมาเห็นเดี๋ยวเขาจะเอาไปพูดได้ว่าหลานอธิการไม่จักรู้กาลเทศะ”
“ขอโทษด้วยครับ แต่ผมเอาเสื้อกันหนาวมาให้ เผื่อเธอต้องใช้”
มันเป็นตัวเดียวกับที่อีกฝ่ายให้เธอคนนั้นคลุมไหล่บางเอาไว้ก่อนหน้า คิดได้ดังนั้นเขียนฝันก็ขยำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น แล้วแค่นยิ้มออกมากับตัวเอง
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร คงต้องขอปฏิเสธความหวังดีจากคุณ”
TBC.