DEEP LOVE : 13

1236 คำ
พอเคลียร์งานเสร็จผมก็รีบกลับมาที่คอนโด แน่นอนว่าไร้วี่แววของคนเมาหมดสภาพที่ผมแบกกลับมาเมื่อคืน ผมรู้อยู่ว่าคุณหนูลลิลไม่มีทางอยู่รอตามที่ผมทิ้งโน้ตไว้ ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนเพื่อสำรวจความเรียบร้อย ก่อนจะเดินไปหยิบมือถือที่ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดูก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋าตัวเอง รีบจนลืมเลยสินะ… ก่อนออกจากห้องผมโทรให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดอีกครั้งก่อนถึงวันงาน ที่นี่เป็นคอนโดใหม่เพิ่งตกแต่งเสร็จหมาดๆ เพื่อใช้เป็นทั้งสินสอดและเรือนหอของผมกับคุณหนูลลิล ซึ่งความเป็นจริงก็ไม่รู้ว่าผมจะได้อยู่ที่นี่ด้วยรึเปล่า กลัวว่าพอถึงเวลาจะถูกว่าที่ภรรยาไล่ตะเพิดไปนอนที่อื่นน่ะสิ แปลกเนอะ…ญาติผู้หญิงเป็นฝ่ายมาขอร้องอ้อนวอนให้ผมแต่งงานกับหลานสาวตัวเองแท้ๆ ไหงผมยังต้องเสียค่าสินสอดตั้งหลายล้านอีก งงชิบเป๋ง ตอนแรกก็ว่าจะเอามือถือไปคืนเจ้าของแต่แวะเข้ามาที่ผับไอ้ดินก่อนดีกว่า เพราะเห็นพวกมันคุยกันในแชทกลุ่มว่าวันนี้บรรดาเมียทั้งหลายพากันไปเลือกชุดสำหรับวันงานสำคัญของผม พวกมันก็เลยว่าง…แล้วก็พากันมานั่งแดกเหล้าตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน เหมือนไม่มีการมีงานทำ ไม่นานผมก็มาถึงและไม่ต้องพูดถึงบรรยากาศในห้องเลย…ครึกครื้นสัส พอห่างเมียล่ะ อารมณ์ดีกันเลยนะ ไอ้พวกเวร นั่งหน้าสลอนกันครบและผมมาเป็นคนสุดท้าย “เป็นไงมึง จัดล่วงหน้าไปกี่ยก” ไอ้วาโยถามตั้งแต่ผมยังไม่ทันได้ก้าวพ้นประตูด้วยซ้ำ “กี่ยกค..ยไรละ” ผมว่าก่อนจะปิดประตูและเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างมัน “ไรวะ การ์ดตกไง? สภาพนั้นกูว่าไม่น่ารอดนะ” ไอ้หมอพูดต่อก่อนจะพากันยิ้มเย้ยผม “...” ผมไม่เถียงและก็ไม่สนใจพวกมันด้วย คิดซะว่าหมามันเห่า ล้วงหยิบบุหรี่ยี่ห้อโปรดขึ้นมาจุดสูบแทน พลางคิดย้อนไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน .... .... อยู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกในตอนที่พวกผมกำลังได้ที่เลย ทุกคนเงียบและหันไปมองรวมถึงผมด้วย ปรากฏร่างคุณหนูลลิลยืนจ้องผมตาเขม็งแต่ไม่พูดอะไร สักพักเธอก็เดินเข้ามาหาผมด้วยท่าทางที่ไม่ปกติ ขาสับกันเป็นพัลวัน จะล้มไหมวะนั่น “ทำไมคุณถึงอยากแต่งงานกับฉันนัก ห๊ะ” เธอเอ่ยถามเสียงยืดยานด้วยวอลลุ่มที่ดังกว่าปกติพลางยกกระเป๋าที่ถืออยู่ในมือชี้หน้าผม ทำเอาไอ้ดินถึงกับผงะถอยจนติดพนักพิงโซฟาเพราะมันนั่งอยู่ก่อนผมและกระเป๋าในมือยัยคุณหนูก็ส่ายไปส่ายมา ไม่หน้าก็ใครแหละ หลบกันให้ดีเหอะ “อารมณ์ไหนอีกวะ...” ผมบ่นก่อนจะเอื้อมมือไปประคองเอวบางหลวมๆ กลัวเธอจะหงายหลัง สภาพ…หนักขนาดนี้เลยหรอวะ “ไม่ต้องมาจับตัวฉัน” มีการปัดมือผมออกด้วยนะ จะรอดไหมเนี่ย “เดี๋ยวล้ม” ผมว่า “ไม่ ฉันยืนตรงขนาดนี้จะล้มได้ไง” เธอตอบกลับด้วยความมั่นใจ…มั่นใจอะไรก่อน หน้าจะทิ่มลงโต๊ะอยู่แล้ว ไอ้หมอถึงกับเกาหัวแกรกๆ “กูนึกว่าตุ๊กตาล้มลุก โยกซะร้อยแปดสิบองศาเชียว” ผมตวัดตามองไอ้ยูตะที่หันกระซิบกระซาบกับพี่ชายตัวเอง แต่เสือกพูดซะดังเลย ที่บ้านไม่เรียกกระซิบนะแบบนี้ เดี๋ยวยัยคุณหนูได้ยินก็เป็นเรื่องอีก “นี่!” นั้นไง…ยังไม่ทันขาดคำ “นายว่าใครเป็นตุ๊กตาล้มลุก ห๊ะ” ผมดีดตัวลุกไปคว้าเอวคุณหนูลลิลไว้ในอ้อมกอดก่อนที่เธอจะพุ่งไปหาไอ้ยูตะ ไม่ได้ห่วงไอ้ห่านั่นหรอกนะ ห่วงคนเมาเนี้ยแหละ หน้าจะคว่ำก่อนไปถึงมันอ่ะดิ ไอ้ดินก็ไม่ต่างจากผมเพราะมันอยู่ใกล้ที่สุด รีบยื่นมือออกมาเตรียมพร้อมเผื่อยัยคุณหนูนี่ล้ม ส่วนคนอื่นๆ ก็พากันดีดตัวนั่งเตรียมจะพุ่งเข้ารับร่างผู้หญิงคนเดียวในห้องด้วยความตกใจ ตอนนี้ไม่มีใครหลังติดพนักพิงสักคน “ปล่อยฉันนะ ปล่อย ฉันจะไปจัดการมัน” “โห…ยืนให้ตรงก่อนไหม” “ไอ้สัส มึงจะพูดทำห่าอะไร” ผมหันไปด่าไอ้ยูตะยังไม่ทันจบประโยคเสียงแหลมก็แทรกขึ้นมาพร้อมๆ กับผม “มันหยามกันเกินไปแล้ว ปล่อย ฉันจะเตะปากมัน” คนเมายังโวยวายและพยายามแกะมือผมออกจากเอว “ฉันไม่ได้เมานะ” เธอหันมาบอกผมท่าทางจริงจัง เหมือนกำลังหาพวก “เออๆ” ผมพยักหน้าตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่เธอจะหันไปหาไอ้ยูตะอีกครั้ง “เห็นม่ะ ไม่เห็นมีใครบอกว่าฉันเมาเลยสักคน มีแต่นายนั่นแหละ ไอ้บ้า ไอ้ปากมะ..อุ๊บ” ผมรีบปิดปากยัยคุณหนูแทบไม่ทัน ผมรู้ ทุกคนรู้ ไอ้ยูตะเองก็รู้ว่าเธอจะพูดอะไร เพราะมันผุดลุกจากโซฟาอย่างไวในจังหวะที่ผมปิดปากคนเมาในอ้อมกอด “อ่าวเห้ย…” “เย็นไว้ไอ้หนู” เป็นพี่ชายมันที่ดึงให้มันนั่งลงเหมือนเดิม ก่อนที่ไอ้ธามจะหันไปบอกเพื่อนตัวเองแบบไม่มีเสียง แต่ผมอ่านปากมันออก “อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา” “กูว่ามึงรีบพากลับไปก่อนเหอะ” ไอ้ฟิวส์เสนอขึ้นและทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย ถึงมันไม่พูดผมก็ต้องพาเธอกลับอยู่แล้ว ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างเอือมระอา ภาระ…ภาระ จริงๆ นี่ผมคิดถูกแล้วใช่ไหมที่แต่งงานกับเธอ ผมช้อนร่างบางขึ้นในท่าเจ้าหญิงและเบี่ยงตัวหันปลายเท้าเธอออกไปทางประตูก่อนจะหันหน้าไปหาไอ้ฟิวส์ เพราะมันเป็นคนเดียวที่สวมแจ็คเก็ต “มึง ถอดเสื้อมาดิ” “เวรเอ้ย เบียดเบียนกูอีก” มันบ่นและทำท่าไม่พอใจแต่ก็ยอมถอดเสื้อออกและโยนให้ดิน ไอ้เวรนี่…ไม่คิดจะขยับตัวไปไหนบางเลยรึไงวะ ส่วนไอ้คนที่ได้รับช่วงต่อก็หันขวับไปหาไอ้ฟิวส์ทันที แต่คิดหรอ…ว่าคนอย่างไอ้ห่าฟิวส์มันจะรู้สึกรู้สาอะไร มันก็ทำเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนไอ้เหี้ยดินก็แทนที่จะลุกขึ้นกลับนั่งแดกเหล้าต่อ เพื่อนกูแต่ละคน…มึนๆ ทั้งนั้น และไอ้ที่อุ้มอยู่นี่ก็ยังดิ้น ยังโวยวายไม่หยุด เฮ้อออ…ผมถอนหายใจแรงก่อนจะใช้ตีนสะกิดไอ้ดิน “ไอ้ห่านี่ เร็วๆ” มันตวัดตามองผมก่อนส่ายหน้าไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก็จะให้ทำไง…มือผมไม่ว่างนิ “วุ่นวายฉิบหาย” มันว่าพร้อมกับลุกเอาเสื้อมาคลุมให้คนเมาที่ตอนนี้สงบลงนิดหน่อย เพราะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่ทิ้งให้ผมเป็นคนรับไว้ทั้งหมด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม