ตอนที่ 3 ครอบครัว

1502 คำ
ตอนที่ 3 ครอบครัว หลังจากที่ฉันสัมภาษณ์งานเสร็จ ฉันก็ขับรถมอเตอร์ไซค์กลางใหม่กลางเก่าขับกลับบ้าน ระหว่างทางฉันเห็นรถยนต์ของพี่เอกจอดอยู่ เหมือนเขากำลังดักรอฉันช่วงขากลับ เมื่อฉันเห็นดังนั้นจึงรีบบิดคันเร่งให้เร็วขึ้นไปอีก ทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน “จอด!!!” เขาเดินมาอยู่บนกลางถนนแล้วกางแขนออก ทำให้ฉันต้องรีบเหยียบเบรคทันที “พี่เอก! อยากตายหรือไง” รถสองล้อที่ฉันขับมาเกือบล้มแน่ะ ใจหายแว๊บเลย “พี่ขอคุยด้วยหน่อย แป๊บเดียวก็ได้” “มีอะไรก็รีบๆพูดมา ถ้าพูดไม่รู้เรื่องฉันจะไม่เกรงใจพี่แล้วนะ” “ที่จริงเมล์ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ พี่รู้ว่าเมล์ยังไม่มีแฟน” เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เลย... “ถ้าเราสองคนเป็นแฟนกันไม่ได้จริงๆ ในฐานะเพื่อน...พอจะเป็นไปได้มั้ย” “ได้ดิ” “ขอบคุณน้องเมล์มากนะครับ พรุ่งนี้พี่ต้องกลับไปทำงานแล้ว” ก็ไปสิจะมาบอกทำไม! “ดูแลตัวเองด้วยนะ เอาไว้ว่างๆพี่จะทักมาคุยด้วย พี่หวังว่าแค่สติ๊กเกอร์ตัวสองตัวกับข้อความที่ไม่ได้มากจนเกินไป น้องเมล์จะเปิดอ่านมันบ้าง” พูดซะน่าสงสารเลย...เฮ่อ “พี่ไปทำงานของพี่เถอะ ในฐานะเพื่อนกัน ฉันจะเปิดอ่านก็แล้วกัน” “จริงนะ” “อื้อ” ฉันพยักหน้าให้ “ถ้าอย่างนั้นขับรถกลับบ้านดีๆนะ เย็นนี้พี่ต้องออกเดินทางกลับไปทำงานแล้ว” สถานที่ทำงานของพี่เอกอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่เคยรู้มาว่านานๆที เขาถึงจะได้กลับมาเยี่ยมที่บ้านสักครั้ง “ถ้าอย่างนั้นฉันไปนะ” บ้านของฉันอยู่ไกลต้องใช้เวลาขับรถประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง สมาชิกในบ้าน มีพ่อแม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ และหลานสาวอายุห้าขวบอีกหนึ่งคน บ้านของฉันประกอบอาชีพทำสวนผลไม้และปลูกผักสวนครัวส่งตลาด ฐานะทางบ้านปานกลางจัดว่าพอมีพอกิน “เมล์...ไปสมัครงานวันนี้เป็นยังไงบ้างลูก” เมื่อฉันเดินเข้าไปด้านในบ้าน เสียงแม่ของฉันก็เอ่ยถามขึ้น ฉันหันไปยิ้มให้ท่าน แล้วตอบกลับไปว่า... “ฉลอง!!” นั่นก็แปลว่าฉันได้งานทำแล้ว “เขารับแกเข้าทำงานจริงๆเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ” นี่เป็นเสียงพี่ชายของฉันเองค่ะ ชื่อพี่เมฆ พี่ชายของฉันอยากให้ฉันมาช่วยทำงานในสวนมากกว่า แต่ฉันอยากหางานที่มีเงินเดือนกินไปก่อน อาชีพชาวสวนฉันเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ฉันเบื่อ...ถึงมันจะเป็นอาชีพที่ส่งฉันเรียนจนจบก็เถอะ “ทำไม...คนอย่างหนูมันทำไม” ฉันทำหน้างอนๆส่งไปให้ “เปล่าหรอก ว่าแต่คุณปราชญ์เขาให้แกไปทำงานในตำแหน่งอะไรล่ะ” “พนักงานบริการทั่วไปน่ะ แต่...เดี๋ยวนะ! พี่รู้จักเขาด้วยเหรอ เมื่อกี้พี่เรียกเขาว่าอะไรนะ” “คุณปราชญ์...ทำไม” ฉันเพิ่งรู้จักชื่อเขาวันนี้เอง เขาชื่อจริงว่าปราโมทย์ ชื่อเล่นปราชญ์ ทำไมพี่เมฆถึงรู้จักล่ะ “พี่รู้จักเขาด้วยเหรอ” “แปลกตรงไหน เขาเป็นคนดังนะ” “ทำไมหนูถึงไม่รู้จักเขามาก่อนเลยล่ะ” “พี่จะไปรู้แกเหรอ ว่าแต่แกไปทำอะไรคุณปราชญ์เขาหรือเปล่า” อ้าว...ถามแบบนี้! “อ้าว...ทำไมพี่ถามแบบนี้ล่ะ หนูเป็นน้องพี่นะ” ฉันจะไปทำอะไรเขาได้ แค่ลักจูบไปทีเดียวเอง “เปล่า แค่ถามดูเฉยๆ” แล้วไป...นึกว่าไปรู้อะไรมา อยู่ๆฉันก็ยกมือขึ้นไปคลำอยู่ที่ริมฝีปากของตัวเองอย่างเผลอไผล “วันนี้เขาเป็นคนสัมภาษณ์หนูด้วยตัวเองเลยนะ” ที่จริงฉันเป็นคนขี้คุยในระดับหนึ่งเลยเชียวล่ะ “ล้อเล่นน่า...” “จริง! แต่ช่างเถอะ หนูได้วันหยุดวันจันทร์นะ” “เลี้ยงอะไรล่ะ” “เงินยังไม่ออกเลยพี่เลี้ยงหนูก่อนสิ” “อาเมล์ขา...กิ๊บอยากกินน้ำส้มปั่นค่ะ” นี่เป็นเสียงหลานสาวของฉันเองค่ะ อายุห้าขวบชื่อน้องกิ๊บ ลูกสาวพี่เมฆ “ได้สิคะหลานอา พี่เมฆ...” ฉันแบมือขอเงินพี่ชาย “พันเดียวพอหรือเปล่า” “พอค่ะ ขอยืมรถยนต์ด้วยนะ กิ๊บป่ะ” จากนั้นฉันก็พาหลานสาวไปซื้อน้ำส้มปั่นและกับข้าวที่ตลาด แล้วกลับมาฉลองกันในช่วงเย็น พร้อมหน้าพร้อมตาที่บ้าน ทางด้านปราชญ์ บ้านหลังใหญ่ มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอำนวยความสะดวกครบ มีแม่บ้านหนึ่งคนและคนทำสวนอีกหนึ่งคน ความเป็นอยู่ค่อนข้างสะดวกสบาย แต่ภายในบ้านกับมีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง นั่นก็คือปราชญ์ที่เป็นพี่ชาย และน้องสาวอายุสิบเจ็ดหนึ่งคน เธอชื่อพราวมุก หรือเรียกง่ายๆว่ามุก กำลังเรียนอยู่ชั้นม.6 ในโรงเรียนเอกชนชื่อดังในจังหวัด “ก๊อกๆๆ มุก...กินข้าว” ในทุกๆวันพี่ชายคนนี้ก็มักจะต้องไปเคาะประตูเรียกน้องสาวให้ออกมากินข้าวพร้อมกันแบบนี้เป็นประจำ ด้วยวัยที่ต่างกันมาก ช่องว่างระหว่างพี่กับน้องจึงค่อนข้างกว้าง หรือจะเรียกง่ายๆว่า ไม่ค่อยสนิทกันนั่นเอง ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันก็ตาม “ค่ะเดี๋ยวออกไป” สักครู่น้องสาวคนเดียวของปราชญ์ก็เดินออกมา แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับพี่ชาย บนโต๊ะมีอาหารอยู่หลายอย่างกำลังร้อนๆ หอมกรุ่นน่ากินเชียว “ทำอะไรอยู่” “เรื่องของหนู” “เขียนนิยายอีกแล้วใช่มั้ย” น้ำเสียงดุๆของพี่ชายถามกลับไปในแบบไม่ค่อยพอใจนัก “ถ้าใช่แล้วจะทำไม” “เอาเวลาไปอ่านหนังสือเรียนดีกว่ามั้ย ปีหน้าคิดเอาไว้หรือยังว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน” “ยัง” “แล้วทำไมไม่คิด เหลือเวลาอีกไม่มากแล้วนะ” เสียงถอนหายใจของน้องสาวดังเฮือก “เมื่อไหร่พี่จะมีแฟนสักที” “ทำไม” “ก็จะได้เลิกยุ่งเรื่องของหนูสักทีไง หนูอิ่มแล้วพี่กินเถอะ” “นี่ยัยมุก! แกยังไม่ได้กินสักคำเลยนะ” “กินไม่ลง ปั้ง!!” เสียงปิดประตูดังลั่น บ่งบอกว่าไม่พอใจ ซึ่งภาพที่เห็นมันเป็นเรื่องปกติของพี่น้องคู่นี้ เช้าวันรุ่งขึ้น @โรงแรม ช่วงเช้าฉันขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาในบริเวณโรงแรมกำลังจะหาที่จอดรถ แต่อยู่ๆสายตาของฉันก็บังเอิญเหลือบไปเห็นบอสยืนคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันมองไปแว๊บแรก เห็นเขาส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาแต่ไกล...แต่เช้าเลยเหรอเนี่ย อะไรจะฮอตขนาดนี้! “บอสค่ะ มีเรื่องจะปรึกษาหน่อยค่ะ” ฉันรีบจอดรถใกล้ๆกับที่เขายืนอยู่ ซึ่งตรงที่ฉันจอดรถมันเป็นถนน มีฟุตบาทขั้นกลาง ถัดไปอีกหน่อยเขากับผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ฉันรีบตะโกนถามออกไป ฉันไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่ไม่ใช่สองคนเมื่อวานนี้แน่นอน ถ้าเขาเล่นด้วยกับฉันแสดงว่าเขาต้องการให้ช่วยจริง แต่ถ้าเขาไม่เล่นด้วยก็แสดงว่าฉันคิดไปเอง “ว่ามาสิ...” “เชิญขึ้นรถก่อนค่ะ” “เธอเป็นใคร พนักงานใหม่เหรอทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้า” ผู้หญิงคนนั้นถามกลับมา ฉันจึงหันสายตาไปมองเขา...จะเอายังไง! “บอสคะ จะขึ้นมามั้ยคะ ถ้าไม่ขึ้นจะไปแล้วนะ” “เออๆไปๆ ผมขอตัวก่อนนะครับ” “ปราชญ์...” ผู้หญิงคนนั้นทำหน้าไม่พอใจ ส่วนเขาก็รีบเดินขึ้นมานั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของฉันทันที “ถึงแล้วค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับถอดหมวกกันน๊อคออก แล้วรีบแบมือขอค่าแรงเมื่อกี้นี้ด้วย “อะไร...” แน่ะ! ทำหน้างง “ก็ตามที่ตกลงกันไว้ไงคะ” หนึ่งพัน! “แค่ขึ้นซ้อนท้ายรถมาแค่นี้เนี่ยนะ” “ใช่ค่ะ ก็บอสเป็นคนบอกเองว่าแล้วแต่สถานการณ์ ฉันก็ช่วยบอสออกมาได้แล้วนี่ไง” “ตอนแรกผมก็คิดว่าคุณจะแสดงตัวเป็นแฟนผมซะอีก” อี๋...คิดอะไรกับฉันหรือเปล่าเนี่ย “บ้าสิ ถ้าหากฉันโดนตบขึ้นมา บอสจะช่วยฉันมั้ยล่ะ” “มันเป็นหน้าที่ของเธอ” “จ่ายมา อย่าโอ้เอ้” “เลิกงานแล้วค่อยมาเอา” พูดจบประโยคเขาก็เดินหนีไป...ชิ! จากนั้นฉันจึงเดินไปหาพี่คนเมื่อวานที่ดูแลเรื่องพนักงานใหม่ วันนี้ฉันเริ่มงานวันแรกต้องไปรายงานตัวก่อน ห้ามสายเด็ดขาด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม