ณ.หอพักรวม 16.05
“เย็นนี้เราจะมีเวลาไปเช่าหนังสือการ์ตูนรึเปล่าวะป้อน” ชิริน สาวน้อยน่ารักนักศึกษาปีสี่คณะพยาบาลศาสตร์ นอนกลิ้งไปมาบนเตียงขนาดสามฟุตครึ่งเอ่ยถาม ป้อนหรือปรเมศ เพื่อนชายใจหญิง เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนประถมของเธอที่กำลังนั่งแต่งหน้าทาปากสีแดงอย่างตั้งใจ แต่เดิมที่ทั้งคู่เรียนอยู่ที่บ้านในต่างจังหวัด ชิรินยังไม่เคยเห็นว่าป้อน จะเอาจริงจังกับสายนี้จนผ่านพ้นมัธยมต้น ‘ลวดลายอีกฝ่ายเริ่มออก’ แซวหนุ่มรุ่นพี่ เต๊าะหนุ่มรุ่นน้อง โดยมีชิรินคอยสแกน...หนุ่มๆ ที่ควรจะใช่สายเดียวกันให้เพื่อนหุ่นล่ำ!
“ทันไม่ทันก็ต้องรอดูว่ากูจะจีบไอ้เป้ติดก่อนไหม” ขวับ! หันออกจากหน้ากระจกแล้วมองเพื่อน “กูว่ามันทะแม่งๆ ว่ะ”
“ยังไง”
ชายใจหญิงผู้ที่ครั้งหนึ่งอยากจะมีแฟนหล่อๆ กับเขาถึงกับถอนหายใจดังพรืด! “คือกูรู้สึกว่ามันไม่ได้ชอบผู้ชายว่ะ”
“แต่มันมองมึงบ่อยนะ!” ชิรินค่อนข้างมั่นใจ อีกทั้งตัวของเธอเองที่บากหน้าไปถามอีกฝ่ายเมื่ออาทิตย์ก่อน วันนั้นที่เธอถามเป้ว่าชอบผู้ชายรึเปล่า อีกฝ่ายตอบเธอว่า ‘อืม ไม่ได้เกลียด’ คำพูดนี้มันก็หมายความว่า สายวายป้ะ!!
“มันมองเพราะกูดูตลกรึเปล่า เอาเถอะในเมื่อเรานัดมันมาคุยแล้วมันก็กล้ามา ไม่แน่ว่าอาจจะใช่ เดี๋ยวกูเอานาฬิกาเรือนนี้ไปด้วย กะจะให้มันตอนตกลงเป็นแฟน” หยิบนาฬิกายี่ห้อดังราคาเกือบห้าพันใส่กระเป๋าสะพาย ไม่ใช่ว่ารวยหรืออะไร แต่นาฬิกาเรือนนี้ได้มาจากที่เขาเก็บสะสมไว้ แล้วจะซื้อให้ตัวเองใส่...สุดท้ายกลับอยากวัดใจว่าถ้าลองเปย์ผู้ชายแล้วอาจจะได้แฟน และนี่คือครั้งแรกที่เขาลอง
บทสรุปในวันนั้น นอกจากไม่ได้เป็นแฟนไอ้เป้แล้ว นาฬิกาเรือนนั้นก็ยังคงค้างอยู่ในกระเป๋าเพราะอีกฝ่ายดันเผยไต๋ออกมาให้ป้อนได้รู้เสียก่อน แม้จะผ่านเรื่องรักร้ายๆ ไปได้ แต่ความชุลมุนวุ่นวายยังไม่จบแค่นั้น เมื่อความซวยพัดผ่านเข้ามาในตอนที่สองเพื่อนสนิทเดินทางไปทำงานพิเศษในร้านสะดวกซื้อ ระหว่างที่ชิรินเดินใจลอยไปเช็คจำนวนของขายในร้าน ชั้นวางของสามชั้นเกิดทรุดลงมา!!
โครม!! “ว๊ายยยย”
ป้อนหรือปรเมศรีบวิ่งออกไปจากช่องคิดเงินแล้วกรีดร้องทันทีเมื่อเห็นสภาพ “กรี๊ด ริน ริน ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย!!!”
ลูกค้ามากกว่าสามคนมีสีหน้าตกใจ หนึ่งในนั้นกดโทรศัพท์เพื่อหาคนช่วย
“ริน ริน มึงได้ยินกูมั้ย!!” หนุ่มล่ำใจสาวเรียกเพื่อนสนิทที่นอนสลบอยู่ใต้ชั้นวางของ สารพัดสินค้ากองระเกะระกะ ทำเอาเจ้าตัวต้องรีบ เขี่ยมันให้พ้นทางเพื่อที่จะได้ช่วยเพื่อน “เลือด! รินมึงได้ยินกูมั้ย!!”
สำนึกสุดท้ายของผู้ถูกเรียก อยากจะขานตอบว่า ‘อืม...ได้ ยิน’
-----++++----
ณ.สถานที่อันไกลโพ้น ยามอิ่ว (18.50 น.)
“โอย” สตรีร่างบางยกมือขึ้นกุมศีรษะ พอๆ กับเรื่องราวมากมายถาโถมเข้ามาในสมอง ภาพของหมอหญิงฝึกหัดผู้หนึ่งกำลังนั่งเฝ้าสมุนไพร บ้างสูดดม บ้างทดลอง บ้างชิม? ก่อนจะบันทึกข้อมูลสรรพคุณของมันเอาไว้ในสมุดพร้อมกับวาดรูปต้นสมุนไพรอย่างง่ายแนบไว้ ในระหว่างที่นั่งยองๆ จดจ่อกับสมุดวาด กลับรู้สึกถึงแรงกัดและความปวดร้าว ตากลมมองข้อเท้าของตนเองพลันเห็นสัตว์เลื้อยคลานตัวสีดำมันปลาบมุดหนีออกไปทางรั้วไม้ นึกเจ็บใจที่วันนี้ไม่ได้ใส่รองเท้าแบบบุรุษ (บูทยาวสีดำ) จึงทำให้สัตว์มีพิษตัวนั้นทำร้ายนางได้ ความเจ็บปวดนั้นทำให้นางต้องควานหาสมุนไพร แต่นอกจากจะหาไม่พบ ดวงตากลับเริ่มพร่ามัว เพียงครึ่งจิบชา...ภาพทุกอย่างก็ดำมืด
“เจ็บจังเลย” ตากลมกระพริบปริบๆ คล้ายกับกำลังตั้งสติและพยายามสลัดภาพของสตรีผู้ถูกงูกัดนั้นทิ้งไป พร้อมกับรำลึกถึงเรื่องราวของตนเอง จำได้ว่าก่อนหน้านี้ตนจะถูกชั้นวางของขนาดความสูงถึงสามชั้นล้มทับร่าง “ยังไม่ตายใช่ไหม” ก้มมองร่างกายที่ยามนี้สวมใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวแปลกประหลาด หนำซ้ำเวลานี้ตัวเองยังคงนั่งอยู่กับพื้นอันเย็นเฉียบ หากการถูกล้มทับแล้วไม่ตาย แล้วพื้นที่ไม่เหมือนเดิมนี้คืออะไร? ข้าวของในร้านหายไปไหน? ‘ป้อนได้เรียกใครให้มาช่วยรึเปล่า?’ ร่างบางขยับตัวอย่างเมื่อยล้าและค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ความมืดสลัวบ่งบอกได้ว่า เวลาในตอนนี้คงจะค่ำมากแล้ว “ป้อน” เสียงแหบแห้งคล้ายคนขาดน้ำ ไม่ได้ทำให้นางสนใจอะไรไปมากกว่าสหายที่ควรจะอยู่ด้วยกันตรงนี้ “ป้อน” มือบางคลำเส้นทางที่คาดเดาไม่ได้ แสงสว่างจากประตูคือจุดหมายที่เจ้าตัวต้องเดินไปให้ถึง ใจนึกว่าที่แห่งนี้อาจจะเป็นโรงพยาบาล หัวคิ้วขมวดมุ่นเมื่อนึกได้ว่า หากเป็นโรงพยาบาลจริง...ใยจึงนอนบนพื้น? ในความสงสัย ผู้ถูกชั้นวางของล้มทับได้ตัดสินใจเปิดประตู
แอ๊ด!!
เสียงไฟจากตะเกียง? ทำให้ดวงตาของผู้ที่เดินออกมาจากห้องถึงกับพร่ามัว เบื้องหน้าเป็นบุรุษผู้หนึ่งกำลังยืนจ้องหน้า? บุรุษรูปร่างท้วมแต่งกายคล้ายนักพรต? ‘หรือนี่จะเป็นเจ้าที่?’ “ข้าตายแล้วรึ?” มากกว่าความแปลกใจคือเหตุใดนางจึงกล่าวคำที่คล้ายกับ...ภาษาจีน!
“ตายอย่างไรของเจ้าไป๋มี่อิง!” เขากล่าวกับหลานสาวผู้งดงามที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับสมุนไพร ไม่สนวันสนคืนจนอายุของนางผ่านพ้นวันปักปิ่นมาแล้วถึงสามปีอย่างระอา “วันก่อนหน้านี้อาได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท พระองค์ทรงมีรับสั่งให้เจ้าเดินทางไปรักษาการณ์แทนท่านหมออาวุโสผู้เสียชีวิตในกองทัพหลวง กำหนดการเดินทางคืออีกสามวันหลังจากนี้ เตรียมตัวให้พร้อมด้วยเล่าอาจารย์จะเดินทางกลับไปยังบ้านเกิด หมู่บ้านผุยผ่าน ไว้พบกันเมื่อสงครามจบลง” ความรีบร้อนคล้ายกับว่ากำลังหนี ทำให้สองขาบุรุษก้าวออกจากหอสมุนไพรโดยไม่หยุดสนทนาสิ่งใดอีก
ผู้ถูกสั่งการยังคงทำหน้างุนงงสงสัย ก่อนผู้ที่กล่าวว่าเป็นอาจารย์อาจะเดินออกไปจากห้องนั้น “มี่อิง? เขาหมายถึงใคร?”