อริสาเดินลงจากรถ ได้ยินเสียงพระสวดมนต์ดังมาจากในบ้าน จึงตัดสินใจนั่งรออยู่ที่ม้านั่งหินใต้ต้นไม้ด้านนอก เพราะไม่อยากเป็นจุดเด่นให้คนอื่นหันมามอง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าโซเชียลเพื่อฆ่าเวลา แต่ไป ๆ มา ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมที่พัดมาเป็นระยะหรือเพราะเสียงพระสวด จึงทำให้ความง่วงงุนเริ่มเข้าปกคลุม เปลือกตาหนักอึ้งจนค่อย ๆ หรี่ลงทีละนิด สุดท้ายอริสาก็ยอมแพ้ เธอวางโทรศัพท์ลงแล้วก้มหน้าฟุบลงกับโต๊ะโดยใช้แขนต่างหมอน เข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่าข้างกายมีเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ฟังจากเสียงแล้วน่าจะเป็นเด็กผู้หญิง และทั้งที่เจ้าตัวเล็กพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดปาก แต่เธอกลับไม่นึกรำคาญแต่อย่างใด ตรงกันข้าม อริสากลับรู้สึกเอ็นดู และอบอุ่นในอกอย่างน่าประหลาด หญิงสาวยืดตัวนั่งหลังตรงพลางหันไปมองเด็กหญิงตัวจ้อยที่นั่งหันหน้ามาทางตนบนม้านั่งตัวเดีย

