ตอนที่ 5 แฟนเก่าหรือจะสู้เลขาใหม่...

2737 คำ
ค่ำนี้คือคืนของ ‘งานเลี้ยงมอบรางวัลนักธุรกิจดีเด่นแห่งปี’ เป็นงานหรูที่เต็มไปด้วยคนดังระดับประเทศ และแขก VIP ที่มีกระเป๋าหนักพอจะซื้อประเทศได้ครึ่งหนึ่ง ท่ามกลางกลิ่นไวน์ฝรั่งเศส ล็อบบี้โรงแรมห้าดาวที่สว่างไสวจนแทบมองเห็นรูขุมขนผู้คน —เสียงแชมเปญเปิดดัง ‘ป๊อบ’ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเหล่าผู้บริหารระดับประเทศ แต่ทั้งหมดนั่น...เงียบลงทันที เมื่อเห็นชายหนุ่มเจ้าของความสูงกว่า 185 เซนติเมตร ก้าวเข้ามาในงาน อลิสแตร์ ราเมียส CEO แห่ง Ramius Group — ชุดสูทสีดำเข้ารูปตัดเย็บเฉียบเฉือนด้วยผ้าเกรดสูงสุดจากอังกฤษ เส้นผมสีดำสนิทเซ็ตเรียบเนี้ยบรับกับกรอบหน้าคมคาย ปลายคิ้วเข้ม ดวงตาคมลึกที่เหมือนกลืนทุกอย่างให้จมหาย ริมฝีปากหยักตรงที่ดูสุขุม...แต่หากจ้องนานไป อาจเผลอจินตนาการว่ามันจะสัมผัสยังไงเวลาเขาจูบ เขาหล่อจนแม้แต่ภรรยาท่านรัฐมนตรี ยังเหลือบมองโดยไม่รู้ตัว สูทสีดำสนิทของทอม ฟอร์ดที่สวมอยู่บนร่างสูงราวเทพเจ้าโรมันปิดหน้ากากเยือกเย็นเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เสียงส้นสูงกระทบพื้นดังเบา ๆ ...ตามด้วยกลิ่นหอมเย้ายวนที่ลอยมาก่อนตัว ข้างกายเขา —คือหญิงสาวในเดรสยาวผ้าซาตินสีมุกเนื้อเงาที่เคลื่อนไหวราวละอองน้ำ ลลิล คหบดีวัฒน์ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยโทนอบอุ่นแบบผู้หญิงหวานที่แฝงกลิ่นอันตราย ผมยาวถูกรวบขึ้นอย่างมีศิลป์ ทิ้งปอยข้างแก้มเล็กน้อยให้ใบหน้าเรียวดูยิ่งน่าหลง แผ่นหลังขาวเนียนเปลือยให้เห็นจากเดรสที่เว้าหลังแนบลำตัว แถมยังผ่าข้างขึ้นสูงจนเห็นเรียวขาขาวเนียนเป็นประกาย ทุกก้าวที่เดิน...แววตาของผู้ชายในงานแทบจะพร้อมใจกันหันตาม บางคนถึงขั้นกระซิบกับเพื่อนข้าง ๆ ว่า “ใครวะ สวยเหมือนหลุดมาจากแฟชั่นโชว์โซลปารีส” อลิสเผลอมองนานเกินไป นานจนคิมหันต์ขยับข้างตัวเบา ๆ แล้วกระแอมเตือน “…เชิญค่ะ ท่านประธาน” ลลิลก้มศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มเหมือนจะเรียบร้อย แต่แววตานั่น...ร้อนเหมือนไฟ อลิสปรายตามองอีกครั้ง ตั้งแต่เนินอกอวบอิ่มที่เกือบพ้นเดรสเกาะอกจนไปถึงเรียวขาขาว เขาไม่พูดอะไร...แต่ในใจคือคำเดียวที่ดังขึ้น “บ้าเอ๊ย...” “ผู้หญิงคนนี้ไม่ควรถูกปล่อยให้อยู่ในสายตาคนอื่นเลยแม้แต่นาทีเดียว” อลิสเห็น...และไม่ชอบเลยสักนิด เขาเดินอ้อมมาข้างหลังเธอ แล้วเอื้อมมือแตะเบา ๆ ที่เอวเธอ “ใครอนุญาตให้เธอสวยขนาดนี้?” เสียงของเขานุ่ม แต่ลึก…ลึกจนคล้ายกับจะกักเธอไว้ทั้งตัว ลลิลสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อรู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นที่แนบแผ่นหลังเปลือย “ก็…ฉันแค่อยากให้สมกับตำแหน่งเลขานี่คะ” ลลิลยักไหล่เบา ๆ แต่รอยยิ้มจากริมฝีปากอวบอิ่มกลับดูฉาบไปด้วยพิษที่แสนอันตราย “มันไม่เหมือนเลขาเลย...” เขากระซิบ “อ้าว แล้วเหมือนอะไรล่ะคะ?” ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลง กระซิบประโยคที่ทำให้เธอต้องเม้มริมฝีปากแน่น “ไว้อยู่กับฉันสองคน...แล้วเธอก็จะรู้เอง” … เสียงเพลงคลาสสิกผสมจังหวะแจ๊สลอยอ้อยอิ่งในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ บรรยากาศภายในโถงหรูของโรงแรม VelvetKey (เวลเว็ทคีย์) ทอประกายจากแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะ แสงจากคริสตัลส่องแวววาวราวกับเพชรต้องแสงตะวันยามค่ำคืน ลลิลเดินเคียงข้างอลิสแตร์ ผู้เป็นเหมือนเทพบุตรในชุดสูท และก็เหมือน...ซาตานในคราบเทพบุตรไม่ผิดเลย “คืนนี้เงียบหน่อยนะครับ ไม่มีข่าวฉาว ไม่มีการลอบยิง ไม่มีแฟนเก่ามาเหวี่ยงกลางงาน—ผมเกือบจะผิดหวัง” ไทเลอร์ที่เดินขนาบหลังพึมพำเบา ๆ อลิสปรายตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วหันมาทางลลิล ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้ ห่างจากแก้มเธอไม่ถึงคืบ “ตั้งใจฟังให้ดี...คืนนี้คุณไม่ได้มางานเลี้ยงเพื่อยืนสวยเฉย ๆ” “แล้วให้มายืนแบบไหนคะ? แบบเซ็กซี่? หรือแบบยั่ว ๆ?” ลลิลย่นคิ้ว ทำตาล้อเลียน อลิสยิ้มมุมปาก ราวกับพอใจในคำตอบ “ก็ทั้งคู่...ถ้าคุณถนัดแบบนั้น” ลมหายใจเธอสะดุดวูบ เขายังพูดต่อ น้ำเสียงเรียบแต่แฝงคำสั่ง “แต่สิ่งที่ผมต้องการจริง ๆ คือให้คุณสังเกต ‘ท่าที’ ของคู่ค้าแต่ละคนที่ผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก ดูว่าใครพูดมากเกินไป ใครพูดน้อยไป ใครชอบจับแขน ใครชอบหลบตา…” “…แล้วก็จำชื่อให้ได้ทั้งหมด ผมจะถามคุณทีหลัง” “ห้ะ?!” ลลิลแทบสำลักความหรูหราของบรรยากาศ “ฉันไม่ใช่สายลับนะคะ คุณอลิส” “ก็คุณเป็นเลขาของผม” เขาก้าวต่อไม่หันกลับ ทิ้งให้ลลิลหัวหมุนตามอยู่สองวินาที ก่อนจะรีบเดินจ้ำตามหลังชุดสูทสีกรมท่าที่พาเธอเข้าสู่ฝูงชนชั้นสูง อลิสพาเธอไปทักทายกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหญ่จากฝรั่งเศส, นักลงทุนสายเทคโนโลยีจากเกาหลีใต้ และเจ้าสัวเจ้าของเหมืองทองคำจากดูไบ เธอยิ้มหวาน จดจำชื่อ และพยายามสังเกตท่าทางตามที่เขาบอก …แต่บางทีสิ่งที่ทำให้เธอเสียสมาธิที่สุดอาจไม่ใช่เหล่าคู่ค้า แต่เป็น ‘เจ้านาย’ ที่ยืนข้าง ๆ นี่แหละ เพราะเขาหล่อแบบไร้ช่องโหว่ ตั้งแต่ไรผมสีเข้มที่เซ็ตอย่างมีชั้นเชิง สูทเข้ารูปที่ขับให้ไหล่กว้างยิ่งขยาย ไปจนถึงเสียงทุ้มนุ่มลึก ที่แค่กระซิบชื่อเธอ เธอก็แทบลืมสังเกตคนอื่นหมดแล้ว “...ลิน” เขาเรียกชื่อเล่นของเธออย่างเจาะจง ในน้ำเสียงที่ใกล้กับคำว่า คำสั่งมากกว่าคำเรียกขาน ลลิลสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนรีบหันมาตอบ “คะ?” “คนเมื่อกี้ เขาชื่ออะไร” “คุณ...” เธอหยุดคิด “…คุณลุง...อะไรสักอย่าง” “ผิด” อลิสตอบทันควัน “เฮ้ย เดี๋ยวก่อน! ก็คุณแนะนำเร็วขนาดนั้น ฉันจำไม่ทันหรอก!” “คุณจะต้องจำให้ได้” เขาว่าพลางก้มกระซิบใกล้แก้ม “หรือจะให้ผมลงโทษที่ความจำคุณสั้นดี?” ลลิลหน้าแดงวาบ ไม่แน่ใจว่าสิ้นเสียงเขา เธอหัวร้อนเพราะเขา…หรือร้อนเพราะใจเธอเองที่เต้นแรง อลิสเดินนำไปยังกลุ่มถัดไป โดยไม่หันมองกลับ เธอถอนหายใจออกแรง—รู้ตัวเลยว่า ‘คืนนี้ไม่ใช่งานเลี้ยงธรรมดา…แต่คือบททดสอบจากซาตานในร่างประธานอย่างแท้จริง’ ... ในขณะที่อลิสกำลังสนทนาอย่างราบรื่นกับคู่ค้าจากอังกฤษ—ชายวัยกลางคนที่ไว้หนวดเล็ก ๆ กับภรรยาสาวสวยที่ยิ้มเก่งจนแทบไม่หยุดพัก ลลิลก็อาศัยจังหวะนั้น..แวบหายออกมาจากกลุ่มเงียบ ๆ เธอกระเถิบมาชิดกำแพงโค้งตรงมุมโถงจัดเลี้ยง หยิบแก้วไวน์ขาวจากถาดของบริกรแล้วกระดกเข้าปากครึ่งแก้วรวด “…หืม รอดแล้วโว้ย” เธอพึมพำเบา ๆ กัดริมฝีปากอย่างหงุดหงิดแต่แอบขำตัวเอง ตาเธอยังคงมองไปยังอลิส—ที่แม้จะอยู่ห่างไกล แต่ความสง่าก็ยังเปล่งประกายเหมือนพระเอกที่ก้าวออกมาจากปกนิตยสารระดับโลก ชายคนนั้น…คือผู้ชายที่เธอหาว่า ‘หยิ่ง’ ตั้งแต่แรกเจอ แต่ตอนนี้...เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า ‘หยิ่ง’ หรือ ‘ยั่ว’ กันแน่ เขาเหมือนคนที่ไม่มีวันหันมามองใคร...แต่ในขณะเดียวกัน เธอกลับรู้สึกเหมือนโดนเขามองตลอดเวลา “ทำหน้าแบบนั้น ระวังจะโดนลากกลับไปกลางงานนะครับ” เสียงทุ้ม ๆ ที่ดังขึ้นจากข้างหลัง ทำเอาลลิลสะดุ้งจนเกือบทำไวน์หก “คะ—คิมหันต์?! คุณมาเงียบเกินไปแล้ว!” เธอหันมามองชายหนุ่มหน้าหวานในสูทเข้ารูป ที่ตอนนี้ยืนพิงเสาอย่างสบายใจ แม้หน้าจะดูละมุนละไมราวกับหลุดจากโฆษณาสกินแคร์ แต่ดวงตาเขาคมกริบจนน่าขนลุก “อย่าหลบสายตาผมสิครับ เลขาลิน...” “ไม่ได้หลบนะ ฉันก็แค่พักหายใจ” เธอเบ้ปาก รู้ตัวดีว่าไม่มีทางเนียนผ่านชายคนนี้ได้ง่าย ๆ คิมหันต์ยิ้มบาง ก่อนยกมือขึ้นกอดอก แล้วพูดเสียงเรียบ “ถ้าคุณจำไม่ได้ว่าใครเป็นใครบ้าง...คุณอลิสจะไม่พอใจมากนะครับ” “หึ” ลลิลยกยิ้มอย่างมั่นใจ “งั้นมาสิ จะลองทดสอบความจำฉันเหรอ?” “ถ้าอยากเล่น ก็ต้องเล่นให้สุดนะครับ” คิมหันต์ก้าวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากคลี่ยิ้มไม่มาก แต่สายตาคมเหมือนจะอ่านทะลุเข้าไปในสมองของเธอ “เริ่มเลยค่ะ” เธอยืดตัวขึ้นอย่างท้าทาย “คู่ค้าจากฝรั่งเศส ชื่อ?” “มาดามวาเลนติน่า กับสามีชื่อมิเชล กู๊ดรีย์” “จากเกาหลีใต้?” “CEO ซองมินโฮ จาก MinTech Group, ภรรยาเขาชื่อจีอึน—ใส่ชุดแดงเพลิงแต่ยิ้มแข็งมาก” “ดูไบ?” “ชีคฮาฟิซ อัลซารี กับน้องชายเขา...ที่ชอบมองขาฉันมากกว่าหน้าคุณอลิสอีก” คิมหันต์หลุดหัวเราะ “ความจำดี...พร้อมรายละเอียดพิเศษด้วย” “ฉันไม่ได้แค่สวยนะคะคุณคิม ฉันฉลาดด้วย” เธอยิ้ม ยักคิ้วให้เขาอย่างกวน ๆ คิมหันต์ยิ้มตอบ แต่ดวงตาคมยังนิ่งสงบ “ฉลาด...ก็อย่าคิดว่าจะหลุดพ้นจากสายตาท่านประธานได้ง่าย ๆ นะครับ” “ฉันก็ไม่ได้อยากหลุดนะ” เธอเผลอพูดออกไป รู้ตัวอีกทีก็ตอนคิมหันต์หัวเราะเบา ๆ แล้วผละออกไปจากมุมเสา “งั้นผมจะไม่บอกเจ้านายนะครับ...ว่าคุณแอบหนีมากระดกไวน์อยู่ตรงนี้” “อ้อ แล้วก็...เตรียมตัวให้พร้อมนะครับ” เสียงเขาดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมา ลลิลที่ยกแก้วไวน์แนบริมฝีปาก มุมปากยังระบายยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่พลันแข็งค้าง เมื่อเสียงทุ้มนุ่มของเขาดังขึ้นทิ้งท้าย...แถมยังเป็นคำที่ฟังแล้วใจหายวาบกว่าไวน์หมดแก้วเสียอีก “เพราะเจ้านายเดินตรงมานี่แล้ว” “เชี่ยละ...” เธอสบถในลำคอแทบไม่ทัน ก่อนจะหมุนตัวกลับอย่างเร็ว อลิสแตร์ ในสูทสีดำสนิทกำลังก้าวเท้าตรงมาหาเธอ สายตานิ่งเรียบ...แต่มีรังสีมาคุพวยพุ่งเหมือนหมอกควันจากปลายกระบอกปืน “โอ๊ะ...ว่าไงคะ คุณอลิส” ลลิลรีบเก็บแก้วไวน์ ไหล่เกร็งราวกับกำลังสอบเข้าค่ายคอมมานโด “คุณลิน...” เสียงเขาเรียก ขณะสายตากวาดมองตั้งแต่ปลายเท้าเธอไล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกสแกนด้วยเลเซอร์ไฮเทคในหนังไซไฟ “ขอโทษค่ะ ฉันแค่...พักชิมไวน์นิดหน่อย” เธอหลุบตาลงต่ำ พูดเสียงเบา “ไวน์?” เขาเลิกคิ้ว หรี่ตามองเธอด้วยแววตาที่อ่านยากเหลือเกิน “หรือกำลังซ้อมหลบหนี?” “เอ่อ...ทั้งสองค่ะ” ลลิลตอบอย่างกล้าตาย ก่อนจะยิ้มกว้างกลบเกลื่อนแบบฉบับสาวป่วน อลิสไม่ตอบ แต่เดินเข้ามาใกล้จนปลายรองเท้าของเขาแทบจะชนส้นสูงของเธอ ลมหายใจของเขาอุ่นร้อนนิด ๆ และแรงพอจะทำให้หัวใจเธอกระตุกเบา ๆ “ไว้กลับถึงห้องแล้ว...เราค่อยเคลียร์เรื่องนี้นะครับ คุณลิน” แค่เสียงเรียก ‘คุณลิน’ ก็ทำเอาเธอขาอ่อนแล้วหนึ่ง แต่ก่อนที่อลิสจะได้พูดอะไรต่อ เสียงหวานแบบตั้งใจให้ดูแพงก็ดังขึ้นจากข้างหลังพวกเขา “อลิสคะ~” ลลิลแทบสะดุ้ง หันขวับไปตามเสียงพร้อมกันกับเขา ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสเมทัลลิกสีเงิน ผ่าหน้าผ่าหลังสูงจนเกือบถึงสะดือ ผมลอนใหญ่สวยหวีเป๊ะ หน้าเป๊ะ และสายตา—เป๊ะยิ่งกว่าช่างแต่งหน้าเวที Miss Universe “ชลนที...” อลิสเอ่ยเสียงต่ำ สายตาเปลี่ยนจากเย็นชามาเป็นเยือกแข็งเพียงพริบตาเดียว “ดีใจจังค่ะที่ยังจำชื่อทีได้” เธอยิ้มหวาน ทว่าในดวงตากลับเต็มไปด้วยความรุกเร้า ลลิลหรี่ตาลง มองผู้หญิงตรงหน้าอย่างประเมินสถานการณ์ ในหัวเริ่มมีเสียงสัญญาณเตือนดังติ๊ดๆๆ แบบเดียวกับตอนเธอเคยกดระเบิดในเกมออนไลน์ “อ๊ะ...นี่หรือคะ? เลขาคนใหม่ที่ฮือฮากันในวงใน...” ชลนทีหันมาหาเธอ ยิ้มให้ แต่แววตานั้นคือ ‘ยิ้มแบบจะกินหัวเธออยู่แล้ว’ “ลลิล ค่ะ” ลลิลแนะนำตัวเองโดยไม่สะทกสะท้าน “คุณคือ...?” “ชลนทีค่ะ ทีเคยคบกับอลิส...ตอนเขายังไม่ได้เป็นประธานบริษัทเลย” อลิสถอนหายใจทันที เหมือนกำลังฟังละครซ้ำรอบที่พันเก้า “...และตอนนี้ เขาก็ยังไม่เป็น ‘ของใคร’ ใช่มั้ยคะ?” ชลนทีพูดต่อ มือยกขึ้นแตะแขนเขาอย่างอ่อยแบบไม่มีมารยาท หืม...ยัยนี่...อ้อยกันขนาดนี้ ไม่ได้ดูหน้าบอสเลยสินะ ว่าเบื่อขนาดไหน ...เอาไงดี...ช่วยบอสเอาบุญละกัน ลลิลยิ้มหวานให้แฟนเก่าของบอส “คุณอลิสคะ...ถ้าต้องมีแฟนเก่ามาทวงคืนสถานะแบบนี้บ่อย ๆ คุณควรจะมีบัตรคิวแจกไว้เลยนะคะ จะได้ไม่แย่งกันหน้าลิฟต์” อลิสกระแอมเบา ๆ เหมือนพยายามกลั้นหัวเราะ ชลนทีหน้าแข็งไปชั่วครู่ ก่อนจะกลั้นยิ้มฝืน “เด็กเดี๋ยวนี้...แสบจังเลยนะคะ” “ไม่ใช่เด็กนะคะ...เป็นเลขา” ลลิลยักคิ้วให้แบบฟาดหมัดตรง และในตอนนั้นเอง อลิสก็ก้าวเข้ามาแทรกกลางระหว่างสองสาว มือหนาเอื้อมโอบเอวลลิลเข้ามาแนบชิดตัวเขาอย่างจงใจ “ชลนที—ขออนุญาตพาเลขาผมไปทำหน้าที่ต่อนะครับ” เขาหันไปพูดกับชลนทีแบบไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่นิด “ส่วนเรื่องในอดีต...เก็บไว้เป็นความทรงจำดี ๆ ก็พอ อย่ารื้อขึ้นมาให้ลำบากใจ” ชลนทีชะงักไปเสี้ยววินาที...แต่เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ก่อนเธอจะยกยิ้มบาง ๆ ประหนึ่งไม่สะทกสะท้าน มือเรียวยกขึ้นเสยผมเบา ๆ อย่างคนที่ยังมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองเต็มร้อย “งั้นไว้มีโอกาส...” ชลนทีพูดเสียงอ่อนหวานเบา ๆ แต่ดังพอให้ลลิลได้ยิน “ฉันจะขอนัดทานข้าวกับคุณแล้วกันนะคะ—แบบส่วนตัว...ไม่เกี่ยวกับธุรกิจ” จากนั้นเธอก็ปรายตามองลลิล ยิ้มแบบเย้ยนิด ๆ อย่างคนที่รู้ตัวว่าสวยและเคยได้มาก่อน ก่อนจะหมุนตัวอย่างเนี้ยบเฉียบ ส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนดังกึก ๆ อย่างมีจังหวะ เส้นผมลอนใหญ่พลิ้วตามแรงสะบัด…ราวกับซ้อมมาเพื่อฉากนี้โดยเฉพาะ ลลิลมองตามหลังแล้วพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง “สะดุดล้มทีเถอะ จะหัวเราะให้ฟันหักเลย...” เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังจากข้างตัว อลิสยืนกอดอก มองเธอด้วยแววตาเรียบสนิท แต่ริมฝีปากหยักยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “คุณปากจัดกว่าที่ผมคิดนะ” เขาว่าเรียบ ๆ แต่แววตาเป็นประกายแวววาวเหมือนกำลังเพลินอยู่ลึก ๆ “ก็...มีคุณเป็นแรงบันดาลใจไงคะ” ลลิลสวนทันควัน อลิสไม่ตอบกลับทันที แต่กลับโน้มตัวลงเล็กน้อย —ใกล้พอให้เธอได้ยินเสียงทุ้มกระซิบแทบชิดริมฝีปาก “แรงบันดาลใจหรอ…?” เสียงเขาเย็น แต่ทิ้งท้ายเหมือนมีอะไรค้างอยู่ในลำคอ “ถ้าปากคุณจัดได้ขนาดนี้...ผมก็เริ่มสงสัยแล้วสิ ว่ารสชาติมันจะเป็นยังไง” ลลิลนิ่งค้าง—หน้าเห่อร้อนทั้งที่อยู่ในห้องแอร์ พูดไม่ออกทั้งคำด่าและคำโต้ อลิสที่ได้คำตอบเป็นความเงียบ ยิ่งยกยิ้มบางจนดูเหมือนมีชัย จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องทันที ราวกับประโยคเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น “ไปกันเถอะ” อลิสกลับมายืนตัวตรง พยักหน้าให้เธอเล็กน้อย “ผมจะพาคุณไปแนะนำกับคู่ค้าคนถัดไป—นักลงทุนจากเกาหลีใต้ คนนี้หูไว ปากจัด แต่ชอบคนซื่อ” เขาก้าวนำไปอย่างนิ่งขรึม โดยไม่หันกลับมามองเลยสักนิด ...ทิ้งไว้เพียงไหล่กว้างกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ยังไม่จางหาย และ...ใจของลลิลที่เต้นแรงแบบโคตรไม่ตั้งใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม