ตอนที่ 11 เสียงสุดท้าย

1637 คำ
ตอนที่ 11 เสียงสุดท้าย “คุณบอกว่าวันนี้มีธุระ แต่ไม่ได้ออกไปข้างนอก?” ผมเลิกคิ้วเป็นเครื่องหมายคำถาม “ใช่ วันนี้ฉันมีนัดประชุมกับพวกลูกน้องที่นี่น่ะ” กาแฟแก้วเดิม แต่ถูกรินเติมมาจากกาต้มกาแฟร้อนซึ่งวางอยู่ด้านข้าง “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะผมเห็นพ่อบ้าน แม่บ้านวุ่นวายกันตั้งแต่เช้า” ผมพยักหน้ารับรู้ เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับเหล่าบรรดามาเฟีย เมื่อก่อนผมเคยเห็นพ่อขับรถออกไปร่วมประชุมกับหัวหน้าแก๊งมาซัค และหัวหน้าสาขาอยู่บ่อยๆ ผมรู้และเข้าใจดีว่า ทุกๆ เรื่องราวของคนที่ทำงานสีเทานี้ ส่วนมากมักเป็นเรื่องที่หาความสะอาดไม่ได้ ดังนั้นคนพวกนี้จึงต้องการความเป็นส่วนตัวและต้องการเก็บรักษาทุกอย่างเป็นความลับภายในกลุ่ม ภายในแก๊งตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นผม ขึ้นไปพาลูก้านอนกลางวันก่อนนะครับ เดี๋ยวตามขึ้นไปช้า เจ้าเอราจะขย้ำคอน้องชายผมเสียก่อน” "ลูก้า มานอนได้แล้วครับ” ผมเดินตามหลังสิงโตที่คาบพาน้องชายมาส่งจนถึงห้องนอน แต่เจ้าก้อนอ้วนยังคงหัวเราะคิกคักไม่ยอมขึ้นไปนอนบนเตียงสักที “รุซ ลูก้านอนกับเอราได้มั้ยฮะ” “นอนกับเอราอย่างนั้นเหรอ” ผมเดินไปมุมห้อง หยิบจับอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นมาเพื่อชงนมขวดใหม่สำหรับน้อง “ฮะ ลูก้าอยากนอนกับเอรา” แขนสั้นโอบกอดรอบแผงคอสีขาวของเจ้าสิงโตหนุ่ม “ลูก้า ไม่กลัวเอราทับเอาเหรอ เอราตัวใหญ่มากนะ” ผมเดินถือขวดนมกลับมานั่งลงบนเตียง แล้วหยิบหมอน หยิบตุ๊กตา มาวางเรียงเพื่อเตรียมที่นอนให้ “เอราไม่ทับลูก้าหรอก มันน่ารักมากๆ เลยนะฮะ” “ถ้าอย่างนั้นลองถามเอราก่อนสิว่า อยากมานอนกับลูก้าหรือเปล่า” “เอรา...อยากไปนอนกับลูก้า อะเปล่า” ผมนั่งมองเด็กน้อย พยายามถามสิงโตที่มันทำท่าเหมือนรำคาญเด็กช่างซัก ช่างเซ้าซี้ เพราะได้ยินมันทำเสียงครืดๆ ในลำคอ แล้วเกิดกลัวว่าเจ้าเอราจะโมโห แล้วขย้ำคอน้อง จึงกวักมือเรียกให้ลูก้ารีบปีนขึ้นเตียงมานอน “เอรา...เอรา” มือเล็กๆ ชูขึ้นมากวักเรียกเจ้าสิงโตเพื่อนเล่น ที่ยังเดินวนไป เวียนมาอยู่ข้างเตียง “กินนมนอนได้แล้วครับ ไม่ชวนกันเล่นแล้วนะ” “เอรา อยากขึ้นมานอนกอดลูก้า” ปากน้อยๆ คาบจุกนมพยายามอธิบาย “ลูก้า รู้ได้ยังไงครับว่า เอราอยากขึ้นมานอนด้วย” “เพราะ....เพราะว่า เอรารักลูก้าไงฮะ” “โอเค ถ้าอย่างนั้นเอรา อยากขึ้นมานอนกับลูก้าหรือเปล่า” ผมหันไปร้องถามสัตว์สี่ขา ตบฝ่ามือลงไปตรงที่ว่างข้างน้องชาย ซึ่งเดิมทีมีตุ๊กตาจระเข้หางขาดตัวเก่าวางอยู่ จากนั้นย้ายตุ๊กตาตัวโปรดมาวางไว้อีกด้าน เจ้าสิงโตตัวยักษ์กระโดดขึ้นมาบนเตียงใหญ่ จนเตียงไหวยวบ จากนั้นเดินหมุนวนรอบลูก้าเป็นวงกลมอยู่สามสี่รอบ เหมือนมันกำลังหาที่เหมาะๆ แล้วล้มตัวลงนอนข้างเด็กอ้วน “คิก คิก คิก” เด็กน้อยหัวเราะชอบใจ จากนั้นขยับเข้าไปนอนซุกอยู่ใต้ท้องระหว่างซอกขาทั้งสี่ข้างของเจ้าเอรา ขาเล็กเกี่ยวตุ๊กตาจระเข้เข้าไปหนีบกอดไว้ มือหนึ่งจับขวดนมดูดตามความเคยชิน แต่อีกมือคอยจับอุ้งเท้านุ่มนิ่มของเจ้าเอราขึ้นมาจุ๊บ นมในขวดยังไม่ทันหมด เจ้าอ้วนจอมซนของผมก็ผล็อยหลับไปภายในอ้อมกอดของสัตว์สี่ขา “เอราเดี๋ยวฉันมานะ ฝากดูแลน้องด้วยเข้าใจมั้ย” ผมหันไปพูดกับเจ้าสิงโตที่มองตาม ขณะที่ผมเดินไปหยิบเหยือกน้ำซึ่งพร่องไปเกือบหมดแล้ว ตั้งใจจะเอาลงไปเติม “ลูก้าไม่ใช่อาหาร จำได้ใช่มั้ย” ผมหัวเราะแล้วเลียนแบบท่าทางของคุณคาลวิน ด้วยการลูบหัวและแผงขนของมันก่อนจะเดินออกตามบันไดลงมาชั้นล่าง ผมเดินกลับมาจากด้านในห้องเตรียมอาหาร เดินถือเหยือกน้ำมาแล้วตั้งใจว่าจะกลับขึ้นไปข้างบนตามเดิม เพราะอย่างไรเสียผมก็ยังไม่ไว้ใจให้สัตว์กินเนื้อเฝ้าน้องชาย “อะไรกันนี่....” ท่อนแขนคู่หนึ่งเหนี่ยวรั้งรวบผมเข้าไปกอด “นี่...คุณจะทำอะไร ปล่อยนะ” หน้าเอี้ยวต้องการหันกลับไปดูว่าไอ้บ้าลามกที่ไหนมาทำเรื่องพิเรนทร์ หากแต่สายตายังไม่ทันจับภาพได้ แก้มข้างหนึ่งกลับถูกจูบลงมาจนผมสะดุ้ง “ทำไมเด็กรับใช้บ้านนี้ ถึงได้หน้าตาดีขนาดนี้เนี่ย เนื้อนิ่มน่ากอดจริงๆ" “ปล่อยผมนะ” “ไม่เอาน่า อย่าดิ้นสิ...ถ้านายยอมเป็นของฉัน รับรองเลยว่าฉันจะไม่ให้นายต้องลำบาก” มือหยาบลูบไล้ไปตามท่อนแขนก่อนจะคว้าข้อมือซึ่งผมถือเหยือกน้ำเอาไว้ “คุณพูดเรื่องบ้าอะไร ผมบอกให้ปล่อย” ข้อศอกถูกถองกลับไปด้านหลัง หากแต่เพราะทั้งตัวนั้นถูกกอดรัดเอาไว้แน่นหนา ผมจึงไม่สามารถทำร้ายอีกฝ่ายให้เจ็บตัวได้ “ฉันเป็นถึงหัวหน้าสาขาของตระกูลเมมเบย์เชียวนะ นายไม่สนใจอย่างนั้นเหรอ...” “หัวหน้าสาขาน่ะ ฉันหาใหม่ได้ ถ้าไม่อยากมีรูที่หัว เอามือของนาย ออกไปให้ห่างจากเขา” เสียงเหี้ยมดังแทรกขึ้นมา ท่อนแขนล็อกก้านคอ ก่อนจะกระชากจนคนที่กอดผมจากด้านหลังผงะหงาย ปลายกระบอกปืนสีดำทิ่มกดลงมาตรงข้างขมับเห็นรอยบุ๋มยุบลงไปจนเห็นกระดูก “ใจเย็นสิครับคุณคาลวิน ผมก็แค่สนใจเด็กรับใช้ในบ้านของคุณ” “ถ้ายังอยากมีชีวิตกลับออกไป อย่ายุ่งกับคนของฉัน” คุณคาลวินเหวี่ยงไอ้คนจอมฉวยโอกาสกลิ้งลงไปกับพื้น “คนของคุณอย่างนั้นเหรอ” “กลับไปที่ห้องประชุมได้แล้ว...” “เอ่อ....ครับ” ดวงตากร้าวจ้องเขม็ง ขนาดผมยืนอยู่ห่างตั้งศอกยังรู้สึกกลัวจนตัวเกร็งไปหมด ไอ้คนลามกนั่นเดินกลับไปทางห้องโถงใหญ่ซึ่งภายในมีโต๊ะเอาไว้สำหรับประชุม แต่ผมยังไม่เคยย่างกรายเข้าไป เพียงแค่เห็นมันแวบๆ ตอนแม่บ้านเปิดประตูเข้า เปิดประตูออกเท่านั้น “นายลงมาทำอะไร” มาเฟียหน้าขรึมหันมาถามผมเสียงเครียด “ก็...ลงมาเอาน้ำ” ผมยกเหยือกแก้วในมือสูงขึ้นมานิดหน่อยเพื่อต้องการยืนยันว่าไม่ได้ลงมาเดินเพ่นพ่านโดยพลการ “ทำไมไม่เรียกให้แม่บ้านเอาขึ้นไปให้” “นี่คุณ น้ำเหยือกเดียวผมลงมาเอาเองได้หรอกน่า” “ต่อให้เป็นแค่น้ำแก้วเดียว ฉันก็ไม่เคยเดินลงมาหยิบเอง รู้เอาไว้” มือจับคางของผมเชิดขึ้นมา “ก็คุณเป็นเจ้าของบ้าน ส่วนผมเป็นแค่...ผู้อาศัย ผมจะเอาสิทธิ์อะไรมาร้องสั่งให้คนนั้น คนนี้ทำตาม” “เมื่อกี้นายได้ยินแล้วนี่ว่า ตอนนี้ เวลานี้นายเป็นคนของฉัน” “คนของคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ใช่ คนของฉัน” ท่อนแขนรั้งดึงผมเข้าไปหาจากนั้นโน้มใบหน้าต่ำลงมาประกบจูบ เสียงเหมือนมีคนกำลังปิดประตูรถหลายๆ ครั้งพร้อมกัน ดังมาจากหน้าบ้าน ทำให้ผมจำเป็นต้องขยับออกห่างเจ้าของริมฝีปากหวาน “เอ่อ ดูเหมือนวันนี้แขกของคุณจะเยอะเป็นพิเศษ” “ใช่ ต่อไปนี้ ถ้าฉันมีประชุมแก๊งอีก ห้ามนายออกมาเดินเพ่นพ่าน ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับประกันความปลอดภัย” ใบหน้าพยักไปด้านหลังเหมือนจะยกตัวอย่างเหตุการณ์เมื่อครู่ “ประชุมแก๊ง อย่างนั้นเหรอครับ” ผมปรายหางตามองผ่านไปด้านหน้าประตูห้องประชุม “เอาเป็นว่า ถ้าฉันมีแขกมาที่บ้าน นายห้ามออกมาเด็ดขาด เข้าใจมั้ย” “ครับ...” ผมพยักหน้า กำลังหมุนตัวเดินกลับขึ้นไปตามบันไดกลาง หากแต่เดินสวนทางกับคนกลุ่มใหญ่ที่เดินพ้นประตูเข้ามาภายในคฤหาสน์พอดี เดินนำหน้ามานั้นเป็นผู้ชายลักษณะท่าทางไม่ต่างจากพวกมือปืน อันธพาลหรือมาเฟียทั่วไป ถัดไปด้านหลังที่เดินตามมาเป็นหาง ต่อเป็นแถวผมเดาว่าคงเป็นลูกน้อง ผู้ติดตาม “............” ผมหันไปมองเพียงแค่นิดหน่อยจากนั้นยกเท้าก้าวขึ้นบันไดไปได้เพียงสองสามขั้นก็มีอันต้องชะงักลง “สวัสดีครับคุณคาลวิน!!” เสียงนี้..!!!! เหมือนกระดูกสันหลังของผมถูกแช่แข็งในชั่วพริบตา ผมจำเสียงนี้ได้ดี เพราะมันเป็นเสียงเดียวกับเสียงของผู้ชายคนสุดท้าย คนที่พูดคุยและทะเลาะกับพ่อผมในคืนวันนั้น “นึกว่าวันนี้ นายจะกลับมาไม่ทันซะแล้ว” ท่าทีสนิทสนมของคุณคาลวินที่มีต่อผู้มาใหม่ เกิดเป็นกลุ่มควันก้อนใหญ่ลอยไปลอยมาอยู่ในหัวของผม ภาพชัดทุกอย่างเริ่มพร่าเลือน กลายเป็นอาการวิงเวียนหน้ามืด หากแต่ประสาทสัมผัสยังได้ยินเสียงสนทนาของคนทั้งคู่ชัดเจน “คุณก็รู้นี่ครับว่าผมไม่เคยขาดประชุม ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ไม่ว่าอยู่ส่วนไหนของโลก ผมต้องมาแน่...” “ทุกอย่างโอเคใช่หรือเปล่า” “จัดการพวกมาซัค...ทุกอย่างเรียบร้อยตามที่คุณสั่ง” ตุบ ครึก ครึก ครึก ภาพของชายสองคนที่ยืนพูดคุยกันอยู่ด้านล่างตัดหายไป เหลือไว้เพียงภาพของขั้นบันไดกลิ้งผ่านสายตา แขนขาหน้าผากไม่รู้ถูกอะไรลาก ถูกอะไรทุบเพราะมันเจ็บระบมไปหมด “รุซลัน!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม