แรกพบสบตา

2422 คำ
แรกพบสบตา มาร์ติน คลาร์ก อายุ 28 ปี นักร้องหนุ่มมากความสามารถที่เปิดตัวในฐานะศิลปินได้ไม่นานก็ดังเป็นพลุแตกอย่างน่าเหลือเชื่อ พร้อมกับพ่วงตำแหน่งรองประธานบริษัทส่งออกอุปกรณ์ทางการแพทย์รายใหญ่ของประเทศซึ่งเป็นธุรกิจของที่บ้าน มาร์ตินตัดสินใจเป็นนักร้องหลังจากที่แฟนสาวหนีไปพร้อมกับลูกในท้อง ในวันนั้นวันที่เหมือนกับโลกทั้งใบของเขาได้พังทลายลงเป็นวันเดียวกับน้าของเขาเข้ามาคุยเรื่องการเป็นศิลปินของเขา ซึ่งเรื่องนี้น้าของเขาได้คุยกับเขาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างจากครั้งอื่นเพราะเขาอยากจะลองทำให้สิ่งที่เขาเองก็ไม่เคยทำถึงแม้คิดที่จะเคยทำก็ตาม แต่เรื่องนี้เขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจโดยทันทีเพราะตอนนี้เขามีอีกใครอีกคนอยู่เคียงข้างและเธอคือคนที่เขาเลือกจะให้ชีวิตร่วมด้วยเขาจึงอยากคุยกับเธอก่อน ก็อย่างที่ใครหลายคนรู้ว่าวงการบันเทิงมันไม่ได้สวยหรูเขากลัวว่าการตัดสินใจจะทำให้การใช้ชีวิตของพวกเขาต้องเปลี่ยนไป มาร์ตินจึงอยากจะถามเธอก่อนให้คำตอบน้าของเขา แต่ยังไม่ทันที่มาร์ตินจะได้คุยเธอก็ดันเข้ามาได้ยินบทสนทนาของเขากับน้าเสียก่อน เมื่อออกไปดูเธอก็ลงลิฟต์ไปแล้วพอตามไปดูที่คอนโดก็ไม่เจอโทรไปก็ไม่รับข้าวของก็อยู่ครบแต่ที่ทำให้มาร์ตินสะดุดสายตาก็คือที่ตรวจครรภ์ที่วางอยู่บนโต๊ะห้องนั่งเล่น นั้นทำให้รู้ว่าเธอพาลูกในท้องหนีไปด้วยแต่ที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมเธอถึงต้องทำแบบนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ทะเลาะอะไรกันแม่แต่น้อย นั้นเป็นครั้งแรกที่น้ำตาลูกผู้ชายอย่างเขานั้นไหลอาบหน้า อารมณ์ ณ ช่วงเวลานั้นมันทั้งเสียใจ โกรธ สับสนมึนงงไปหมด จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าสาเหตุที่เธอหนีเขาไปเพราะอะไร เขาไปทำอะไรให้เธอขุ่นเคืองใจกันแน่ หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นมาร์ตินจึงตัดสินใจตอบตกลงน้าของเขาและด้วยบริษัทของน้าเขาอยู่ที่ไทยซึ่งก็เป็นบ้านเกิดของแม่เขาอยู่แล้ว มาร์ตินจึงต้องมาอยู่ไทยโดยการเป็นศิลปินในครั้งนี้มาร์ตินไม่ได้ยึดเป็นอาชีพหลักเพราะที่บ้านเขาเองก็มีธุรกิจมากมายซึ่งพวกเขาทั้งสี่คนก็ต้องเป็นคนดูแลต่อจากแด๊ด มาร์ตินจึงยื่นข้อเสนอสัญญาไปแค่สามปีเท่านั้นแต่ในระหว่างที่เป็นศิลปินเขาก็เข้ามาช่วยงานที่บริษัทบ้างหากมีเวลา โดยน้าของเขาก็ยอมรับข้อเสนอแต่โดยดีเพราะเขารู้จะนิสัยหลานชายคนนี้เป็นอย่างดีว่าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ในช่วงระยะเวลาสามปีที่มาร์ตินมาเป็นศิลปินผลตอบรับกระแสต่างๆที่มาร์ตินได้รับดีมากจนเกินคาด มีแฟนคลับติดตามผลงานของเขาจำนวนมาก ส่วนมาร์ตินก็ตั้งใจทำผลงานเพลงออกมาให้บรรดาแฟนคลับได้ติดตามได้เป็นอย่างดี ซึ่งมาร์ตินก็ถึงว่าเป็นศิลปินเบอร์ต้นๆของวงการเพลงเลยก็ว่าได้ มาร์ตินมีงานติดต่อเข้ามาไม่ขาดสายจนผู้จัดการส่วนตัวของเขารับสายโทนเข้าแทบจะสายไหม้ในแต่ละวัน โดยผู้จัดการส่วนตัวของมาร์ตินก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เป็นเพื่อนสนิทของเขาเองที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ช่วงเวลา 3 ปี ในการเป็นศิลปินและเกือบ 4 ปีในการตามหาคนรักและลูกแต่ไม่ว่าจะตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เคยเจอในช่วงแรกที่เธอหายไปมาร์ตินตามหาเธอทุกที่ที่เธอเคยไป ถามน้องชายที่เป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของเธอที่นั้นก็บอกไม่รู้ ลงทุกจ้างนักสืบที่ว่าเก่งที่สุดก็หาไม่เจอ จนทำให้มาร์ตินแอบคิดว่าจะมีใครที่คอยช่วยเธออยู่หรือเปล่า มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวจะหลบเขาได้มิดขนาดนั้นและยิ่งไม่ใช่คนในประเทศแล้วยิ่งเป็นไปได้ยาก ทุกครั้งที่นักสืบที่เข้าจ้างให้ตามหาได้ข้อมูลว่าเหมือนจะเจอแต่ก็คว้าน้ำเหลวทุกครั้งเพราะเป็นเพียงคนที่มีรูบร่างคล้ายเธอเท่านั้น ตลอดเวลาที่เธอหาไปมาร์ตินเฝ้ารอวันที่จะได้พบเธออีกครั้ง ซึ่งในช่วงระยะเวลา 3ปีที่ผ่านมาก็มักจะมีสาวน้อยสาวใหญ่เข้ามาขายขนมจีบทอดสะพานให้มาร์ตินไม่ขาดสายทั้งในและนอกวงการแต่ผู้หญิงเหล่านั้นก็ไม่เคยมีใครได้รับความสนใจจากมาร์ตินแม้แต่คนเดียว ต่อให้เขามีข่าวกับสาวคนไหนก็ตามมาร์ตินก้ปัดตกทุกข่าวเรียกได้ว่าคนปล่อยข่าวหน้าแหกหมอไม่รับเย็บก็ว่าได้ สาวๆพวกนั้นพยายามหวังให้ตัวเองเป็นข่าวกับมาร์ตินเพราะพวกหล่อนรู้ว่านอกจากมาร์ตินจะเป็นศิลปินแล้วเขายังมีตำแหน่งทายาทหมื่นล้านอีกด้วยแบบนี้ใครจะไม่อยากได้กัน แต่ไม่ว่าจะสวยแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ใจเขาไปครอบครองหรอกเพราะให้ในใจของเขาไม่เหลือที่ว่างให้ใครนอกจากเธอและจะยังคงเป็นเธอตลอดไป 4 ที่แล้ว ประเทศสหรัฐอเมริกา มาร์ตินได้รับสายจากน้องชายคนเล็กให้ไปรับที่สนามบินหลังจากกลับมาจากเที่ยวช่วงปิดเทอม มาร์ตินยืนรอน้องชายอยู่ใกล้กับทางออกไม่ไกลมากสายตาแกร่งสอดส่องมองไปทั่วสนามบินเพื่อมองหาน้องชายที่บอกว่าใกล้ถึงแล้วแต่สายก็ไปสะดุดเข้ากับสาวน้อยร่างบางซึ่งจากที่เขาดูแล้วน่าจะเป็นสาวเอเชียเดินตรงเข้ามาหาเขา มาร์ตินมองสาวน้อยที่กำลังเดินเข้ามาทางเขาอย่างอึ่งๆ กับความน่ารักสดใสดูเป็นธรรมชาติ บนใบหน้าที่ไม่ได้ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแต่กลับน่ามองจนไม่อยากละสายตา ซึ่งเป็นไปตามคาดสาวน้อยร่างบางเดินเข้ามาทักเขาและถามทางไปที่พัก จึงทำให้มาร์ตินหลุดจากภวังค์ก่อนจะบอกทางไปที่พักตามที่ร่างบางตรงหน้าถามและนอกจากจะรู้ว่าเธอเป็นคนไทยยังทำให้มาร์ตินรู้ว่าร่างบางตรงหน้าชื่อแก้มจากการที่ร่างบางหลุดปากพูดออกมาก่อนจะเปลี่ยนสรรพนามพูดใหม่ แต่มาร์ตินกลับชอบให้ร่างบางแทนตัวเองกับเขาว่าแก้มมากกว่าเพราะมันดูน่ารักดี หลังจากที่บอกทางร่างบางเสร็จแล้วเธอก็เดินไปตามที่มาร์ตินบอกซึ่งมาร์ตินก็มองตามจนสุดสายตา ก่อนจะมีเสียงเรียกของน้องชายที่หลังจากเจอร่างบางก็ทำให้มาร์ตินลืมไปช่วงขณะว่ามาทำอะไรที่สนามบินจนได้รับแรงสะกิดบริเวณหัวไหล่และเสียงเรียกของน้องชายที่เดินมาอยู่ด้านหลังพี่ชาย ส่วนมิกซ์ที่เห็นพี่ชายยืนเหม่อลอยพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าด้วยความประหลาดใจและสยองในเวลาเดียวกัน จากคนที่ตั้งแต่เกิดยิ้มนับครั้งได้แต่แล้ววันนี้กลับยิ้มโดยไม่มีสาเหตุใครเห็นก็ต้องรู้สึกแบบเขาบ้างแหละ หรือว่าแด๊ดใช้งานพี่ชายเขาหนักเกินไปจนเสียสติไปแล้วแต่ก็ได้แต่คิดเท่านั้นแหละใครจะไปกล้าถามถึงจะเป็นน้องก็เถอะ โดยตลอดการขับรถพาน้องมาส่งที่คอนโดมาร์ตินก็เอาแต่นึกถึงใบหน้าน่ารักของสาวน้อยที่มีเสน่ห์ดึงดูดสายตาอย่างไม่สามารถคาดสายตาได้แม้แต่วินาทีเดียวมาตลอดทางจนทำให้เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวจนถูกน้องชายที่นั่งอยู่ข้างแซว เขาจึงสบถด่าน้องชายอย่างไม่จริงจังมากนักออกไป เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายเพราะถ้าหากเจ้าน้องชายตัวดีรู้มีหวังโดนล้อจนลูกโตแน่แล้วเผลอๆ รู้ไปถึงแด๊ดกับแม่และพี่ชายทั้งสองคนเขาอีกด้วย หลังจากที่ส่งน้องชายแล้วมาร์ตินก็ขับรถไปที่บริษัทเพื่อเข้าไปเคลียร์เอกสารงานที่ทำค้างไว้ก่อนที่จะออกไปรับน้องชายที่สนามบิน มาร์ตินเริ่มเข้ามาช่วยงานที่บริษัทของพ่อตั้งแต่เริ่มเข้ามหาลัยทำให้เวลาหลังจากที่เรียนเสร็จหรือวันหยุดมาร์ตินก็จะเข้ามาทำงาน ซึ่งตอนนี้เขาก็เข้ามาบริหารงานอย่างเต็มตัวแล้วก็จะเหลือแต่น้องชายคนเล็กของบ้านที่พึ่งเข้ามหาลัยที่ยังไม่ได้เข้ามาช่วยงานที่บ้าน ก็อกๆ “ขออนุญาตครับนาย” เดลเลขาหนุ่มหน้าตาดีเป็นที่หมายปองของสาวๆ พนักงานในบริษัทมีสาวคอยแวะเวียนมาขายขนมจีบไม่เว้นแต่ละวันเรียกได้ว่าฮอตไม่ต่างจากเจ้านายเลยเลขาคนนี้ “อืม เข้ามา” “นายมีอะไรหรือเปล่าครับ” เดลเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานของเจ้านายถามจุดประสงค์ที่เจ้านายเรียกเข้ามาพบทันที่ที่เข้ามาถึงบริษัท “ผมอยากให้พี่ไปสืบประวัติผู้หญิงคนหนึ่งมาให้ผมหน่อย” มาร์ตินบอกความต้องการของตนกับเลขา มาร์ตินมักจะเรียกเดลว่าพี่เมื่ออยู่ด้วยกันของคนเพราะเดลอายุมากกว่ามาร์ติน5ปี และมาร์ตินก็ยังเคารพเดลเหมือนพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่งเพราะช่วงแรกๆ ที่มาร์ตินเข้ามาทำงานก็มีเดลคอยบอกและสอนงานจนทำให้มาร์ตินเป็นที่ยอมรับของคนในบริษัทถึงทุกวันนี้ “เอ่อ ครับ” เดลตอบกลับเจ้านายอย่างงงๆก็เล่นมาบอกให้ตามหาแต่ไม่บอกว่าเป็นใคร ต่อให้เขาเก่งแค่ไหนก็คิดว่าไม่น่าจะตามหาเจอ “แก้ม” มาร์ตินเห็นสีหน้าของเลขาก็บอกชื่อสาวน้อยออกไปพร้อมกับมองออกไปข้างนอกอย่างคนเพ้อฝันริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงใบหน้านวลใสน่ารักเป็นธรรมชาติ “แค่นี้หรอครับ” เดลตามออกไปพรางทำหน้าฉงนงงอีกครั้ง ก็เจ้านายเขาเล่นบอกมาแค่ชื่อจะให้เขาไปหายังไรกันอย่างน้อยก็ขอข้อมูลเพิ่มอีกนิดก็ยังดี แถมยังทำหน้าตาพิลึกมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วยิ้มอีก อยากรู้จริงว่าเมื่อครู่ที่ออกไปข้างนอกไปทำอะไรมากลับมาทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ “ใช่แค่นี้ หรือพี่เดลทำไม่ได้ครับ” มาร์ตินหันกลับมาถามเดลเพราะไม่มีเรื่องไหนที่เลขาคนนี้ของเขาจะทำไม่ได้ เพียงแค่หาผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวคงไม่อยากเกินความสามารถเดลหรอก “ได้มันได้ครับ แต่คุณมาร์ตินไม่มีข้อมูลที่มันมากกว่านี้หรอครับ คืออย่างนี้นะครับ คนชื่อแก้มไม่ได้มีคนเดียวในโลกนะครับ แบบว่านายเจอเธอที่ไหน รูปร่าง อะไรประมาณนี้ครับ” เดลตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนกับความเอาแต่ใจที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ของเจ้านาย แต่ถ้าหาได้ข้อมูลที่มากกว่ามันก็จะทำให้เขาทำงานได้เร็วมากกว่านี้ไม่ใช้ได้มาแค่ชื่อเล่นแบบนี้ “อืม เธอเป็นคนไทย อายุน่าจะเท่าๆ มิกซ์ แค่นี้พอไหมครับคุณเลขา อ้อ ผมเจอเธอที่สนามบิน” มาร์ตินบอกข้อมูลของสาวน้อยที่เขาหมายปองเอาไว้กับเดลเท่าที่เขารู้เพราะนอกเหนือจากนั้นเป็นหน้าที่ของเดลที่ต้องตาสืบเรื่องของเธอมาให้เขาให้ได้ เพราะถ้าเขารู้คงไม่ต้องให้เดลไปสืบให้หรอก “ครับ แล้วคุณมาร์ตินจะเอาตอนไหนครับ”ข้อมูลเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะให้ตามหาเธอคนที่นายต้องการให้เขาตามหา แต่ที่หน้าแปลกใจคือแค่เจอกันที่สนามทำให้นายเขาต้องตามสืบเรื่องของเธอเพียงนี้เชียวหรือ เธอคนนี้ต้องมีอะไรพิเศษที่ทำให้นายของเขาตราตรึงใจไม่มากก็น้อย “เย็นนี้ ก่อนผมกลับบ้านต้องได้ประวัติของเธอ” มาร์ตินพูดเสียงเด็ดขาด เขาต้องการที่จะรู้จักสาวน้อยร่างบางที่ทำให้เขาเพ้อละเมอหาได้มากมายเพียงนี้โดยเร็วที่สุด ว่าเธอเป็นใครกันที่มาทำให้หัวใจแกร่งที่ไม่เคยเต้นกับใครมาก่อนเต้นโครมครามเสียอาการได้เพียงนี้ “ครับ ผมจะจัดการให้เร็วที่สุดครับ” เดลตอบรับคำสั่งจากเจ้านายโดยไม่มีข้อโต้แย้งได้ใดๆ “แล้วงานวันนี้ผมมีแค่นี้ใช่ไหม แล้วก็ช่วงนี้ผมอาจจะไม่ค่อยได้เขาบริษัทนะครับ ฝากพี่จัดการแต่ถ้ามีเรื่องด่วนก็ติดต่อผมโดยตรงได้เลยครับ” มาร์ตินถามถึงภาระงานของวันนี้ที่ตนต้องทำงานยังเหลือส่วนไหนบ้างและฝากให้เดลดูความเรียบร้อยแทนเพราะพรุ่งนี้เขาต้องเข้าไปที่มหาลัยซึ่งเป็นมหาลัยของป้าเขาเอง “ได้ครับ คุณมาร์ตินไม่ต้องหวงทางนี้นะครับเดี๋ยวผมจะดูแลให้เป็นอย่างดีเลยครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เดลตอบรับคำสั่งเจ้านายก่อนจะของตัวออกจากห้องเพื่อไปจัดการงานด่วนที่เจ้านายมอบหมายและต้องทำให้เสร็จก่อนที่เจ้านายจะกลับบ้าน หลังจากที่เดลออกจากห้องไปมาร์ตินก็ก้มหน้าทำงานต่อแม้ภายในหัวสมองก็ยังมีหญิงสาวมาวนเวียนในหัวตลอดการทำงานจนทำให้มาร์ตินไม่มีสมาธิในการทำงานและคิดคาดโทษร่างบางไว้ในใจหากเจอกันครั้งหน้าจะลงโทษให้เข็ดโทษฐานที่ทำให้เขาไม่มีสมาธิทำงาน “เจอกันครั้งหน้าเธอโดนฉันลงโทษแน่ตัวแสบ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม