บทที่ 1

1130 คำ
ดอกเหมยแย้มกลีบเบ่งบานงดงามเต็มต้น สีชมพูอมขาวชูช่อสว่างไสวตัดกับความมืดในยามราตรี กลีบดอกส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปตามแรงลมที่พัดปลิวมาเป็นระยะ หลิวซือซือนั่งเท้าคางมองกิ่งเหมยที่ยื่นมาเกือบถึงหน้าต่างของโรงเตี๊ยมพลางสูดกลิ่นหอมนั้นเข้าไปเต็มปอด นานเพียงใดที่เธอมายังดินแดนแห่งนี้และต้องใช้ชีวิตเฉกเช่นคนที่นี่ โดยไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสกลับไปยังโลกใบเดิมที่เธอจากมาเมื่อใด "คุณหนู น้ำชาเจ้าค่ะ" หลิวซือซือมองถ้วยน้ำชาที่โชยกลิ่นหอมที่ชุ่ยหลินบ่าวคนสนิทของนางรินให้อย่างเอาอกเอาใจ กลิ่นหอมของชาลอยอบอวลปนไปกับกลิ่นดอกเหมยที่หอมหวานหลิวซือซืออมยิ้มเล็กน้อย ใบหน้างดงามผุดผ่องเพียงด้านเดียวนั้นช่างชวนให้เพ้อฝันในขณะที่อีกข้างก็ชวนให้รู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง หลิวซือซือเหม่อลอยนึกถึงแม่ของเธอที่ชอบชาดอกเหมยเช่นกัน "คิดถึงท่านแม่อีกแล้วหรือเจ้าคะ" สาวรับใช้ผู้รู้ใจเอ่ยขึ้น คุณหนูของเธอภายนอกดูเหมือนจะหายเป็นปกติแล้วแต่ในใจยังคงเจ็บปวดและเศร้าเพียงใดมีเพียงชุ่ยหลินเท่านั้นที่รู้ดี "ข้าจะทำยังไงได้ล่ะชุ่ยหลินที่ผ่านมาข้าก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข แต่แม่พ่อของข้าในโลกนั้นเล่าพวกท่านจะอยู่โดยไม่มีข้าได้อย่างไร" สิ่งที่คุณหนูบอกนางเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ แท้จริงแล้วในตอนนี้นายหญิงของนางคือบุตรสาวของท่านมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่มีความเชี่ยวชาญด้านอักษรและการปกครองทั้งยังเป็นราชครูของฝ่าบาท ถึงหลิวซือซือจะเป็นเพียงบุตรสาวของฮูหยินรองแต่ฮูหยินใหญ่ก็รักและเอ็นดูนางเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่เกิดมามารดาก็เสียชีวิต ทั้งยังได้ฝากฝังบุตรสาวไว้กับท่านเสนาบดีและไม่ปรารถนาให้นางเข้าวัง เรื่องคู่ครองขอให้หลิวซือซือเป็นผู้เลือกเอง มหาเสนาบดีรักภรรยารองผู้นี้มากทั้งสงสารบุตรสาวที่อาภัพมารดา  เขาจึงเก็บนางเอาไว้ในจวนด้วยรูปร่างหน้าตาที่งดงามหยดย้อยของนาง เขากลัวว่าอาจจะต้องตาโอรสสวรรค์หรือท่านอ๋องคนใดได้ เขาอยากให้นางใช้ชีวิตเหมือนหญิงสาวทั่วไปจึงได้เก็บบุตรีไว้ในเรือนอย่างเงียบเชียบ วันหนึ่งหลิวซือซือเกิดพลัดตกน้ำในขณะที่พายเรือเล่นในสระบัวภายในจวน นางว่ายน้ำไม่เป็นกว่าคนจะช่วยขึ้นมาได้ก็ทำให้หลิวซือซือเกือบเอาชีวิตไม่รอด ที่น่าประหลาดเมื่อหญิงสาวฟื้นกลับจำอะไรไม่ได้ ท่านเสนาบดีจึงได้ซ่อนนางจากคนภายนอกอีกครั้ง ให้คนปล่อยข่าวว่าหลังตกน้ำนางเกิดความจำเสื่อมและสติไม่ดี ทำไฟไหม้ห้องตนเองและเสียโฉมเพราะถูกไฟคลอกมาตั้งแต่นั้น เรื่องเหลวไหลพวกนี้หลิวซือซือรู้ดีว่าเป็นเพียงอุบายของบิดาและตนไม่ได้บ้า นั่นเป็นเพราะเธอไม่ใช่คนที่นี่ ในร่างนี้เป็นเพียงวิญญาณของหลิวซือซือผู้หนึ่งที่ย้อนเวลามาด้วยอุบัติเหตุจนมาอาศัยอยู่ในร่างนี้ก็เท่านั้น เมื่อรู้สึกตัวก็กลายมาเป็นคุณหนูแห่งจวนมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของราชวงศ์โจวแห่งแคว้นเหลียงไปแล้ว ไม่รู้ว่าสวรรค์กลั่นแกล้งหรืออย่างไรทำให้เธอย้อนเวลามาเป็นร้อยปีมาอยู่ในร่างของหลิวซือซือผู้หญิงที่มีชื่อและหน้าตาเหมือนกันกับเธอราวกับคนเดียวกัน เธอต้องแกล้งทำเป็นความจำเสื่อม เรียนรู้ที่จะอยู่ที่นี่ ในใจยังหวังอยู่ตลอดว่าจะกลับไปหาแม่พ่อของเธอได้ แม้ไม่รู้ว่าจะต้องกลับไปด้วยวิธีใดก็ตาม  หลิวซือซือหยิบกระจกที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูหน้าของตนเอง นิ้วเรียวลูบไล้ใบหน้าด้านซ้ายที่งดงามไร้ไฝฝ้าราคี ส่วนด้านขวามีรอยแผลเป็นเล็กๆ เต็มใบหน้าคล้ายรอยแผลไฟไหม้กระจายทั่วพวงแก้ม รอยแผลนี้ได้มาจากอุบายของบิดาเสนาบดี ที่สั่งช่างทำหน้ากากฝีมือดีจากต่างแคว้นทำหน้ากากแผลเป็นนี้มาให้เธอโดยเฉพาะ ด้วยเหตุผลเพียงว่าหลิวซือซือมีใบหน้าที่งดงามผุดผ่องราวกับเทพเซียน  ใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มสีแดงสดเย้ายวนโดยธรรมชาติ ดวงตากลมโตสะท้อนออกมาถึงความหยาดเยิ้มชวนหลงใหลขนตายาวงอนราวกับปีกผีเสื้อ หลิวซือซือรู้สึกมีความสุขที่บิดาทำเช่นนี้ การใช้ชีวิตเป็นภรรยาในโลกโบราณแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องทนช้ำใจเพราะสามีสามารถมีภรรยากี่คนก็ได้ สังคมศักดินาก็กดขี่ข่มเหงสตรียิ่งนัก เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่                      หลิวซือซือไม่อาจทนได้ "คุณหนูเจ้าคะ ดื่มเสียหน่อยนะอย่าเศร้าไปเลยเจ้าค่ะ" หลิวซือซือยิ้มให้ชุ่ยหลิน บ่าวผู้นี้จงรักภักดีกับเธอ นางจึงยอมรับหลิวซือซือในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นใครที่อยู่ข้างในร่างคุณหนูชุ่ยหลินก็พร้อมที่จะดูแลอย่างเต็มที่ กางปีกปกป้องนางจน                        หลิวซือซือรู้สึกอบอุ่นใจและกล้าที่จะพูดความในใจที่อึดอัดให้ชุ่ยหลินฟัง หลิวซือซือยกชามาดื่มจนหมด ชุ่ยหลินยิ้มและรินชาให้หลิวซือซืออีกจอกรสชาติของชาดีเป็นอย่างยิ่งแต่หลิวซือซือยิ่งดื่มยิ่งรู้สึกกระหายน้ำและเกิดอาการคอแห้งขึ้นมา "ชุ่ยหลินมีน้ำเปล่าหรือเปล่า" "มีเจ้าค่ะแต่น้ำเย็นมาก คุณหนูสุขภาพไม่ดีดื่มน้ำอุ่นหน่อยดีหรือไม่บ่าวจะไปนำมาให้" "ดีสิ" ชุ่ยหลินจึงรีบออกไปเพื่อนำน้ำมา หลิวซือซือรินน้ำชาให้ตนเองอีกหลายจอกรู้สึกว่ายิ่งดื่มยิ่งกระหายน้ำมากขึ้น นางคิดว่าชานี้อาจมีสิ่งใดผิดปกติไม่นานก็รู้สึกรุ่มร้อน ลมเย็นพัดโชยเข้ามาทางหน้าต่าง หลิวซือซือหยิบผ้าคลุมหน้าและเสื้อคลุมของตนเองคิดจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย หญิงสาวเดินออกไปนอกห้องพักหลิวซือซือแปลกใจที่ไม่เห็นองครักษ์หน้าห้องของตนเอง ถึงจะรู้สึกอยู่บ้างว่าผิดปกติก็ไม่ทันคิดว่าตนเองจะเป็นอันตราย หลิวซือซือเดินตามทางเดินของโรงเตี๊ยมมาเรื่อยๆ เพื่อความปลอดภัยของเธอองครักษ์หลงจึงได้เหมาทั้งชั้นสามที่เป็นชั้นสูงสุดของโรงเตี๊ยม 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม