11

1168 คำ
๑๑ “ทำอะไรจ๊ะที่รัก ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ” เสียงยียวนที่ดังออกมาจากลำโพง ทำให้รินลดาแทบกรีดร้องออกไปด้วยความโกรธแค้นและอึดอัดใจ หากแต่ที่พอจะทำได้คือ ‘ข่มกลั้น’ อารมณ์โกรธเกลียดลงไปสุดความสามารถ “แกอย่าทำเป็นไม่รู้ ในเมื่อแกเป็นคนส่งไอ้คลิปบ้านั่นมาให้ฉัน!!” “ฮึ! แล้วยังไงล่ะ! ฉันส่งให้แกแล้วยังไง ในเมื่อคนในนั้นคือแกจริงๆ”ใบหน้าสวยหวานบัดนี้บิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนจะค่อยสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างช้าๆ พร้อมกับเตือนตนเองให้ใจเย็นเข้าไว้ “แกต้องการอะไรกันแน่...นาวี” หญิงสาวเค้นเสียงถามออกมาในที่สุด จึงได้ยินเสียงหัวเราะดังแผ่วจากอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนถูกแทรกด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ “แหม... แบบนี้สิ เขาถึงจะเรียกว่า รู้ใจกันจริง” เสียงหัวเราะและคำพูดแสลงหูของนาวี ทำให้รินลดาแทบขว้างโทรศัพท์เครื่องหรูในมือให้แตกกระจาย แล้วกรีดร้องให้สมใจอย่างที่กำลังอยากทำในตอนนี้ หากแต่ความเป็นจริงกลับเป็นตัวขัดขวางความรู้สึกของหล่อนไว้ ว่าอย่าเพิ่งวู่วาม อย่าใจร้อน ต้องใจเย็น แล้วค่อยๆ คิด ค่อยหาวิธีเอาตัวรอดจากคนเลวอย่างนาวีให้ได้ “เลิกอ้อมค้อมสักทีเถอะ! บอกฉันมา ว่าแกต้องการอะไรจากฉันกันแน่!” น้ำเสียงเครียดแข็งทำให้คนที่หัวเราะเบาๆ ยิ้มเหี้ยม ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า... “ใจร้อนจริงนะ! แต่ความจริง... เธอเองก็น่าจะพอรู้อยู่บ้างนะ ว่าฉันต้องการอะไรจากเธอ” รินลดาเม้มปากแน่น หล่อนคิดอยู่แล้วเชียว ว่าอีกฝ่ายไม่เคยมองเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าเรื่อง ‘เงิน’ “เท่าไร!” กระแทกถามเสียงห้วน แต่คนฟังกลับรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง “ยังน่ารักเหมือนเดิมนะจ๊ะเมียจ๋า ฮ่า ฮ่า” “ไอ้บ้า! เลิกบ้าสักทีเถอะ! จะเอายังไงก็ว่ามา!” “ล้านหนึ่ง!” “ล้านหนึ่ง! จะบ้าเรอะ ฉันจะเอาที่ไหนไปให้แกตั้งล้านหนึ่งล่ะ!” รินลดาร้องเสียงหลง หากแต่คนฟังกลับทำตาวาววับ ก่อนจะเอ่ยเสียงเด็ดขาดออกมาอย่างไม่สนใจ “เรื่องของเธอ! จะเอามาจากที่ไหนฉันไม่สน แต่ภายในหนึ่งอาทิตย์ถ้าเธอหามาให้ฉันไม่ได้ ก็เตรียมตัวเป็นนางเอกหนังเอวีก็แล้วกันนะรินลดา!!” นาวีกดตัดการสนทนาทันที พลางแสยะยิ้มออกมาด้วยความพอใจ เพราะเขารู้จักรินลดาดีว่าอีกฝ่ายไม่ยอมให้เขาปล่อยคลิปนั่นไปเด็ดขาด หล่อนจะต้องกระเสือกกระสนหาเงินมาให้เขาจนได้... ในขณะเดียวกัน รินลดาก็แทบทรุด หญิงสาวเดินเซื่องซึมและทิ้งตัวลงบนเตียงนอนขนาดเล็กอย่างหมดแรง “เงินตั้งล้าน แล้วฉันจะไปหาที่ไหนมา” หญิงสาวพร่ำพูดลำพัง น้ำตาไหลลงมาเป็นทางเมื่อคิดถึงความสุขที่เคยได้รับจากศิลา เขาไม่เคยปล่อยให้หล่อนต้องลำบาก เขาไม่เคยทำให้หล่อนต้องเสียน้ำตา เพราะความโง่เง่าของหล่อนแท้ๆ ที่ทำให้ตัวเองต้องมาเดือดร้อนแบบนี้ หากแต่เมื่อนึกถึงน้องสาวพลันดวงตาก็สว่างจ้าขึ้น แต่แล้วก็หม่นลงอีกเมื่อนึกถึงความจริง “แล้วอิ่มจะเอาเงินที่ไหนมาช่วยเราเล่า ลำพังแค่รายได้จากร้านขนมก็แค่พอหมุนไปเดือนๆ แล้วเราจะทำยังไงดีนะ จะทำยังไงดี คุณศีล... ลดาจะทำยังไงดี” ขณะเดียวกัน คนที่ถูกคิดถึงก็ตกอยู่ในสถานการณ์แทบไม่ต่างกันเลยสักนิด เพราะเวลานี้อิ่มอรุณก็ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้เช่นกัน มีเพียงการครุ่นคิดอย่างหนักเพื่อหาหนทางออกไปจากที่นี่ให้ได้เร็วที่สุดเท่านั้น แต่ก็ยากเต็มที เมื่อศิลาเฝ้าจับตามองหล่อนตลอดเวลาที่เขาอยู่กับหล่อน และเมื่อใดที่เขาต้องออกไปทำงาน นายเฒ่าก็จะเป็นคนมาเฝ้าหล่อนไว้แทนตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดเช่นเวลานี้... หญิงสาวเหลือบตามองชายชราที่นั่งเหลาไม้อยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กบนพื้นดิน ขณะที่หล่อนนั่งอยู่บนแคร่ตัวเดิมที่เกือบถูกศิลาลวนลามเอาคราวนั้น แล้วพยายามครุ่นคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไร ให้อีกฝ่ายบอกทางหนีทีไล่แก่หล่อน “เอ่อลุงเฒ่าจ๊ะ ลุงจะเอาไม้นั่นไปทำอะไรจ๊ะ” หญิงสาวชวนคุย หากแต่ในใจก็อยากรู้ ว่าไม้ไผ่ที่อีกฝ่ายนำมาเหลาจนเรียวเล็กนั้น เอามาเพื่อที่จะทำอะไร นายเฒ่าเงยหน้าขึ้นยิ้มให้สาวสวยคนที่เจ้านายพามาแล้วตอบ “ผมเอาไว้ทำเบ็ดขอรับคุณ เอาไว้ปักตามท้องทุ่ง ตามคันนา แล้วปลามันก็จะมากินเหยื่อขอรับ” บอกแล้วก็ก้มหน้าก้มตาลงไปเหล่าอย่างชำนิชำนาญ หญิงสาวพยักหน้ารับรู้พลางครุ่นคิดตามคำบอกเล่า ท้องทุ่งท้องนาอย่างนั้นหรอกหรือ งั้นก็แสดงว่าที่ที่หล่อนมาอยู่จะต้องเป็นชนบท หรือไม่ก็นอกเมือง ว่าแต่มันที่ไหนกันเล่า หญิงสาวหรี่ตามองนายเฒ่าอย่างครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจถามออกไปตรงๆ “แล้วที่นี่นี่ไหนจ๊ะ ตำบลอะไร ตั้งแต่มาอิ่มยังไม่รู้เลยว่าตัวเองมาอยู่ที่ไหน” คำถามคล้ายชวนคุยไปตามเรื่องตามตาวทำให้นายเฒ่าเงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาวยิ้มๆ อิ่มอรุณรู้สึกใจมา หากแต่เมื่อได้รับคำตอบกลับมีอันต้องเหี่ยวแฟบลงไปอีกครั้ง “กรุณาอย่าถามกระผมเลยขอรับคุณผู้หญิง กระผมบอกอะไรไม่ได้มากกว่านี้จริงๆ ถ้าคุณผู้หญิงอยากรู้ก็คงต้องลองถามท่านดูเอง” อิ่มอรุณมองคนที่ก้มหน้าไม่พูดอะไรอีกด้วยความผิดหวัง แน่ล่ะ! เขาคงสั่งกันเอาไว้แล้วว่าไม่ให้บอกหล่อน ฮึ! อย่าคิดนะว่าคนอย่างหล่อนจะหมดหนทางเพียงแค่นี้ ในเมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็ต้องเอาด้วยคาถา... คนนั่งวางแผนลอบยิ้มที่มุมปาก หากแต่เมื่อชายชราเงยหน้าจึงส่งยิ้มสดใส ก่อนจะลงจากแคร่แล้วเดินขึ้นบ้านไปในที่สุด นายเฒ่ามองตามร่างบางของสาวสวยไปด้วยความรู้สึกเห็นใจ แต่เขาก็ไม่สามารถปริปากบอกอะไรได้มากกว่านี้ ของแบบนี้ก็คงจะสุดแล้วแต่เวรแต่กรรม ไม่ว่าก่อนหน้าอิ่มอรุณจะทำอะไรไว้กับเจ้านายหนุ่มของเขาจนอีกฝ่ายถึงได้กระทำการเยี่ยงนี้กับหล่อน แต่อย่างหนึ่งที่ทำให้เขาเชื่อจากสายตานั่นคือ ศิลา จะไม่มีวันทำร้ายร่างกายผู้หญิงที่น่าทะนุถนอมอย่างอิ่มอรุณเด็ดขาด เขามั่นใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม