บทที่ 1 คนนี้ลี่จะเอา
-ลิลลี่-
วันต่อมา
มหา’ลัยชื่อดังย่านกรุงเทพฯ
เป็นเหมือนเคยที่จะมีเสียงซุบซิบตามมาเมื่อฉันมีข่าวอะไรก็ตาม และข่าวครั้งนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องเมื่อคืนที่ฉันอาละวาดเหมือนคนบ้าที่ไนต์คลับ รู้แหละว่าต้องมีมือดีถ่ายคลิปไว้ และฉันตั้งใจให้มันเป็นอย่างนั้นเพราะอย่างน้อย ๆ ก็ช่วยแฉความชั่วของผีเน่ากับโลงผุคู่นั้นได้ ยอมโดนด่าว่าเป็นผู้หญิงแรงอาละวาดเหมือนคนไม่มีความคิด เพื่อแลกกับอีกฝั่งโดนประณามเรื่องศีลธรรม ดูแล้วมันก็คุ้มค่าที่ทำอยู่
เอาไว้ค่อยสร้างตัวตนเลิศ ๆ ใหม่ วันนี้ยอมโดนด่าโดนนินทาไปก่อนแล้วกัน
หลายคนอาจสงสัยว่าเรื่องเมื่อคืนอะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น บอกเลยว่าโนจ้ะ! ไม่มีเรื่องบังเอิญอะไรทั้งนั้น ล้วนแล้วเป็นความตั้งใจของฉันและของใครบางคนที่ยังคงเป็นปริศนา…
เมื่อหลายวันก่อนมีคนส่งรูปพี่เคนกับไอริสมาให้ฉันเยอะมาก ซึ่งดูแล้วความสัมพันธ์ไม่น่าจะธรรมดา ให้เด็กดูยังรู้เลยว่ากุ๊กกิ๊กกันท่าไหน พูดตามตรงว่าฉันอยากจะถามพี่เคนให้รู้แล้วรู้รอด แต่เก็บเงียบไว้รอเวลาที่เหมาะสม ของแบบนี้มันต้องจับให้ได้คาหนังคาเขาถึงจะแก้ตัวไม่ได้
จนกระทั่งเมื่อวานก่อนมีแชทปริศนาส่งมาอีกครั้ง เป็นการส่งบอกสถานที่และเวลาที่พี่เคนกับไอริสจะไปด้วยกัน และมันก็เป็นตามที่แชทปริศนาบอกเป๊ะ ๆ พี่เคนนอกใจฉันคบกับไอริสจริง ๆ
ฉันจะเสียใจมากหากผู้หญิงคนนั้นเป็นคนอื่น แต่พอเป็นคนที่ตัวเองไม่ชอบขี้หน้าเข้าไส้ดันไม่รู้สึกเสียใจเท่าไหร่ ยิ่งเห็นพฤติกรรมของพี่เคนเมื่อวานยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าไม่ควรร้องไห้กับผู้ชายนิสัยแบบนั้นเลย ไม่มีค่าพอให้เสียน้ำตาเลยสักนิด!
ฉะนั้นมูฟออนค่ะ!
สวย รวย เก่งขนาดนี้หาใหม่ไม่ยากหรอกบอกเลย ฉันจะหาผู้ชายที่เพอร์เฟ็คกว่าไอ้บ้านั่นเป็นสิบเท่าเลยคอยดู!
“เป็นคนดังอีกแล้วนะวันนี้” เมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่ชอบนั่งเป็นประจำเสียงของเพื่อนก็ลอยเข้ามาให้ได้ยินเรียกสติ ก่อนที่ฉันจะนั่งลงตรงข้ามอีกฝ่ายไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร
“ชินแล้ว”
“ทุ่มเทสุด ๆ” หนิงส่ายหน้าไปมาเหมือนกำลังเอือมระอากับการกระทำของฉัน “แล้วตกลงเลิกแล้ว?”
“เลิกสิ ผู้ชายแย่ ๆ แบบนั้นจะเก็บไว้ทำไม” เล่าก่อนว่าหนิงรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าฉันกับพี่เคนมีปัญหากัน อย่างที่รู้ว่าฉันนัดหนิงให้พาไปไนต์คลับเพื่อจะจับโป๊ะสองคนนั้น แต่ดันมีเรื่องก่อนหนิงก็เลยมาไม่ทัน
“ไม่เสียใจสักหน่อยเหรอ” ไม่ว่าเปล่ามือบางของเพื่อนสาวก็จับใบหน้าฉันพลิกไปมาแผ่วเบา “ตาไม่บวมเลยนี่หว่า สุดยอดเลยลี่”
“ถ้าแกเห็นไอ้พี่เคนพูดกับฉันเมื่อคืนนะ แกจะเข้าใจเลยว่าทำไมฉันถึงไม่ร้องไห้” พูดพลางยกมือขึ้นลูบแขนตัวเอง “เกือบเสียซิงให้มันแล้ว เหี้ย ๆ แบบนั้นเสียให้เสียดายแย่”
“…”
“ยัยไอริสคงคิดว่าฉันจะร้องห่มร้องไห้แล้วคิดว่าตัวเองชนะล่ะสิ”
“…”
“น่าสมเพช”
“เออ… เลิกได้ก็ดีแล้ว” หนิงตบไหล่ฉันเบา ๆ แล้วกลับไปนั่งเหมือนเดิม “แล้วแกรู้นานแล้วเหรอว่าพี่เคนนอกใจ”
“ไม่นานหรอก ไม่กี่วันนี่เอง”
“แล้ว?”
“มันมีแชทปริศนาส่งรูปพี่เคนกับยัยไอริสมาให้ฉัน เหมือนจะบอกทางอ้อมว่าฉันกำลังโดนนอกใจอยู่มั้ง” ไม่ได้สนใจหาว่าใครเป็นเจ้าของแชทปริศนานั่น ซึ่งมันอาจเป็นใครก็ได้ คนที่เกลียดฉัน คนที่รักฉัน คนที่รู้จักฉัน หรืออาจจะเป็นยัยไอริสเองก็ได้ มันเป็นไปได้หมด และฉันไม่คิดที่จะตามหาเพราะหากเขาอยากคุยหรืออยากให้รู้คงไม่มาเป็นแชทปริศนาแบบนี้
“แต่ก็ต้องขอบคุณที่ทำแบบนี้ เพราะมันช่วยให้ฉันเหมือนผู้หญิงมีบุญสุด ๆ”
“…”
“ส่วนใครได้คนอย่างไอ้พี่เคนไปคงมีกรรม”
ทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยความเงียบ แต่เหมือนจะได้ยินเสียงถอนหายใจซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่หนิงจะทำแบบนี้ ดีหน่อยที่หนิงไม่ค่อยถามอะไรมากมาย เหมือนรู้คร่าว ๆ แล้วก็จบคงคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
ฉันกับหนิงเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เราอยู่โรงเรียนเดียวกันและชอบเหมือนกันก็เลยเรียนต่อมหา’ลัยและคณะเดียวกันเหมือนเดิม หนิงเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่ฉันมี เราตัวติดกันจนใครต่อใครหาว่าเราเป็นแฟนกันหรือเปล่า แต่รู้แหละว่าทุกคนแกล้งหยอกแกล้งล้อเพราะเห็นเราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย
ก็มีกันแค่นี้เนอะ จะให้ไปไหนกับใครได้อีกล่ะ