ห้องประชุมใหญ่
“แผนงานที่ผมเสนอไปเป็นยังไงบ้างครับบอส”
“….” เธอเป็นใครกันแน่
“ถะ..ถ้ามีตรงไหนที่บอสไม่ถูกใจสามารถแจ้งผมได้เลยนะครับ..”
“….” หน้าก็ไม่ยอมให้เห็น ชื่อก็ไม่ยอมบอก ผู้หญิงอะไรพิลึกคน
“อะ..เอ่อ..บะ..บอสครับ..”
“….” ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นป่านนี้คงพยายามเรียกร้องการรับผิดชอบจากผมทุกวิถีทาง ทว่าเธอคนนั้นกลับพยายามตีตัวออกห่าง
แต่ก็เพราะเธอแตกต่างคนจากคนอื่น ผมถึงได้รู้สึกสนใจเป็นพิเศษ
“บอสครับ..บอสครับ!” เสียงเรียกที่ดังจนแสบแก้วหูของภาคภูมิเลขาส่วนตัวทำให้ผมที่กำลังเหม่อคิดถึงเธอคนนั้นได้สติและหลุดออกจากภวังค์
หางตาตวัดมองคนเรียกที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างไม่สบอารมณ์
“อะไร”
“คือชนะพลถามถึงความเห็นของแผนงานที่นำเสนอไปครับ”
“อืม” ผมครางรับพร้อมกับสลัดเรื่องของผู้หญิงคนนั้นออกจากหัวแล้วกลับมาโฟกัสกับงาน “ว่ามาสิ”
“ฮะ?” ชนะพลหนึ่งในผู้บริหารของบริษัทขมวดคิ้วร้องเป็นเชิงถามด้วยสีหน้าตะลึง “บะ..บอสว่าไงนะครับ”
“พรีเซนต์” ผมกดเสียงต่ำเพราะเริ่มรู้สึกรำคาญ จะอึกอักอะไรนักหนา บอกตามตรงว่าผมไม่ชอบคนอืดอาดยืดยาดเป็นที่หนึ่ง
“ตะ..แต่ผมเพิ่งพรีเซนต์จบไปนะครับ”
“….” ผมไม่ตอบอะไร เพียงจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบนิ่งและเย็นเยียบมากกว่าปกติหลายเท่าตัว ภาคภูมิและผู้บริหารคนอื่นๆ ที่รู้จักนิสัยผมเป็นอย่างดีต่างพากันนั่งก้มหน้างุด เพราะรู้ว่าผมกำลังจะหมดความอดทน
ส่วนชนะพลมีสีหน้าซีดเผือด ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากแล้วเริ่มพรีเซนต์แผนงานใหม่
เมื่อกี้ที่เขาพรีเซนต์ไปผมไม่ทันฟัง มัวแต่นึกถึงเรื่องของผู้หญิงในคืนนั้น ผู้หญิงที่ผมรู้จักชื่อเธอแค่พยางค์แรกและคำลงท้าย
เนตร…นก
ตรงกลางของชื่อเธอนั้นเป็นคำว่าอะไรผมจำไม่ได้ นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก
ธนิน อัครวรณ์ชิด ประธานบริษัทAKที่เพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งได้เพียงไม่กี่ปีก็สามารถทำยอดขายแทรงหน้าคู่แข่งคนอื่นๆ จนเป็นที่ยอมรับในวงการได้คือสรรพคุณของตัวผมเอง
ผมเริ่มมีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจมากขึ้น และด้วยความสามารถ เงินทอง รวมไปถึงหน้าตาที่พอดูดีจึงทำให้มีผู้หญิงจำนวนมากที่สนใจในตัวผม
ไม่ใช่เพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป แต่ยังมีทั้งดารา เซเลปและคนดังที่หลังไมค์มาว่าอยากขึ้นเตียงกับผม บางคนมีดีกรีเป็นถึงเบอร์ต้นๆ ของช่องนั้นๆ ทว่าผมก็ไม่เคยเซเยสกับใครเพราะว่าตอนนั้นผมมีคู่หมั้นแบบลับๆ อยู่แล้ว
แน่นอนว่านั่นมันแค่ตอนนั้น ส่วนตอนนี้…
ผมโสด…
“วันนี้บอสเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ภาคภูมิถามขึ้นอย่างสงสัยขณะที่ผมกำลังทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะทำงานหลังประชุมเสร็จ
“ทำไม?” ผมเลิกคิ้ว
“เห็นเหม่อทั้งวัน” ภาคภูมิขยับปากมุบมิบเป็นเชิงบ่นผมกลายๆ
“คุณมีสิทธิ์พูดแบบนี้กับผมตั้งแต่เมื่อไหร่คุณภาค?”
“ผมรู้ครับว่าไม่มี แต่ผมเป็นห่วงบอสนิ ช่วงนี้บอสแปลกไปมากจริงๆ นะครับ” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง
ผมเบือนหน้าไปทางอื่นเพราะรู้ตัวว่าเป็นอย่างที่ภาคภูมิว่ามาจริง ในหัวผมเอาแต่เฝ้านึกถึงผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงที่ผมพรากความบริสุทธิ์จากเธอมา..
-ย้อนไปเมื่ออาทิตย์ก่อน-
ผมอกหักเพราะถูก ‘ว่าที่คู่หมั้น’ ที่คบกันอย่างลับๆ มานานถึงสี่ปีทิ้งไปแต่งงานกับผู้ชายคนใหม่ที่อเมริกา ตอนนั้นความเจ็บปวดและความเสียใจมีอยู่มากจนผมต้องเลือกดับความรู้สึกเหล่านั้นด้วยของมึนเมา
ผมนัดไอ้วาริธและไอ้สงครามไปดื่มเป็นเพื่อนด้วยกันที่ไนท์คลับแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงก็ไม่รอช้าที่จะสั่งเครื่องดื่มแบบจัดหนัก รวมถึงเรียกเด็กเอ็นมากันคนละคน
ตอนแรกผมก็เฉยๆ คิดว่าแก้เครียดไปอย่างนั้น แต่แล้ววินาทีแรกที่ได้เห็นเธอหัวใจที่กำลังอ่อนแอของผมก็กระตุกวูบอย่างรุนแรง โพรงอกสะเทือนจนรู้สึกไม่เป็นตัวเอง
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเธอก็ใส่หน้ากากตามธีมของทางร้าน ผมได้เห็นแค่ริมฝีปากที่น่าจูบและนุ่มนิ่มของเธอ แต่ก็ยังรู้สึกพิเศษด้วยมากขนาดนี้ น่าแปลกจริงๆ
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงรู้ว่าปากเธอนุ่ม?
เพราะผม…
ลองมาแล้ว..
เธอหอมหวานและนุ่มนิ่มไปทั้งตัวเลยล่ะ…
ผมถูกใจเธอและเกิดความหวงแหนขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนหนึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และอีกส่วนคงมาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
ผมชวนเธอไปเปิดห้องเพื่อดื่มกันสองคนเพราะอยากได้ความเป็นส่วนตัวและไม่อยากให้ใครมาแย่งเธอที่กำลังดูแลผมไป ตอนนั้นผมเริ่มเมาจนสติพร่าลงบ้างแล้ว จึงไม่ค่อยเป็นตัวเองค่อนข้างสูง
และเมื่อได้อยู่กันสองต่อสองผมก็ขอให้เธอดื่มแล้วพันทิปไว้กับแก้ว แก้วละสองพันบาท เธอดื่มไปทั้งหมดห้าแก้ว ครู่เดียวร่างเล็กก็เมามายจนคอพับคอตก
ผมฉวยโอกาสตอนที่เธอกำลังเมาถือวิสาสะถอดหน้ากากนั่นออก แม้จะมองเห็นเพียงลางๆ เพราะตอนนั้นตนเองก็เมาหนักแล้วเหมือนกัน ถึงอย่างนั้นก็รู้ว่าเธอทั้งสวยและน่ารัก
ใบหน้าหวานรูปไข่ ดวงตากลมโตเป็นประกายคล้ายมีดวงดาวระยิบระยับอยู่ในนั้นตลอดเวลา ยิ่งยามเธอยิ้มหัวใจผมปั่นป่วนและรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จมูกเล็กไม่ได้โด่งคมนักทว่าก็ไม่ได้แบนราบ ริมฝีปากอิ่มกระชับได้รูปรับกับองค์ประกอบทุกอย่างของใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เราต่างคนต่างเมาอยู่ภายในห้องกันสองต่อสอง จากนั้นไม่นานความเงียบก็เริ่มปกคลุม ความหนาวค่อยๆ กำซาบเข้ามา ร่างกายพลันต้องการความอบอุ่น
ผมจึงเริ่มขยับเข้าใกล้ๆ เธอ..
วินาทีที่ร่างกายเราสัมผัสกันราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งพล่านไปทั่วร่าง ความซาบซ่าน อารมณ์หวามไหวและความร้อนรุ่มก่อตัวขึ้นในกายผมอย่างรวดเร็ว
ยิ่งได้เห็นใบหน้าที่แดงก่ำและดวงตาฉ่ำปรือของเธอที่กำลังเมาผมก็ยิ่ง..
มีอารมณ์..
ผมเริ่มจากการพยายามดึงเธอเข้ามาจูบ เธอขัดขืนในช่วงแรกทว่าก็ค่อยๆ โอนอ่อนไปตามการเล้าโลมของผมในเวลาต่อมา
และใช่…คืนนั้นผมกลืนกินเธออย่างหิวกระหาย จำไม่ได้ว่ากี่รอบ…
แต่ที่แน่ๆ ไม่ต่ำกว่าสาม…
กว่าที่ทุกอย่างจะจบลงก็เกือบเช้าตรู่ ผมปล่อยให้เราได้นอนเพราะต่างคนก็เริ่มหมดแรง บอกตามตรงว่าถ้าไม่เหนื่อยผมก็ยังทำต่อได้เรื่อยๆ เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่…
กินเท่าไรก็กินไม่อิ่ม…
ช่วงสายของวันใหม่ผมลืมตาขึ้นมาเห็นร่างเธอนั่งตัวสั่นอยู่ตรงปลายเตียง คล้ายจะเห็นลางๆ ว่าเธอเพิ่งหันหน้ากลับไป ตอนนั้นสติผมยังตื่นตัวได้ไม่เต็มร้อยสักเท่าไร
ผมพยายามถามชื่อแต่เธอก็ไม่ตอบ จึงจะขยับเข้าไปใกล้ๆ ทว่าเธอก็ลุกหนีเหมือนรังเกียจ บอกตามตรงว่าผมช็อก ชีวิตนี้ผมไม่เคยถูกใครแสดงท่าทางแบบนี้ใส่มาก่อน
โดยเฉพาะกับผู้หญิง…
กลับกัน ที่ผ่านมามีแต่คนที่อยากจะร่วมเตียงกับผมกันทั้งนั้น ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นก็คงดีใจและเอาข้ออ้างตรงนี้มาผูกมัดให้ผมรับผิดชอบ
ทว่าเธอคนนี้กลับแปลกและแตกต่าง..
นอกจากจะไม่ดีใจแล้วเธอยังร้องไห้อีกต่างหาก..
ผมพยายามรั้งเธอไว้แต่สุดท้ายเธอก็ตัดโอกาสแล้ววิ่งหนีออกไป
ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ผมกลับไปที่ไนท์คลับเพื่อรอเจอเธอทว่าเธอก็ไม่มา
ตอนแรกคิดว่าตัวเองซวยที่ดันมาหาวันที่เธอไม่ว่างหรือมีธุระก็เลยไม่เจอ ทว่าพอไปรอครบหนึ่งอาทิตย์จึงได้รู้ว่าเธอนั้นลาออกไปแล้ว…
ชัดเจนว่าเธอพยายามหลบหน้าผม
ไม่รู้ทำไมพอรู้ว่าเธอพยายามจะหนี ผมก็ยิ่งอยากที่จะตาม
การได้เจอกันและการหายไปของเธอทำให้ผมลืมความเสียใจที่ถูกอดีตคนรักทิ้งไปจนสิ้น
หากถามว่าทำไมผมถึงดูสนใจเธอนัก มันไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอทั้งๆ ที่เราเพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง
ผมก็อยากจะถามกลับว่าพวกคุณเคยสะดุดตาใครตั้งแต่วินาทีแรกไหม? แล้วถ้าหลังจากนั้นคุณและเขาได้ลึกซึ้งกันทางกาย ความรู้สึกมีอยู่ในตอนแรกจะถูกเพิ่มขึ้นหรือเปล่า?
ซึ่งสำหรับผมมันเป็นอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด..
“คุณภาค” หลังจากที่เงียบไปนานผมก็เอ่ยขึ้น
“ครับ”
“ผมอยากให้คุณช่วยตามหาผู้หญิงคนนึงให้ผมหน่อย”
ภาคภูมิมีสีหน้างุนงง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเป็นปม
“ตามหาใครครับ”
ผมยกมุมปากขึ้นเบาๆ ไม่เชิงเป็นการยิ้ม ก่อนจะเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้เลขาส่วนตัวฟัง รีแอคของภาคภูมิในตอนแรกดูตกใจยิ่งกว่าเห็นผี และงุนงงในนาทีต่อมา ทว่าสุดท้ายเขาก็เข้าใจในเจตนาและความต้องการของผม
หลังจากว่าจ้างนักสืบผมก็เฝ้ารอเวลาที่จะได้เจอเธออีกครั้งอย่างใจจดใจจ่อ ไม่นานผมก็ได้รับข่าวดีว่านักสืบเจอตัวเธอแล้ว ดังนั้นผมจึงรีบมุ่งหน้าไปหาเธอทันที
นาทีแรกที่เจอกันหัวใจผมเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทว่าพอใช้เวลาอยู่ด้วยกันไปสักพักผมกลับเริ่มรู้สึกแปลกๆ เธอในคืนนั้นกับเธอในตอนนี้ไม่เหมือนกันเลยสักนิด
ทั้งสีหน้า แววตาและกลิ่น…
ผมไม่ได้โรคจิตแต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ทุกอย่างแตกต่างกันมาก มากจนคิดว่าเป็นคนละคน…
แต่คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะหน้าตาเธอเป็นแบบนี้ไม่ผิดแน่ แม้ตอนนี้เธออาจจะแต่งหน้าจัดขึ้นนิดหน่อยแต่ผมจำได้แม่นว่าต้องเป็นเธอ
และผมก็ไม่ลืมที่จะถามชื่อเธอเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ชื่อจริงๆ ของเธอก็คือ
เนตรกนก.. ซึ่งตรงกับที่ผมเห็นลางๆ ไม่มีผิด
หากมองอีกมุมนี่ก็อาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอก็ได้ ดังนั้นผมจึงปล่อยผ่าน
หลังจากนั้นผมและเนตรก็เริ่มคบหาดูใจและมีอะไรกันบ่อยครั้งโดยไม่ได้ป้องกัน ซึ่งนั่นเป็นความต้องการของตัวผมเอง ผมอยากให้เธอท้องเพื่อจะได้ขอเธอมาเป็นคู่ชีวิต
และใช่หลังจากนั้นสองเดือนเนตรก็ท้องจริงๆ ผมรีบขอเธอแต่งงานและประกาศออกสื่อทันทีด้วยความดีใจ..
แต่ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราววุ่นวายที่มีผลกระทบต่อชีวิตของผมไปตลอด…