จากนั้นไกด์จำเป็นก็พาลูกทัวร์มาซื้อปลาหมึกย่าง มีทั้งแบบหมึกสด หมึกแห้งที่บดโดยเครื่องบดมือแบบดั้งเดิม เอซกินหมึกแห้งบดแล้วทำหน้าประหลาด ละอองเลยหัวเราะออกมาเบาๆ แต่แค่นั้นก็จับใจพ่อหนุ่มต่างชาติคนนี้ได้แล้ว
ละอองหยิบปลาหวานชิ้นเล็กให้เอซลองกิน
“อันนี้ไม่เค็ม”
ครั้งนี้เอซพยักหน้า ไม่ใช่ว่าเข้าใจแต่หมายความว่า..
“อร่อย”
ละอองพยักหน้ายิ้มๆ ซื้อติดมือมาแล้วยื่นให้พงศ์
“ฉันให้ค่ะ เอาไว้กินกับข้าวก็ได้หรือกินเฉยๆ ก็ได้ ในตู้เย็นมีแต่บะหมึ่กึ่งสำเร็จรูปใช่ไหมล่ะคะ”
จำเป็นที่พงศ์จะต้องแปลให้เพื่อนที่จ้องตาเขม็งมาเชียว เขารับถุงมาแล้วขอบคุณ เอซยิ้มละมุน
“ต่อไปเราจะไปไหว้พระกันนะคะ”
ชี้ไปที่วัด เอซทำท่าไหว้ เหมือนจะถามว่าใช่ไหม
สาวเหนือพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม
“ปอยหลวงของทางเชียงใหม่ส่วนใหญ่จะจัดเมื่อสร้างโบสถ์หรือวิหารของวัดเสร็จ เป็นการเฉลิมฉลอง แต่ถ้าทางลำปาง ‘ปอย’ จะหมายถึงงานศพนะ ไม่เหมือนกัน”
เสียงหวานใสของร่างบางพูดเรียบเรื่อยเสนาะหูเอซสุดๆ
ถึงจะไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรก็เถอะ เอซยกกล้องตัวเล็กที่พกมาขึ้นถ่ายเธอยิ้มๆ
เขารู้แค่ได้มองเธอมีชีวิตชีวาแบบนี้ก็มีความสุขมากแล้ว ภาวนาในใจว่าอย่ากลับไปหมางเมินกันแบบนั้นอีกเลย..
ตอนนี้พงศ์บอกเพื่อนให้ถอดรองเท้าก่อนเข้าไปกราบพระ
เข้ามาในโบสถ์ของวัด ละอองนั่งพับเพียบกับพรมสีแดงหน้าพระประธาน เช่นเดียวกับอีกสองหนุ่ม เอซหยิบกล้องมาถ่ายรูประหว่างที่สาวเหนือก้มกราบพระ แม้แต่ท่ากราบพระยังดูนุ่มนวล อ่า.. รัวชัตเตอร์แบบวิต่อวิไปเลยสิคนคลั่งรัก (ข้างเดียว)
พงศ์มองเพื่อนแบบขำๆ ปนเหนื่อยใจแทน
...เอาเถอะ เป็นกำลังใจให้นะเพื่อน
หนุ่มเหนือเองก็พอเห็นได้จากการนำเที่ยวของละออง เธอดูใส่ใจเอซมากขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ยิ้มหวานบ้างแล้ว ไม่แน่ว่าเพื่อนเขาอาจจะมีหวัง
ละอองไม่ได้รู้เลยว่าลูกทัวร์ของเธอได้นินทาอะไรเธอในใจตัวเองไปแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไร เธอบอกเล่าความเป็นมาคร่าวๆ ของโบสถ์ให้พงศ์ฟัง จะได้แปลให้เพื่อนเขาด้วย
“จริงๆ แต่ก่อนที่โบสถ์ยังไม่ได้สร้าง หมู่บ้านเราใช้โถงตรงนี้กันในการทำพิธีทางศาสนาค่ะ ต่อมาเจ้าอาวาสท่านได้จัดทำกฐินหลวงรวบรวมปัจจัยสร้างโบสถ์ ส่วนการตกแต่งภายในที่มีภาพวาดพุทธชาดกก็มีชาวบ้านหรือลูกศิษย์ลูกหาได้มาแบ่งเป็นเจ้าภาพไปเป็นตอนๆ ไปค่ะ”
หลังจากไหว้พระเสร็จ เดินออกมาอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นแล้ว
พระอาทิตย์ตกไปเป็นชั่วโมงแล้วไม่แปลกที่พื้นที่กลางภูเขาจะหนาวเย็นขึ้น
แม้ละอองจะใส่เสื้อแขนยาวมาแต่ก็ไม่พอจะกันความหนาวจากอากาศกลางหุบเขาได้ เธอลูบแขนเบาๆ กำลังจะหันมาบอกว่าอยากกลับรึยัง เอซก็ได้ถอดเสื้อคลุมของตัวเองคลุมให้เธอเบาๆ
ละอองจะหันมาปฏิเสธ แต่เห็นสิ่งที่สะท้อนในดวงตาสีฟ้าเข้ม
มันคือความเป็นห่วง... อย่างจริงใจ
เธอจึงยอมรับเสื้อคลุมตัวนั้นแต่โดยดี
La-Ong-Prai’ s Part
ฉันถูกป้าเฮือนวานให้มานำเที่ยวงานปอยหลวงกับแขกที่ป้าดูจะถูกชะตามากกลุ่มนี้ รู้หรอกนะว่าป้าหวังอะไร..
ฉันไม่ใช่คนที่จะเกลียดใครโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ ไม่ชอบเกลียดใครด้วยซ้ำ สังเกตกันบ้างไหมคะ เวลาเกลียดอะไรสักอย่างน่ะใช้พลังงานมาก
เพราะงั้นฉันที่ชอบความสงบจนหนีมาอยู่บนดอยคงไม่หาเรื่องเกลียดใครหรอก มันเปลืองพลังงาน
แต่ปัญหาก็คือชาวต่างชาติคนนั้น
ฉันพาพวกเขามาเล่นประทัดที่ลานกว้างของวัด ดูตาฝรั่งนี่จะสนุกมากเลย
ดูไปดูมาเขาก็บื้อนิดๆ นะ ก็เห็นอยู่ว่าประกายไฟมันพุ่งออกจากปลายก้นหอยก็ยังจะวิ่งเข้าหา ดูสิ ฉันไม่เห็นประกายที่ว่านั่นสักนิดเลย...
จากนั้นก็พามาฟังซอ คุณพงศ์ถึงจะเป็นคนเหนือแต่ก็ไม่ค่อยได้ฟังซอแบบนี้จริงๆ จังๆ เห็นเขาหัวเราะหลังเข้าใจมุกก่อนจะเล่าให้เพื่อนฟังแล้วยืนเถียงกันสองคน
“ฟังรู้เรื่องไหม” ฉันหันไปพูดกับฝรั่งตัวโต
ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ไหมว่าฉันพูดอะไรแต่ก็ตอบกลับมา
“ไม่เลย แต่ผมจะเรียนรู้ แล้วถ้าคุณเป็นคนสอนให้ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
....ใครหวังอะไรกับคุณไม่ทราบ...
ฉันคิดในใจขำๆ บางครั้งอะไรที่บื้อๆ ก็.. น่ารักได้เนอะ..
จากนั้นฉันเลยพาไปกินหมึกย่าง ดูเหมือนฝรั่งไม่เคยกินปลาหวาน พอลองได้ชิมแล้วก็เหมือนจะชอบ ฉันเลยซื้อฝากไว้ที่คุณพงศ์
ก็แค่เห็นว่าในห้องมีแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไว้ตอนดึกๆ แค่กลัวอดอยากเท่านั้นแหละ เดี๋ยวจะรีวิวรีสอร์ทว่าดูแลไม่ดี ก็เท่านั้น..
พอกินเสร็จก็พาไปไหว้พระ มางานปอยหลวงของวัดก็ต้องมาไหว้พระด้วย แต่พออกมาจากโบสถ์ลมเย็นก็พัดมาปะทะ ฉันลูบแขนทั้งที่ใส่แขนยาวอยู่ จู่ๆ ก็มีเสื้อคลุมที่มีกลิ่นอุ่นๆ หอมๆ คลุมมาที่ไหล่ เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นดวงตาสีฟ้าเข้มสว่างกับไฟหน้าโบสถ์ แตกต่างกับดวงตาที่ฟ้าซีดเจ้าเล่ห์อีกคู่
มันอ่อนโยนและจริงใจ..
ฉันเม้มริมฝีปากก้มหน้ารับเสื้อคลุมนั้นเงียบๆ
“สวมเลยสิครับจะได้อุ่นๆ ผมซักแล้ว”
ฉันหันไปมองเขานิ่งๆ ดวงตาของเขาก็ยังคงจริงใจเหมือนเดิม
ตัดสินใจสวมเสื้อคลุมนั้น รูปซิปขึ้นมาถึงอก
“Thank you”
"!!!!!!"