บทที่ 4 เจอกันอีกครั้ง

1444 คำ
แชมเปญกลับมาที่คอนโดพร้อมกับดอกไม้ที่สั่งไว้ หลังจากจัดห้องเสร็จเธอก็มานั่งบนโซฟากลางห้องนั่งเล่นด้วยความรู้สึกที่ยังคงสงสัยไม่หายเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งเกิดชึ้น “รู้แบบนี้น่าจะตัดสินใจถามออกไปสิ” หญิงสาวนึกเสียดายโอกาสนั้นที่ตัวเองได้พลาดไป เพราะแม้แต่ตอนขับรถกลับมาถึงที่ห้องแล้วเธอเองก็ยังคงติดใจกับสายตาคู่นั้นไม่หาย ทั้งความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดตั้งแต่แรกเห็น กับเขาที่มองเธอราวกับมีบางอย่างอยู่ภายในใจ มันทำให้แชมเปญไม่สามารถจะสลัดความสงสัยออกไปได้เลย ขณะที่กำลังฮึดฮัดกับตัวเองอยู่เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ด้านข้างของเธอก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นสายโทรเข้าจากผู้เป็นพ่อทำให้แชมเปญหยุดคิดถึงเรื่องของพนักงานคนนั้นไปได้พักหนึ่งแล้วกดรับสาย “ค่ะ” (ขับรถอยู่รึเปล่า?) “เปล่าค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ที่ห้องแล้ว กลับมาจากร้านดอกไม้ได้ประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ” “คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ?” (พ่อจะบอกว่างานเลี้ยงการกุศลจะมีตอนเย็นวันอาทิตย์นี้นะ และพ่อกับแม่คงไปกับลูกไม่ได้แล้วเพราะพวกเราต้องไปงานวันเกิดของคุณลุงชวิลแทน ลูกไปคนเดียวได้รึเปล่า?) แชมเปญเงียบไปเพราะกำลังใช้ความคิด งานที่พ่อของเธอพูดถึงเป็นงานเลี้ยงการกุศลที่เธอจะต้องไปในนามของร้านเพชร Cara jewelry ซึ่งเป็นงานสังคมที่ปกติคนทำธุรกิจหรือคนมีหน้ามีตาในสังคมจะต้องไปเข้าร่วมอยู่แล้ว แต่สำหรับแชมเปญที่เพิ่งกลับมาไทยนี่คืองานสังคมงานแรกของเธอที่จะได้เจอกับนักธุรกิจคนอื่นหลังจากโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำให้เธอจึงต้องใช้เวลาคิดสักเล็กน้อย ส่วนอีกงานที่พ่อกับแม่ของเธอไปก็คงจะสำคัญไม่ต่างกัน และแชมเปญคงจะไปแทนหรือขอให้ใครคนใดคนหนึ่งไปเป็นเพื่อนเธอแบบเด็ก ๆ ไม่ได้ด้วย แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกแต่มันก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้อยู่ดีในฐานะของคนที่จะมารับช่วงต่อธุรกิจร้านเพชรของครอบครัว มันคงจะไม่ต่างกับงานเลี้ยงที่เธอไปเข้าร่วมตอนอยู่อังกฤษนักหรอก พอคิดได้แบบนั้นหญิงสาวจึงตอบตกลงไป “คุณพ่อไม่ต้องห่วงค่ะ หนูไปเองได้” (พ่อเองก็เชื่อว่าลูกทำได้นะ) (แล้วเรื่องช่างแต่งหน้าแม่บอกลูกแล้วใช่มั้ย?) “ค่ะ หนูคุยกับคุณแม่แล้ว” เมื่อได้ยินดังนั้นคนฟังก็สบายใจ หน้าที่คนเป็นพ่อและแม่แบบพวกเขามีเพียงแค่เตรียมการทุกอย่างให้พร้อมที่สุดสำหรับลูก ส่วนหลังจากนั้นคงเป็นหน้าที่ของแชมเปญแล้วที่จะต้องเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และหาประสบการณ์ให้ได้มากที่สุดด้วยตนเอง วันงานเลี้ยง แชมเปญเดินเข้ามาในงานเลี้ยงการกุศลเพียงคนเดียว วันนี้เธอใส่ชุดราตรีตัวยาวแบบเรียบง่ายที่สวนทางกับเครื่องประดับบนตัวอย่างสิ้นเชิง กลับกันความเรียบง่ายของชุดยิ่งช่วยส่งให้เครื่องเพชรที่แชมเปญสวมใส่อยู่ดูโดดเด่นมากขึ้นไปอีก ทุกคนต่างเข้ามาทักทายลูกสาวเจ้าของร้านเพชรชี่อดังราวกับสนิทสนมกันมานาน แต่นั่นไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกหนักใจเลยกับการต้องมางานเลี้ยงคนเดียว งานพวกนี้เธอเองก็เคยเข้าร่วมตอนอยู่เมืองนอกมาแล้วจึงทำให้แชมเปญสามารถวางตัวได้อย่างเหมาะสมเป็นอย่างดี แต่จะมีก็แค่คนเดียวเท่านั้นที่จะทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความผิดปกติได้ ซึ่งก็คือ ‘กฤติน’ ลูกชายคนเล็กของยศพล ที่ครอบครัวนี้ขึ้นชื่อว่ามีอำนาจล้นมือตั้งแต่รุ่นปู่ของพวกเขา...และมันก็ไม่ใช่ด้านที่ดีเท่าไรนัก “คุณแชมเปญจะไปไหนเหรอครับ?” แชมเปญที่กำลังจะเดินไปหามุมสงบถูกขวางด้วยชายหนุ่มผู้ดีในชุดสูท ที่เธอแทบจะไม่ต้องเดาเลยแต่ก็สามารถเห็นเจตนาของเขาได้ชัดเจนจากสายตาคู่นั้น แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไรนักหากจะเป็นศัตรูกับตระกูลดังที่มีประวัติมาอย่างยาวนานแบบนั้น เธอจึงต้องพยายามตอบกลับไปอย่างสุภาพที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลังได้ “ฉันจะไปเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ” “น่าเสียดายนะครับที่ในงานทุกคนต่างก็มารายล้อมคุณ ทำให้พวกเราไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกันเลย” “ถ้าผมจะของแลกคอนแทคไว้คุยกันได้รึเปล่า” แชมเปญนึกอยากจะตอกกลับแรง ๆ กลับไปกับความไร้มารยาทของอีกฝ่ายที่สายตาของเขาแทะโลมชัดเจนโดยไม่ให้เกียรติเธอเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากจะไม่มีการแนะนำตัวเองแล้วยังมาขวางทางผู้หญิงที่บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำอีก! เธอได้แต่ภาวนาให้มีคนรู้จักผ่านมาเพื่อจะได้หลบหลีกได้แนบเนียน แต่ว่าพื้นที่ตรงนี้กลับไม่มีใครเลย ดังนั้นแชมเปญจึงเลือกที่จะหยิบนามบัตรของเธอให้กับเขาแทน “ถ้าสนใจเพชรของร้านเราสามารถติดต่อตามนี้ได้เลยค่ะ” “ผมไม่ได้อยากได้นามบัตรเพื่อคุยธุรกิจสักหน่อย” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่มือของเขาก็รับนามบัตรไปพร้อมกับการฉวยโอกาสในการสัมผัสผิวเนียนนุ่มของอีกฝ่ายไปด้วย “...วันนี้คุณสวยมากเลยนะ ผมเคยได้ยินแต่คนอื่นพูดถึงคุณ แต่พอมาเจอตัวจริงแล้วกลับดูดียิ่งกว่าที่คนอื่นชมอีก” นี่มันคุกคามกันชัด ๆ ! แชมเปญก้าวถอยหลังอัตโนมัติตอนที่อีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัว เธอคิดว่าวันนี้คงจะได้หมดความอดทนจริง ๆ แน่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้คุยกันต่อเสียงของแจกันที่แตกก็ดังขึ้นเสียก่อน เพล้ง! “ขอโทษครับ พอดีผมเผลอทำหลุดมือ” “เป็นอะไรรึเปล่าคะ” แชมเปญรีบเดินเข้าไปช่วยพนักงานหนุ่มซึ่งการกระทำของเขาได้มาขัดจังหวะบรรยากาศชวนอึดอัดแบบพอดิบพอดี เธอแสร้งทำเป็นให้ความสนใจกับคนตรงหน้าแล้วช่วยเขาเก็บเศษแจกันที่กระจายอยู่บนพื้น ทำให้อีกคนที่ยืนอยู่ถูกเมินไปโดยปริยาย แชมเปญนึกขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่เข้ามาขัดจังหวะความน่าอึดอัดนี้ก่อนที่เธอจะได้สร้างเรื่องในงานเลี้ยงการกุศลจริง ๆ แต่พอเงยหน้ามองพนักงานตรงหน้าหญิงสาวก็ต้องชะงักไป เขาคือพนักงานคนนั้นที่เธอเจอที่ร้านดอกไม้ กฤตินได้แต่นึกหงุดหงิดในใจที่มันอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น เขาก็จะได้สัมผัสเธอมากกว่านี้แล้ว ตอนแรกที่เขาตามแชมเปญมาเพราะเห็นว่าเธอเดินไปในที่ที่ไม่มีคนพอดี แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องได้วะ! แชมเปญละสายตาจากชายหนุ่มตรงหน้าแล้วเอี้ยวกลับไปมองที่ด้านหลัง สัมผัสตรงมือที่โดนกฤตินจับเมื่อครู่ยังทำให้แชมเปญรู้สึกรังเกียจอยู่ไม่หาย พอเห็นว่าอีกคนได้หายไปแล้วก็พอดีกับที่ดีนเก็บเศษแจกันเสร็จพอดี “ขอบคุณนะครับที่มาช่วย แล้วก็ขอโทษด้วยที่มาขัดจังหวะของพวกคุณ” “เดี๋ยวก่อนค่ะ” คราวนี้แชมเปญไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่าย ๆ ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่คิดถึงเรื่องนี้เลย แต่พอได้เจอกับเขาอีกครั้งมันก็เป็นโอกาสที่แชมเปญจะได้ถามสิ่งที่รู้สึกติดค้างอยู่ออกมา “ฉันมีเรื่องจะถามคุณค่ะ” “ครับ” มุมปากหนาลอบกระตุกยิ้มแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับไฮโซสาวตรง ๆ เพราะวันนี้เธอใส่ส้นสูงเลยทำให้ความสูงของทั้งคู่ไม่ต่างกันมากนัก ทั้ง ๆ ที่เขาจำได้ว่าปกติแชมเปญจะตัวเล็กกว่าเขาอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม “คุณดีนใช่ไหมคะ?วันนั้นที่ร้านดอกไม้ฉันได้ยินพนักงานคนอื่นเรียกคุณแบบนั้น” “ใช่ครับ นั่นเป็นอีกชื่อหนึ่งของผมเอง” “ค่ะ ไม่รู้ว่าคุณจะยังจำฉันได้อยู่รึเปล่า แต่พอดีว่าฉันมีเรื่องที่ยังสงสัยอยู่นิดหน่อยน่ะค่ะ” “ครับ มีเรื่องอะไรเหรอครับ” “ฉันกำลังสงสัยว่าเราสองคน...เคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่าคะ?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม